“อยู่กันทุกวันนี้ต้องเข้าใจกันเป็นหลัก เข้าใจงานเขา เข้าใจตัวเขา”

นักธุรกิจหญิงมากความสามารถตามแบบฉบับ Working Woman

คุณเกตุ-เกตุญาดา สุขพิทักษ์ ภรรยาสาว พ.ต.ท.ประจักษ์พงษ์ สุริยา สารวัตรกองกำกับการสืบสวน 1 กองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 2 นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 58 เจ้าของตึก YADA ENTERPRISE หน้ามหาวิทยาลัยบูรพา ถนนลงหาดบางแสน อำเภอเมืองชลบุรี

เธอเป็นคนฉะเชิงเทรา ลูกสาว ร.ท. ทหารค่ายกองพลทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ จบโรงเรียนเซนต์หลุยส์ ฉะเชิงเทรา ไปต่อปริญญาตรีศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ปริญญาโทบริหารธุรกิจและประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยเดียวกัน

ชีวิตทำธุรกิจส่วนตัวมาตลอด ด้วยความที่ชอบค้าขายมาตั้งแต่เด็ก เรียนรู้จากแม่ที่ส่งออกมะพร้าวรายใหญ่ของแปดริ้ว ถึงไม่มีความฝันอยากเป็นอะไรนอกจากนักธุรกิจ เปิดแบรนด์ขายของออนไลน์ตั้งแต่อายุ 19 ที่กำลังเรียนอยู่ชั้นปี 2 ในยุคแรกที่นิยมเล่น Hi5 เป็นครีม YADA” แบรนด์ตัวเอง อาศัยมีวาทะศิลป์ด้านการพูด ขี่มอเตอร์ไซค์ตระเวนติดต่อโรงงานทำผลิตภัณฑ์ เพราะชอบความสวยความงาม ก่อร่างสร้างตัวจนมีตึกเป็นของตัวเอง ควบคู่กับจับงานด้านอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจเรือนาวาจักรพรรดิ รับนักท่องเที่ยวจีนไปดินเนอร์กันกลางทะเลยามค่ำคืนที่แหลมบาลีฮาย พัทยา

นอกจากเก่งในเรื่องธุรกิจขายตรงสารพัดรูปแบบ คุณเกตุยังเป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ดี ชอบออกงานสังคมเพื่อพบปะผู้คนหลากหลายวงการ กระทั่งมาเจอสามีเป็นนายตำรวจหนุ่มในงานเลี้ยงนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 58 ที่พัทยา เธอยอมรับว่า ตอนเด็กไม่เคยชอบตำรวจด้วยซ้ำ พบกันครั้งแรกเขาเป็นรองสารวัตรสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี เป็นชุดเฉพาะกิจศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ เราไปกับเพื่อน เหมือนกับเขาจะสะดุดเรามากกว่า มองอยู่นานมาก แต่ไม่ได้คุยจริงจัง

หลังจากนั้น เธอต้องกลับไปเป็นครูฝึกสอนโรงเรียนดัดดรุณีที่บ้านเกิด ฝ่ายชายจะอาศัยช่วงกลับบ้านเกิดจังหวัดนครราชสีมา เป็นทางผ่านแวะไปเยี่ยม และชวนกินข้าว “คุยกันเรื่อย แต่เราจะปฏิเสธตลอด พยายามบ่ายเบี่ยงไม่คอยอยากเจอ เขาจีบนานมาก ตื้อจะเจอให้ได้ เรายังไม่มั่นใจ คิดว่า เขาเจ้าชู้ ดูจากบุคลิกเหมือนชอบส่งสายตากะลิ้มกะเหลี่ย พอได้คบกันจริง ๆ เขาไม่ได้เจ้าชู้เลย”

ทั้งคู่ใช้เวลาศึกษาดูใจนานปีเศษ คุณเกตุบอกว่า คบกันไม่นาน เหมือนรู้จักกันมานานแล้ว เพราะต่างคนต่างโต เราเรียนจบปริญญาตรีเริ่มเรียนปริญญาโท เขาเป็นสารวัตรสืบชลบุรี กลับมาคุยกัน คลิ๊กง่ายมาก ไม่นานก็หมั้นแล้วตัดสินใจแต่งงาน ชอบตรงที่เขาเป็นคนตั้งใจทำงาน เป็นคนรักแม่ด้วย รู้สึกว่า คนที่รักแม่ ก็จะรักเมีย ดูแลเราได้ แม้สามีจะดูเป็นคนที่จริงจังกับงานมาก มีความรับผิดชอบสูง มุ่งมั่นกับงานในหน้าทำงาน

“ตอนจีบกัน เขาค่อนข้างจะเลือกงานมากกว่าเลือกสาว ลองใจเราหลายรอบมาก เวลานัดกัน เรามาจากแปดริ้ว พอถึงเขากลับบอกว่า ไปทำงานแล้ว ตอนนั้นเราไม่ค่อยเข้าใจ น้อยใจ พอมาเป็นภรรยาถึงเข้าใจแล้วว่า อาชีพตำรวจมันเป็นแบบนี้ ต้องเตรียมตัวตลอดเวลา เราต้องรับให้ได้ ยกเลิกนัด คือยกเลิก เราโดนหลายครั้งจนจำไม่ได้ ครั้งสุดท้ายเป็นวันวาเลนไทน์พอดี  มองว่า ถ้าครั้งนี้เขาไม่มา คิดว่า เขาคงไม่ได้ใส่ใจในตัวเราแล้ว เป็นครั้งที่เราต้องตัดสินใจแล้ว ยังบอกแม่ว่า ถ้าผู้ชายคนนี้ไม่มา ก็ไม่เอาแล้ว แต่เขาก็มา” ภรรยาสาวนายตำรวจหนุ่มย้อนความหลัง “เราพูดกับเขาเลยว่า พี่อย่ามาคบกับหนูเล่นๆ นะ หนูไม่เหมือนกับผู้หญิงวัยรุ่นทั่วไป หนูมีการศึกษา มีงานมีการทำ พ่อแม่ด้วย อย่ามาเหมือนแบบเล่นๆ เหมือนผู้หญิงทั่วไปที่เจอ อย่ามาแบบขำๆ เล่นๆ กับหนู หนูเป็นผู้หญิงที่จริงจัง”

หลังจากแต่งงานใช้ชีวิตเป็นครอบครัวเดียวกัน คุณเกตุสารภาพว่า ความรู้สึกเปลี่ยนไปมากเมื่อเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวตำรวจ ต้องรับผิดชอบมากขึ้นในเรื่องงานบ้านและการดูแลลูก เพื่อปล่อยให้เขาทำหน้าที่ตำรวจที่เขาทำได้ดีอย่างเต็มที่ ซึ่งเราต้องทำให้ได้  เพราะตัดสินใจแต่งงานกันแล้ว รู้แล้วว่า สามีเป็นคนแบบนี้ เราต้องรับให้ได้ ที่สำคัญอาจเพราะเรารักเขาด้วย

ปัจจุบันทั้งคู่มีพยานรักด้วยกัน 2 คน คือ น้องฮาโก้-ธาดาพงค์ สุริยา และน้องเฮก้า-พงค์ธาดา สุริยา เธอระบายความรู้สึกว่า พอมีลูกแล้ว ก็ไม่ได้รักกันเหมือนแบบวัยรุ่น มีความรับผิดชอบมากขึ้น เสมือนการเติมเต็มกันเป็นครอบครัว มีความเป็นพ่อเป็นแม่ ทว่าสามียังคงทำงานหนักเหมือนเดิม อาจทุ่มเทกว่าเดิมไม่ได้เหมือนก่อน จำเป็นต้องเสี่ยงน้อยลง เพราะต้องคิดถึงลูก คิดว่า ไม่คุ้ม จับคนร้ายไม่ได้วันนี้ เดี๋ยววันหลังก็จับได้

  ส่วนเธอไม่ต่างกันในการต้องดูแลลูกน้อยทั้ง 2 คนแล้วยังทำงานหนัก เจ้าตัวว่า เป็นคนไฮเปอร์ อยู่เฉยไม่ได้ ชอบทำงาน ต้องเห็นเงินทุกวัน ขายอะไรก็ได้ เพราะไม่ชอบคอยวาสนา อย่างน้อยก็มีรายได้จุนเจอครอบครัวไม่ทำให้สามีเดือดร้อน เขาจะได้ทำหน้าที่ตัวเองอย่างสบายใจไม่ต้องพะวง และยังวางใจว่า เราจะเลี้ยงดูลูก ดูแลลูกได้ จัดการได้หมด

ถามว่าทะเลาะกันบ้างไหม นักธุรกิจเมียสารวัตรสืบสวนตำรวจภูธรภาค 2 บอกเป็นเรื่องธรรมดา เป็นเรื่องของเวลา เพราะงานตำรวจเราไม่รู้คนจะตายวันไหน จะมีปล้นกันวันไหน เมื่อสามีทำงานสืบสวน โดนเรียกก็ต้องไปทันที กลางคืนออกไปก็มี เราต้องปล่อยไป บางทีไปต่างจังหวัดค้างคืนหลายวันหากยังทำภารกิจไม่เสร็จ เราก็ต้องเข้าใจ

“อยู่กันทุกวันนี้ต้องเข้าใจกันเป็นหลัก เข้าใจงานเขา เข้าใจตัวเขา สิ่งที่เขาชอบ คือ เมื่อก่อนตอนเป็นวัยรุ่น อาจเป็นความรักกันแบบฉาบฉวย ตอนนี้มันไม่ได้รักแบบนั้น รักด้วยความผูกพัน ความเข้าใจกัน มากกว่า เพราะมีครอบครัวแล้ว อยากฝากครอบครัวตำรวจคนอื่น คือ เรื่องเวลา เมื่อเวลาสามีไม่ค่อยมี แม่บ้านบางคนไม่ได้ทำงาน ก็ยิ่งเครียดเวลาสามีไม่อยู่ เมียบางคนมีเวลาว่างก็จับกลุ่มนินทา เล่นไพ่บ้าง อะไรอย่างนี้ ทำให้ครอบครัวไม่ประสบความสำเร็จ”

เธอเชื่อว่า การเป็นภรรยาตำรวจต้องโฟกัสไปในเรื่องการทำงานและเลี้ยงดูลูก ไปทำชีวิตตัวเองให้ดี มีสังคมแม่บ้านได้ แต่เจอโดยความคิดสร้างสรรค์ดีกว่า ไม่ใช่เม้าท์มอย เลือกคบแม่บ้านที่คุยเรื่องงาน คุยเรื่องลูก อย่าไปพูดถึงเรื่องคนอื่น พากันไปรวยดีกว่า พากันทำมาหากิน ส่งเสริมกัน ส่งเสริมสามีดีกว่า อย่าไปทำจิกสามี เพราะเขายุ่งเรื่องงาน ควรปล่อยเขาไปแฮปปี้กับงาน ไปทำงานก็คือไปทำงาน ถ้าเชื่อใจแล้ว มีความเข้าใจแล้ว ทุกอย่างจบ เราก็สบายใจ ทำหน้าที่ของเรา และเลี้ยงลูกให้ดีที่สุด

คุณเกตุย้ำว่า สามีภรรยา ต้องรักและเข้าใจกัน คนที่เป็นหลังบ้านต้องสนับสนุนในทุกเรื่องที่เป็นงานในหน้าที่ของสามี เพราะว่าถ้าไว้ใจเขา คิดว่าเขาไปทำงานก็จะไม่ต้องกังวล แม้ช่วงนี้ครอบครัวเราเคยมีปัญหาตอนสามีไปเป็นนายเวรผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ถือว่า หนักที่สุดของการใช้ชีวิตคู่ เพราะสามีไม่มีเวลาต้องอาศัยความเข้าใจที่เหนือไปอีกระดับ แทบจะปีที่หนักที่สุดของครอบครัวเราแล้ว แต่ก็ผ่านมาได้

 

 

RELATED ARTICLES