ยามว่างลูกสาว ผบช.น.เล่นดนตรีไทย-เดินสายไหว้พระ

“ตั้งแต่เด็กจนโตไม่เคยมีความคิดว่าจะเป็นตำรวจ ในทางกลับกันรู้สึกมีอคติด้วยซ้ำ เพราะตั้งแต่จำความได้ก็เห็นพ่อเป็นตำรวจ มีความน้อยใจที่เจอหน้าพ่อเป็นครั้งคราว พ่อไม่มีเวลาให้ครอบครัว เจอหน้ากันทีก็จะเข้านอนแล้ว เลยแอบเหวี่ยงๆตามประสาเด็ก แต่อาชีพที่ชอบต้องเป็นงานอิสระ อาทิ มัณฑนากร นักดนตรี ออกแนวอาร์ตๆ ติสท์ๆ แบบศิลปิน แต่ท้ายที่สุดได้มารับราชการตำรวจ เดินตามรอยพ่อกับพี่สาว ทั้งที่พ่อกับพี่สาวไม่ได้ขีดเส้นตีกรอบให้เราต้องเดินรอยตาม ลูกชอบอะไร อยากเป็นอะไรก็ตามนั้น ขอให้เป็นคนดี รู้หน้าที่ รู้จักการเสียสละเพื่อผู้อื่นเท่าที่จะทำได้ก็พอ” นี่เป็นประโยคคำพูดของ “หมวดเฟิร์น”ร.ต.ต.หญิง ญานี วงษ์ปิ่น รองสารวัตรฝ่ายอำนวยการ กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม ลูกสาวคนเล็กของนายพลสีกากี “บิ๊กบัว” พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล

ผู้หมวดสาวอธิบายว่า จะเรียกว่าเป็นลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น หรือ ลูกไม้ใกล้ต้น ก็ไม่เชิง เพราะอย่างที่บอก การเป็นตำรวจไม่เคยมีความคิดเลยตั้งแต่เด็ก เนื่องจากมีอคติที่พ่อเป็นตำรวจไม่มีเวลาให้ครอบครัว ให้ลูกๆ เกิดความน้อยเนื้อต่ำใจไปตามประสา แต่เมื่อโตขึ้นมาในวัยทำงาน การได้เห็น ได้สัมผัสอาชีพตำรวจ ทั้งพ่อและพี่สาว จึงเกิดการคิดวิเคราะห์ แยกแยะ จนเข้าใจว่า อาชีพตำรวจไม่ได้เลวร้ายอะไร ที่ไม่มีเวลาเพราะต้องเสียสละทำเพื่อคนอื่น เพื่อส่วนรวม สังคมและประเทศชาติ เป็นอาชีพที่มีเกียรติและภาคภูมิใจ สามารถสลัดอคติที่ไม่ดีในวัยเด็กและและวัยโตช่วงหนึ่งออกไป จนสุดท้ายก็ได้มาเป็นตำรวจเหมือนพ่อและพี่สาว โดยที่ไม่มีใครขีดเส้นให้เดิน หากแต่เลือกและตัดสินใจด้วยตัวเอง ประกอบกับเป็นผู้หญิงที่ออกแนวห้าวๆลุยๆ อาชีพตำรวจจึงตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี

ก่อนจะมาเดินตามรอยเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ หมวดเฟิร์นรับราชการอยู่ที่กรมโยธาธิการและผังเมือง ตั้งอยู่ที่ ถนนพระราม 6 กรุงเทพฯ แต่เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม มีความพร้อมทั้งความรู้ความสามารถ ร่างกายและสภาพจิตใจพร้อมที่จะก้าวเข้าสู่วงการสีกากี จึงใช้วุฒิปริญญาตรีสมัครเข้าสอบเป็นนายร้อยอบรม เมื่อสอบผ่านก็ต้องเข้าอบรมหลักสูตรเป็นเวลา 4 เดือน และเพิ่งติดยศเป็น “ร.ต.ต.หญิง” เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา จะเรียกว่าเป็น ร.ต.ต.หญิง ป้ายแดงก็ไม่แปลก เพราะเพิ่งทำงานรับราชการตำรวจได้ประมาณ 1 เดือน

  “ทันทีที่เข้ามาสัมผัสกับการเป็นตำรวจ ก็รู้สึกภาคภูมิใจในอาชีพ แม้เป็นแค่ช่วงเวลาที่เพิ่งเริ่มต้น แต่ทำให้ได้เห็นได้เข้าใจอะไรหลายอย่าง ความรู้สึกก็จะแตกต่างจากคนข้างนอกที่ไม่ได้เป็นตำรวจมอง ไม่ว่าอยู่ในส่วนงานไหนของตำรวจ ก็ต้องสะกดคำว่าเสียสละ ที่สำคัญเพื่อนร่วมงานพี่ทั้งหลายก็รักใคร่เอ็นดู แนะนำงาน ไม่ได้มองว่าเป็นเด็กเส้น เพราะรู้ว่าเฟิร์นมาเป็นตำรวจตามขั้นตอนและความรู้ความสามารถของตัวเอง โดยที่ไม่ได้ใช้ชื่อเสียง หรือ ยศตำแหน่งนายพลของพ่อมาวิ่งเต้นเพื่อรับราชการตำรวจ อาจจะมีบ้างหากจะมีคนคิดว่าเฟิร์นเป็นเด็กเส้นใหญ่ แต่ก็น่ะ ห้ามความคิดใครไม่ได้ แต่เรารู้ตัวเองดีว่าเราทำอะไรอยู่ ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ และพ่อก็จะบอกเสมอว่าให้ตั้งใจทำงาน ทำหน้าที่ให้ดี ให้ลงไปในส่วนที่ได้ปฏิบัติงานจริงๆ สิ่งที่พ่อช่วยมีแค่นี้ คือ ช่วยบอกให้ตั้งใจทำงาน ไม่มีวาระอะไรซ่อนเร้น” หมวดเฟิร์น พูดอย่างหนักแน่น

ตำรวจหญิงป้ายแดงลูกสาวนายพลคนเก่งผู้นี้ ยังบอกอีกว่า ถ้าเป็นไปได้ในอนาคตอยากจะทำงานด้านสืบสวน เพราะคิดว่าเป็นงานที่ต้องใช้ศาสตร์และศิลป์ ใช้ความรู้ความสามารถ ไหวพริบ เป็นงานลุยๆ โดยคิดว่าเหมาะกับผู้หญิงสายลุยอย่างตัวเอง โดยที่คนในครอบครัวก็ไม่ได้ทัดทานอะไร แต่ก็เป็นห่วงเรื่องจะเหนื่อยเล็กน้อย เพราะงานด้านนี้หนักเอาการ และเวลาไม่ปกติแน่นอน ต้องรอดูต่อไปว่าในอนาคตข้างหน้าจะได้เป็นสายสืบหญิงในวงการสีกากีหรือไม่

แม้หมวดเฟิร์นจะเป็นหญิงชอบแนวบู๊ ออกลูกห้าวสายลุย แต่โดยปกติแล้วจะเป็น “สายบุญ” เพราะถ้ามีเวลาว่างจะเดินสายไหว้พระทำบุญให้จิตใจปลอดโปร่ง ถึงขั้นที่ว่าบางทีติดงานแค่เห็นพวงมาลัยไหว้พระก็ทำให้อิ่มใจขึ้น เนื่องจากสมัยวัยรุ่นเป็นคนอารมณ์ฉุนเฉียวง่าย อาจถึงขั้นโมโหร้าย ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ค่อยได้ แต่พอได้ไปไหว้พระทำบุญแล้วทำให้จิตใจสงบขึ้น มีสติ มีสมาธิมากขึ้น เวลาเครียด พอได้ไปวัด ไหว้พระก็หาย ซึ่งส่งผลให้การดำเนินชีวิตดีขึ้นตามลำดับ ส่วนใหญ่แล้วจะไปกับเพื่อน บางครั้งก็ไปกับครอบครัว แต่การไปไหว้พระ ไหว้เทพเจ้า ไม่ได้ไปบนบานขอพร เพียงแค่ไปไหว้ให้เกิดความสบายใจ เพราะคิดเสมอว่าถ้าอยากทำอะไรให้สำเร็จก็ต้องตั้งใจทำด้วยตัวเองให้ดีให้สุดความสามารถ

นอกจากจะพักผ่อนหย่อนใจด้วยการเดินสายไหว้พระทำบุญแล้ว หมวดเฟิร์นยังมีความสามารถติดตัวตั้งแต่สมัยเป็นนักเรียน คือ การเล่นดนตรีไทย และทุกวันนี้ยังเล่นอยู่เวลาว่างๆอยากทำอะไรเพลินๆ หรือแม้แต่เวลาเครียดจากเรื่องต่างๆ ก็จะผ่อนคลายด้วยการเล่นดนตรีไทยเครื่องดนตรีที่ถนัดจะเป็น ฆ้องวงใหญ่ กับ ขิม แต่ผู้หมวดป้ายแดงออกตัวว่า ด้วยที่เป็นคนติสต์ อารมณ์ศิลปิน ก็จะไปนั่งเล่นคนเดียว ดังนั้นจึงไม่มีใครถ่ายรูปเวลาเล่นดนตรีไทย เลยไม่มีภาพมาอวด ส่วนกิจกรรมอื่นก็เล่นกับน้องหมาที่บ้าน เพราะที่บ้านเป็นคนรักหมา ไล่ลำดับตั้งแต่พ่อลงมาเลย

ร.ต.ต.หญิง ญานี วงษ์ปิ่น ทิ้งท้ายว่า เท่าที่สัมผัสพบว่ามีน้องๆคนรุ่นใหม่ หรือวัยรุ่นอยากเป็นตำรวจกันมากขึ้น แต่หลายคนก็ยังมีความคิดแบบผิดๆที่ว่า ต้องมีเส้น หรือเก่งไม่พอ กลัวสอบไม่ติด อยากแนะนำว่า นอกจากการสอบเข้าโรงเรียนนายร้อยตำรวจแล้ว ยังมีช่องทางการสอบนายสิบ หรือแม้แต่การใช้วุฒิปริญญาตรีเพื่อสอบเข้าตามวาระโอกาสต่างๆ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือหน่วยนั้นๆประกาศเพื่อต้องการกำลังพลในส่วนที่ขาดแคลน สิ่งสำคัญ คือ การเตรียมตัวให้พร้อม ด้วยการตั้งใจเรียน อ่านหนังสือ ออกกำลังกายให้สุขภาพแข็งแรง ที่สำคัญเตรียมใจให้พร้อม ถามใจตัวเองให้ดีก่อนตัดสินใจว่า พร้อมที่จะเสียสละเวลาส่วนตัว เพื่อเป็นตำรวจมาทำงานเพื่อส่วนรวมได้ไหม ถ้าพร้อมทุกอย่างก็วิ่งหาโอกาสได้เลย

 

 

RELATED ARTICLES