ผมยอมรับผิด

 

“ชลบุรี ไม่ใช่เมียวดี” เสียงนักข่าวอื้ออึงเช็กกันวุ่น

ตกลง ผู้กำกับโจ้- พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล อดีตผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์จนมุมได้อย่างไร

ภารกิจพลิกแผ่นดินล่ากดดันจนนายตำรวจไฮโซถึงทางตันจริงหรือ

“พี่ครับผมไม่ไหวแล้ว” เจ้าตัวตัดสินใจต่อสายถึง พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ตอนกลางดึก

“ใคร” นายพลภูธรสงสัยเพราะไม่คุ้นเคย

“ผมโจ้ครับ”

“โจ้ นครสวรรค์หรือ”

“ครับพี่ ผมทนไม่ไหมแล้ว ผมเครียด ผมอยากฆ่าตัวตาย” พันตำรวจเอกคนดังรำพันพร้อมบอกอยากจะกระโดดตึกดาดฟ้าโรงแรมที่พัก 13 ชั้นคิดสั้นจบปัญหาชีวิต

“มึงคิดให้ดี” รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 สะบัดเสียงใส่ในฐานะผู้บังคับบัญชาและนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นพี่ “ถ้ามึงตายสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะเสียหาย แล้วลูกน้องมึงล่ะ รวมทั้งครอบครัววงศ์ตระกูลอีกด้วย จะเสื่อมเสียชื่อเสียงไปตลอด” เขาพยายามหว่านล้อม

เสียงนายตำรวจหนุ่มผ่อนคลายลง

“สู้มามอบตอบตัวดีกว่า ยอมรับแบบลูกผู้ชาย ผิดก็ต้องยอมรับผิด”

“ครับพี่” ผู้กำกับไฮโซเริ่มติดได้ “ถ้าอย่างนั้นพี่มาเจอผลที่ชลบุรีได้ไหมครับ ช่วงบ่าย”

พล.ต.ต.เอกรัตน์รับปากก่อนรายงานให้ พล.ต.ท.อภิชาติ ศิริสิทธิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 รับทราบความคืบหน้า

บ่ายวันรุ่งขึ้น นายพลภูธรนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 41 ตีรถจากจังหวัดพิษณุโลกมุ่งหน้าจังหวัดชลบุรี แต่ยังไม่รู้จุดหมายปลายทาง

นักเรียนนายตำรวจรุ่นน้อง 57 โทรศัพท์มาอีกครั้ง “พี่ถึงไหนแล้ว”

“อีก 2 ชั่วโมง”

“พี่ต้องมาคนเดียวนะครับ มาเจอผมที่หน้าโรงพักแสนสุข”

ทั้งคู่นัดเจอกัน พล.ต.ต.เอกรัตน์ รายงานตรงถึง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในทันทีที่ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล อดีตผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์ ปรากฏตัวและพร้อมจะรับทราบข้อกล่าวหา

เขาเหมือนหมดทางไป

“เอาเข้ามาเจอพี่ที่กองปราบ” แม่ทัพสีกากีลั่นคำประกาศิต

ไม่นาน “ผู้กำกับโจ้”มีสีหน้าอิดโรยนั่งอยู่ห้องประชุมชั้น 8  กองบังคับการปราบปราม มี พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข นั่งหัวโต๊ะสอบปากคำ เคียงข้าง พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6   พล.ต.ต.สุรพงษ์ ถนอมจิตร รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 7 พ.ต.อ.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รองผู้บังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3 และ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่เดินทางตามมาสมทบ

ซักไซ้ไล่เรียงเหตุผลของเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างเป็นไปตามคาด พ.ต.อ.ธิติสรรค์ เอ่ยปากรับอย่างลูกผู้ชายในความผิดพลาดทำผู้ต้องหาตายคาเซฟเฮาส์ แต่ยืนยันไม่มีการรีดเงินค่าไถ่ตัวนับล้านบาทอย่างที่เป็นข่าวฉาวสะท้อนยุทธจักรสีกากี

หลังจากนั้น พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข พร้อมคณะทำงานเปิดแถลงต่อสื่อมวลชน ทว่าไม่นำตัวนายตำรวจหนุ่มคนดังมาร่วมนั่งอยู่ในฉาก แค่เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนซักถามข้อข้องใจผ่านโทรศัพท์มือถือ

“ตำรวจพยายามทำให้สังคมเห็นว่า เราไม่เคยปกป้องคนกระทำผิด มันอาจไม่ได้ช่วยให้สิ่งที่สูญเสียไปดีขึ้น อย่างน้อยก็ให้เห็นว่าเราไม่เคยปกป้อง แล้วสังคมตำรวจจะอยู่ได้ด้วยความเชื่อมั่นของประชาชน” ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นฝ่ายเปิดหัวยันความหนักแน่น

เขาขอโทษประชาชนที่เกิดเรื่องแบบนี้ บอกว่า องค์กรตำรวจตรวจสอบได้ ไม่เคยมีตำรวจคนไหนทำผิดแล้วพ้นโทษหลบหนีไปได้ ส่วนใหญ่เราดำเนินการเกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะยศชั้นไหนเหมือนกัน ตั้งแต่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติถึงลูกแถว ถ้าทำผิดต้องถูกลงโทษ

หลังจากนั้น พล.ต.อ.สุวัฒน์ ให้ผู้กำกับโจ้โฟนอินตอบข้อสงสัยสื่อมวลชน

“ผมขอให้การในชั้นศาล แต่ผมอยากจะเล่าข้อเท็จจริง วันเกิดเหตุลูกน้องมาแจ้งว่าจับผู้ต้องหายาเสพติดมาได้ และเจอโทรศัพท์เพิ่งถ่ายรูปก่อนหน้านี้ 2 ชั่วโมง มีไอซ์ 1 กิโลกรัมและยาบ้าเกือบ 2 หมื่นเม็ด ผมเห็นว่า เป็นเคสใหญ่จึงลงมาดู พยายามสอบถามแล้วผู้ต้องหาไม่ยอมบอกความจริง ผมทำไปโดยไม่ถูกต้อง แต่สิ่งที่ทำเพื่อต้องการเอาข้อมูลยาเสพติดที่ทำลายประชาชนในจังหวัดนครสวรรค์” เขาว่า

“ ส่วนลูกน้องนั้น ผมสั่งเอง ผมขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว ลูกน้องไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง และห้ามผมแล้ว เพราะผมเป็นนายสั่งลูกน้องก็ต้องทำ ย้ำว่า ไม่มีเรื่องเงินมาเกี่ยวข้อง”

พ.ต.อ.ธิติสรรค์ยังให้เหตุผลว่า การที่เอาถุงพลาสติกครอบหัวเจตนาเพื่อไม่ให้ผู้ต้องหาเห็นหน้า แต่ผู้ต้องหาเอามือพยายามฉีกถุง ต้องเอามือพ่ายหลังไว้ ก่อนหน้าไม่เคยซ้อมทรมานผู้ต้องหา ครั้งนี้เป็นครั้งแรก

“ สำหรับเงินหนึ่งล้านบาท ขอสาบานกับพระที่ห้อยคอว่าชีวิตรับราชการมาไม่เคยทุจริตเรื่องเงิน” นายตำรวจคนดังยืนยัน

ตอนที่ผู้ต้องหาสลบไป พ.ต.อ.ธิติสรรค์สารภาพว่า ตกใจทำอะไรไม่ถูกจึงเอาผ้าเช็ดเพื่อให้เตื่น จับชีพจรยังหายใจอยู่ สั่งให้ลูกน้องช่วยซีพีอาร์ ก่อนรีบนำส่งโรงพยาบาล หลังจากเสียชีวิตสาเหตุที่ไม่ได้ทำให้ข้อเท็จจริงถูกต้อง เพราะตกใจเลยปรึกษากันว่าจะทำอย่างไร แต่ไม่มีการให้ผลประโยชน์กับพ่อผู้เสียชีวิต ให้อย่างเดียวคือช่วยทำบุญงานศพไป 3 หมื่นบาท ส่วนที่แจ้งหมอว่า เสพยาเสพติดเกินขนาด เพราะคุยกับแฟนผู้ตายบอกว่า เสพยาแต่ละวันเยอะจริง ประกอบกับนอนน้อย คาดสาเหตุน็อกจากการเสพยา

“ผมยอมรับผิด ยอมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าศาลจะตัดสินอย่างไรจะจำคุกผมตลอดชีวิต ผมขอให้การว่า ผมไม่ได้มีเจตนาฆ่าน้อง เจตนาตั้งใจที่จะทำงานเพื่อประชาชนไม่ให้ลูกหลานคนนครสวรรค์ติดยา ต้องกราบขอโทษประชาชนทุกคน ผมตั้งใจทำงานจริง ๆ แต่พลาดไป กราบขอโทษพ่อแม่ผู้ตาย เพราะไม่มีเจตนา และใจจริงก็ทราบว่า ไม่ได้ตาย เพราะการที่เราไปคลุมหัวเพื่อต้องการเอาข้อมูลยาเสพติด และกราบขอโทษท่านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและตำรวจทุกคนด้วย”

“ องค์กรตำรวจยังมีคนดี ๆ เยอะ ผมผิดเอง” ผู้กำกับโจ้ระบายความในใจ

ส่วนใครจะเชื่อมากน้อยแค่ไหนชั่งใจกันเอาเอง

 

 

 

RELATED ARTICLES