“ตำรวจที่เผชิญเหตุต้องมองให้ดี ทำให้เกิดความสูญเสียน้อยที่สุด”

 

ผ่านเหตุวิกฤติตัวประกันมาหลายครั้งจนเป็นตำนานนายตำรวจนักบู๊กู้สถานการณ์ตึงเครียดให้คลี่คลาย

ถึงคนร้ายตาย แต่ตัวประกันต้องปลอดภัย

พล...ลือชัย สุดยอด อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แม้ภาพอาจมาดดุดัน แต่มีความสุขุมนุ่มลึกอยู่ในตัว เกิดจังหวัดเพชรบุรี จบมัธยมโรงเรียนพรหมานุสรณ์ เบนเข็มเข้าสู่รั้วโรงเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 33 เจ้าตัวบอกว่า เส้นทางเหมือนชะตาชีวิตถูกกำหนดมา ตอนนั้นไม่ได้มีความอยากจะเป็นอะไร เราจะไปเส้นทางอื่น เราก็ไปไม่ได้ พอมาเป็นตำรวจคิดว่า เส้นทางเราน่าจะมาทางนี้ดีกว่า

จบจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจเมื่อปี 2523 เขาตั้งใจเลือกมาลงสถานีตำรวจนครบาลพระโขนง พื้นที่เต็มไปด้วยอาชญากรรมของกองบังคับการตำรวจนครบาลพระนครใต้ เหตุผลเพราะอยากมาทำงานสอบสวน ก่อนได้เรียนรู้งานป้องกันปราบปราม และงานสืบสวน กระทั่งกรมตำรวจจัดตั้งหน่วยปฏิบัติการพิเศษของตำรวจนครบาลในนาม “อรินทราช 26” ขึ้นตรงกองกำกับการปราบจลาจล กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ

ขณะนั้นเขาโยกมาอยู่กองร้อยที่ 5 กองกำกับการปราบจลาจล กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษจึงได้รับคัดเลือกไปอยู่หน่วยปฏิบัติการพิเศษอรินทราช 26 ตั้งแต่บัดนั้น เสมือนเป็นลูกหม้อของหน่วยรุ่นบุกเบิก อบรมหลักสูตรต่อต้านการก่อการร้ายร่วมกับหน่วยนเรศวร 261 ของกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนที่อุบัติขึ้นในคราวเดียวกันเมื่อปี 2526

“เข้ามาอยู่ในหน่วยใหม่ ๆ ความรู้ในด้านพิเศษยังไม่มีเลย เพราะตัวเองเคยทำงานอยู่บนโรงพัก ได้ท่านมนตรี ชมสาคร ตอนนั้นเป็นผู้บังคับกองร้อยเป็นอาจารย์สอนเราทุกอย่าง เปิดโอกาสให้ผมไปอบรมต่างประเทศ ฝึกร่วมกับหน่วยต่าง ๆ เพิ่มพูนความรู้นำไปเป็นประสบการณ์ในภาคสนามได้ไม่น้อย” พล.ต.ต.ลือชัยเล่าความหลัง

นายตำรวจหนุ่มถูกผู้บังคับบัญชาส่งไปอบรมหลักสูตรพิเศษ “SWAT” ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ฝึกร่วมกับหทารกองทัพอากาศเยอรมันตะวันตกเน้นรูปแบบของหน่วยคอมมานโด สอดแทรกด้วยวิชาการเจรจาต่อรองที่ไม่คาดคิดว่าจะต้องนำมาใช้ในสถานการณ์จริงในเวลาต่อมา

ภารกิจแรกของเขาถูกส่งไปแก้ปัญหานักโทษก่อเหตุจลาจลพยายามแหกเรือนจำบางขวาง ประเดิมงานของหน่วยร่วมกับตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี เปิดหัวด้วยการจับตายนักโทษ 7 ศพ ร.ต.ท.ลือชัย สุดยอด เป็นผู้หนึ่งที่จำเป็นต้องสำเร็จโทษด้วยกระสุนสังหารของเขา ทั้งที่เกิดมาในชีวิตไม่เคยฆ่าใครมาก่อน หลังจากนั้นก็มีเหตุการณ์วิกฤติมากมายกว่า 40 เคสที่เข้ามาในชีวิตเครื่องแบบ ทั้งเจรจาต่อรองและลงเอยด้วยการวิสามัญฆาตกรรม

อาทิ คนร้ายคนไปลักทรัพย์ร้านขายของชำปากซอยสุขสวัสดิ์ 32 ท้องที่สถานีตำรวจนครบาลราษฎร์บูรณะตอนกลางดึก บานปลายเมื่อเจ้าของตื่นมาเจอจนกลายเป็นเหยื่อตัวประกันตึงเครียดยันรุ่งสาง ตำรวจล้อมจับคนร้ายกลับยิงใส่โดนตำรวจท้องที่บาดเจ็บ ผู้บังคับบัญชาถึงมีคำสั่งให้หน่วยอรินทราช 26 ลงปฏิบัติขั้นเด็ดขาด

เขารับหน้าที่สไนเปอร์คอยหาช่องส่อง แต่ปัญหาอยู่ตรงคนร้ายอยู่บนชั้น 2 ของบ้านไม้ที่มีข้างฝาปิดมิดชิด ทางเดียวคือ ต้องล่อออกมาที่หน้าต่าง “ผมตัดสินใจขอเป็นคนยิงเอง วางแผนให้ตำรวจคนหนึ่งทำทีเจรจาต่อรองให้คนร้ายออกมาคุยที่หน้าต่าง ส่วนตัวผมไปอยู่บ้านฝั่งตรงข้าม ติดตั้งกล้องที่ปืนไรเฟิล อีกชุดขึ้นไปรอซุ่มเข้าชาร์จที่หน้าห้อง ถ้าไม่รีบทำอะไรจะบานปลาย เพราะเริ่มสายแล้ว คนร้ายมีปืน เกิดคลั่งยิงชาวบ้านที่อยู่บริเวณนั้นอีกจะสูญเสียไปกันใหญ่”

วินาทีนั้น ลือชัยกลั้นหายใจเล็งเป้าหมายที่พลาดโผล่ออกมาตรงช่องหน้าต่าง ลั่นกระสุนใส่นัดเดียวเข้าที่รักแร้ขวาทะลุออกซ้ายเป็นผลให้คนร้ายเสียชีวิตทันที เจ้าตัวเล่าว่า นาทีเป็นนาทีตายเราพลาดเป้าไม่ได้เด็ดขาด เพราะคนร้ายมีตัวประกันอยู่ในห้อง พากพลาดแม้แต่นิดเดียว ต้องมีผู้บริสุทธิ์ตกเป็นเหยื่อบาดเจ็บล้มตายแน่นอน เป็นสิ่งที่เรายอมให้เกิดขึ้นไม่ได้ แม้สังคมอาจมองดูตำรวจโหดร้ายเกินไปก็ตาม

นายตำรวจเก่ามากประสบการณ์เจรจาต่อรองบันทึกผลงานอีกหลายเคสต่อมา มีทั้ง เจรจาคนร้ายคลุ้มคลั่งมีปืน 11 มม.ไม่มีตัวประกัน ท้องที่โรงพักเตาปูน คนร้ายคลั่งใช้ปืนจับเด็กเป็นตัวประกันแยกพัฒนาการ ท้องที่โรงพักประเวศ คนร้ายใช้มีดจับเจ้าหน้าที่บนศาลอาญาธนบุรี ท้องที่โรงพักบางขุนเทียน หนุ่มคลั่งจี้คอนิสิตสาวเกษตรศาสตร์เป็นตัวประกันซอยสุขุมวิท 10 ท้องที่โรงพักลุมพินี ลูกจับแม่เป็นตัวประกัน และจับพ่อเป็นตัวประกัน ท้องที่โรงพักคลองตัน

คนร้ายใช้มีดจับเด็กเป็นตัวประกันบริเวณตลาดอุดมสุข ท้องที่โรงพักบางนา คนร้ายเมายาบ้าคว้ามีดจี้คอเด็กเป็นตัวประกันหน้าโรงเรียนสตรีวิทยา 2 ท้องที่โรงพักโชคชัย คนร้ายใช้ปืนจับผู้หญิงเป็นตัวประกัน ซอยลาดพร้าว 97 ท้องที่โรงพักลาดพร้าว พระคลุ้มคลั่งถึงปืนอาก้าบุกรัฐสภา ท้องที่โรงพักดุสิต ชายคลุ้มคลั่งยิงปืนออกจากบ้าน ท้องที่โรงพักวัดพระยาไกร หนุ่มคลั่งจับผู้หญิงเป็นตัวประกัน ท้องที่โรงพักบางโพงพาง คนร้ายแย่งปืนตำรวจ ท้องที่โรงพักธรรมศาลา คนร้ายคลั่งยิงถล่มห้างโลตัส ท้องที่โรงพักเมืองสมุทรปราการ

นอกจากนี้ยังช่วยเจรจาต่อรองคนไข้คิดจะกระโดดตึกฆ่าตัวตายตามโรงพยาบาลอีกหลายแห่ง เช่น โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลวิภาราม ทั้งหมดเป็นเพียงส่วนหนึ่งของผลงานที่บันทึกอยู่ในความทรงจำของเขา ถามว่า ประทับใจในเรื่องไหน พล.ต.ท.ลือชัยตอบว่า ทุกเรื่องที่ทำเองหมด และมีส่วนร่วมกับลูกน้องทำให้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นคลี่คลาย ยิ่งเป็นช่วงที่เรากำลังห้าว เราจะไปทุกที่เมื่อได้รับแจ้งเหตุพร้อมกับกำลังพลของหน่วยอรินทราช 26

อีกตัวอย่างที่เขาหยิบยกเมื่อสมัยดำรงตำแหน่งผู้กำกับการปราบจลาจล หลังเข้าไปคลายวิกฤติหนุ่มคลั่งบุกห้องเช่าใช้มีดจี้คอนิสิตสาวมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์อยู่ริมระเบียงห้องพักในซอยสุขุมวิท 10 คนร้ายถูกทำร้ายบาดเจ็บเลือดออกหูขวาเลยวิ่งหนีเข้าไปในห้อง ถือเป็นสภาวะตึงเครียดที่ต้องคำนึงถึงความสำคัญของชีวิตตัวประกันเป็นหลัก

พล.ต.ท.ลือชัยเล่าว่า สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว แต่งนอกเครื่องแบบไปเช่นเคย เพราะส่วนใหญ่ผู้ร้ายยจะไม่ค่อยชอบคุยกับตำรวจ ภารกิจวันนั้นต้องเหมือนกับการปลอมตัวไปโดยปริยายเพื่อต้องแก้ไขสถานการณ์ ชั้นล่างมีพยาบาลอยู่ 2 คน เลยปิ๊งไอเดียต้องปลอมตัวเป็นหมอน่าจะทำให้คนร้ายเชื่อได้สนิทใจมากที่สุด ก่อนใช้บันไดพาดกับกำแพงระเบียงขึ้นไปคุยว่า เราเป็นหมอจะมาช่วยดูแผล อย่าระแวง รับประกันว่าตำรวจไม่ได้ทำอะไร ถ้ายิงกันหมอก็โดนด้วย

เจรจากันพักใหญ่ พล.ต.ท.ลือชัยว่า คนร้ายยังหวาดระแวง แต่เหยื่อสติดี ถือเป็นคุณสมบัติของตัวประกัน ความนิ่งความไม่ตกใจเป็นข้อควรปฏิบัติของคนที่ตกอยู่ในภาวะเป็นตัวประกัน พอเราขึ้นไปใกล้ตัวมากขึ้น หากเพียงแค่สองช่วงแขน ยังหาจังหวะแย่งมีดไม่ได้ ประกอบกับบริเวณนั้นเป็นระเบียง หากผิดพลาดชาร์จไม่ถูกจังหวะอาจร่วงลงไปทั้งหมด การเจรจาถึงต้องอาศัยความอดทนภายใต้ภาวะความเครียดที่ต้องรอเวลา

“พอผมได้มีโอกาสเข้าไปอยู่ในห้องด้วย รู้สึกโล่งใจ คิดกว่าจังหวะชาร์จมีความเสี่ยงน้อยกว่าอยู่ริมระเบียง ก่อนคิดว่าจะทำอย่างไรต้องจบเกมต่อรองให้ได้ หัวสมองคิดหาจังหวะ เพราะคนร้ายเสียเลือดมาก พละกำลังคงลดลง การระมัดระวังตัวเริ่มน้อยลงเช่นกัน ประจวบเหมาะกับคนร้ายเอ่ยปากขอกินน้ำแล้วขยับพาเหยื่อไปที่ตู้เย็น ผมถึงอาศัยโอกาสทองตอนมันก้มดื่มน้ำชิงเข้าแย่งมีดทันที มีตำรวจนอกเครื่องแบบตามมารุมชาร์จกันอุตลุดจนสามารถจับคนร้ายใส่กุญแจมือได้สำเร็จ” อดีตหัวหน้าหน่วยอรินทราช 26 ลำดับเสี้ยววินาทีระทึก

เจ้าตัวยังแนะเคล็ดไม่ลับการเป็นตัวประกันที่ดีให้หลายคนรู้ไว้บ้าง หากวันไหนเกิดโชคร้ายกลายเป็นตัวประกันจะได้รู้จักทำตัวให้ถูกว่า ต้องรู้จักทำตัวให้สงบ ไม่ดิ้นรนพยายามต่อสู้กับคนร้าย ขอให้มีสมาธิและครองสติให้อยู่ แต่ในความนิ่งขอให้ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา ถ้าไม่เหนื่อยมาก ไม่จำเป็น ห้ามหลับเด็ดขาด ต้องรู้จักให้ความร่วมมือกับคนร้าย ใช้ให้หยิบอะไรต้องไปหยิบอย่าพยายามขัดขืน ที่สำคัญอย่างแย่งอาวุธจากคนร้ายด้วยตัวเองเด็ดขาด ต้องรู้จักพูดคุยเจรจากับคนร้าย หากคนร้ายพูดด้วยก็ขอให้พูดกลับด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูดีและเป็นมิตร

ถึงกระนั้น พล.ต.ท.ลือชัยรู้สึกเสียใจที่ไม่มีโอกาสช่วยเหลือตัวประกันรายหนึ่งเป็นนิสิตสาวปี 1 คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บริเวณหน้าสวนจตุจักร เย็นวันที่ 6 พฤศจิกายน 2544 เขายอมรับว่า ไปทำธุระอยู่ย่านบางนา ได้รับรายงานประสานขอกำลังพยายามเร่งขับรถมาแล้วสั่งการทางโทรศัพท์ ปรากฏว่า เป้าหมายเคลื่อน ไม่สามารถบล็อกสถานการณ์ได้ สุดท้ายเราไปไม่ทัน เหตุลงเอยด้วยโศกนาฏกรรมเมื่อเหยื่อโดนคนร้ายคลั่งสติแตกเชือดคอเสียชีวิต ขณะที่คนร้ายถูกประชาทัณฑ์ตายเช่นกัน

“ก็เสียใจนะ แม้มันผ่านไปนานแล้ว  ผมมาไม่ทัน และไม่โทษใคร เพราะทุกคนทำดีที่สุดแล้ว การที่เป้าหมายเคลื่อนที่ มันไม่ดี มันทำให้คนก่อเหตุระแวง ต้องฝ่าฝูงคน ไอ้ซ้ายก็ไทยมุง ขวาก็ไทยมุง ไม่รู้ว่าใครจะเข้าไปแย่งมีดจากมัน มันก็ระแวง พอมันหันทีก็แผลหนึ่ง หันทีแผลหนึ่ง ที่คอตั้งหลายแผล จากแผลที่ตายนี่ แผลถูกแทง 14 เซนติเมตร ถือเป็นเคสบทเรียน เป็นกรณีศึกษาอย่างมาก  มีหลายจุดที่ควรศึกษา” นายพลวัยเกษียณอธิบาย

เขาบอกว่า เรื่องที่คนร้ายร้องขอ มีสิ่งที่เราให้ได้กับไม่ได้  สิ่งที่ให้ไม่ได้ คือ รถยนต์ในการหลบหนี แต่วันนั้นอาจจะมีความจำเป็น คนที่อยู่ตรงนั้นอาจจะกลัวว่า ถ้าไม่ให้ ตัวประกันจะได้รับอันตราย เราไม่ตำหนิ บางครั้งบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ในข้อกำหนดว่า ให้ไม่ได้ แต่เราเคยทำ เช่นเหตุที่ตลาดปากซอยอุดมสุข คนร้ายขับเด็กเป็นตัวประกัน อาจขัดต่อหลักการที่คนร้ายขอเบียร์ลังแลกกับการปล่อยเด็ก ระหว่างชีวิตเด็กกับเบียร์อะไรสำคัญกว่า ถ้าเดินตามหลักการอาจไม่จบ จำเป็นต้องพิจารณาไปตามแต่ละสถานการณ์

เส้นทางรับราชการของ พล.ต.ท.ลือชัย ลูกหม้อประจำหน่วยอรินทราชมาตั้งแต่ยศ ร.ต.ท.จนกระทั่งติด พ.ต.อ.ขึ้นเป็นหัวหน้าหน่วย แม้เคยถูกผู้ใหญ่ทาบทามให้ไปเป็นผู้กำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม แต่ตัวเองปฏิเสธด้วยความที่รักองค์กรที่ร่วมก่อร่างสร้างผลงานขึ้นมาจนเป็นที่ยอมรับ ก่อนขยับเป็นรองผู้บังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชนที่ยกระดับกองกำกับการปราบจลาจลรวมกับกองกำกับการอารักขาเดิมเข้าด้วยกัน

ต่อมาออกนอกหน่วยนครบาลครั้งแรกย้ายไปช่วยราชการสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ไม่ถึงปีกลับมาเป็นรองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 แล้วได้รับการแต่งตั้งดำรงตำแหน่งผู้บังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชนคุมหน่วยสำคัญนาน 4 ปี ขยับออกไปเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 คุมงานสืบสวนพื้นที่ 8 จังหวัดอีสานใต้ ก่อนขึ้นผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปีสุดท้ายในชีวิตราชการ

พล.ต.ท.ลือชัยอยากฝากถึงตำรวจรุ่นน้องไว้ด้วยว่า เหตุการณ์ต่าง ๆ ณ เวลาปัจจุบัน หรือในอนาคต ถ้าเศรษฐกิจเป็นอย่างนี้ คนตกงาน คนว่างงาน ทำให้เกิดความเครียด ความขัดแย้ง ขอให้คำว่า เหตุการณ์วิกฤติที่อาจยืดเยื้อเกิดขึ้นทั่ว ไม่ใช่เฉพาะในนครบาล ต่างจังหวัดก็เห็นว่า เกิดขึ้นแล้วในหลายเคส “ตำรวจที่เผชิญเหตุต้องมองให้ดี ทำให้เกิดความสูญเสียน้อยที่สุด หัวใจหลักอยู่ที่ผู้บังคับบัญชาที่เป็นผู้นำที่มีความรู้ ความสามารถด้านนี้เข้ามาควบคุมเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ที่ไว้ใจได้มากน้อยแค่ไหน”

“ในกรุงเทพฯ ผมไม่ค่อยห่วง เพราะมีหลายหน่วย เต็มไปด้วยคุณภาพ ผมกังวลต่างจังหวัดมากกว่า   กำลังพลอาจมีเยอะ ทว่าขวัญกำลังใจจากผู้บังคับบัญชาอาจไม่ทั่วถึง ทุกภูธรภาคมีการฝึกอบรมกำลังพล พอกลับมาแล้ว ไม่ได้รับการเหลียวแล กำลังพลเหล่านี้ก็จะย้ายไปอยู่ที่อื่น ต้องมาฝึกคนใหม่ขึ้นมาแทน แล้วช่วงที่เป็นรอยต่อ ช่วงที่มันเซ็ง มันหมดกำลังใจ เวลามีเหตุ ผู้บังคับบัญชาที่คุมไม่คอยอยู่พื้นที่ สถานการณ์จะลุกลามบานปลาย”

อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ได้มองถึงบทเรียนที่นครราชสีมาเป็นหลัก เพราะมีโอกาสเกิดขึ้นในหลายจังหวัด  ตำรวจถึงต้องมีศักยภาพทุกภาค มีหน่วยพิเศษของภาค ของจังหวัด ถ้าไม่แก้ไขจะเป็นวัวหายล้อมคอกหลายครั้ง พอมีความสูญเสียเกิดขึ้นก็จัดให้มีการฝึกกันที พอเหตุการณ์ผ่านไป เริ่มจางกลับไม่ทำต่อเนื่อง อยากจะเน้นการบริหารสถานการณ์ในเหตุการณ์วิกฤติเป็นเรื่องสำคัญมาก เรื่องอาชญากรรมทั่วไป ตำรวจโรงพักทำได้ แต่ถ้าเหตุวิกฤติ เราจะบริหารเหตุการณ์อย่างไรต่างหาก

“ทำอย่างไรก็ได้ให้กำลังพลมีความรู้ความสามารถตามศักยภาพมากที่สุดจะทำให้เกิดความสูญเสียน้อยลง ไม่ใช่มองหน่วย มององค์กรเป็นแดนสนธยา ไม่อยากอยู่ เนื่องจากผู้บังคับบัญชาไม่ค่อยเหลียวแลเอาใจใส่” เจ้าตัวทิ้งท้าย

ลือชัย สุดยอด !!!

 

 

 

 

 

RELATED ARTICLES