ระวังดาบคืนสนอง

 

เล่มตามบทสมกับ “หัวโขน” ที่ได้รับมอบหมาย

 มี “ธง” อะไรในใจอยู่หรือเปล่า

คดีการตายของดาราสาว แตงโม-ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ ยืดเยื้อมานาน 5 เดือน ขึ้นสู่ชั้นอัยการสั่งฟ้องสำนวนตามความเห็นคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 แบบไม่มีอะไร “พลิกโผ” ที่ “มโนโซเซียล” วาดหวังให้เป็น “ฆาตกรรม”

ทว่าชะตากรรมของฝ่ายปฏิบัติถูกกอดรัดด้วยชนักติดตัวไม่จบ

ในที่สุด พล.ต.อ.มนตรี ยิ้มแย้ม ที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาตติ รักษาราชการแทนรองจเรตำรวจแห่งชาติ ปฏิบัติราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เลือกทิ้งทวนก่อนเกษียณอายุราชการ “ปิดเกม”กรรมการสอบวินัยเอาผิด 4 นายตำรวจที่เกี่ยวข้อง

เลือกเขี่ยเพื่อนนักเรียนนายร้อยตำรวจร่วมรุ่นออกจาก “ สนามมลทิน” ระบุ พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ไม่มีพยานหลักฐานเพียงพอที่สมควรกล่าวหา “มีมูลความผิดวินัย”

ส่วนที่เหลือไม่เอารอด “พิษแตงโม”

พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม ผู้บังคับการสืบสวนสอนตำรวจภูธรภาค 1 มีมูลความผิดวินัย ในฐานะผู้บังคับบัญชาการไม่กำกับดูแลตรวจสอบรายละเอียดเนื้อหาในการจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ ทั้งก่อนและหลังการผลิตสื่อประชาสัมพันธ์ก่อนนำออกเผยแพร่ให้มีความเหมาะสมและเกิดภาพลักษณ์ที่ดีต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อันเป็นความผิดวินัยไม่ร้ายแรง ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความตั้งใจ อุตสาหะเพื่อให้เกิดผลดีหรือความก้าวหน้าแก่ราชการ เอาใจใส่ ระมัดระวังรักษาผลประโยชน์ของทางราชการ และประมาทเลินเล่อในหน้าที่ราชการ

พล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี มีมูลความผิดวินัย เช่นเดียวกับ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาคในฐานะผู้บังคับบัญชาไม่กำกับดูแล ตรวจสอบรายละะเอียดเนื้อหาในการจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ ทั้งก่อนและหลังการผลิตสื่อประชาสัมพันธ์ก่อนนำออกเผยแพร่ให้มีความเหมาะสมและเกิดภาพลักษณ์ที่ดีต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อันเป็นความผิดววินัยไม่ร้ายแรง ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความตั้งใจ อุตสาหะเพื่อให้เกิดผลดีหรือความก้าวหน้าแก่ราชการ เอาใจใส่ ระมัดระวังรักษาผลประโยชน์ของทางราชการ และประมาทเลินเล่อในหน้าที่ราชการ

ขณะที่ พ.ต.อ.จตุรนต์ อนุรักษ์บัณฑิต ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองนนทบุรี ในฐานะเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนของสถานีตำรวจภูธรเมืองนนทบุรี ตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีหน้าที่รับผิดชอบเก็บรักษาเรือของกลางตามระเบียบที่เกี่ยวกับคดี ของกลางและของส่วนตัวผู้ต้องหา ไม่ได้ดำเนินการให้ถูกต้องตามระเบียบและคำสั่งที่กำหนด อันเป็นความผิดวินัยไม่ร้ายแรง ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความตั้งใจ อุตสาหะเพื่อให้เกิดผลดีหรือความก้าวหน้าแก่ราชการ เอาใจใส่ ระมัดระวังรักษาผลประโยชน์ของทางราชการ และประมาทเลินเล่อในหน้าที่ราชการ

สำหรับประเด็นอื่นที่ถูกร้องเรียนยังไม่มีพยานหลีกฐานเพียงพอที่สมควรกล่าวหา ตำรวจทั้ง 4 นาย มีมูลความผิดวินัย

แม้จะเป็น “วินัยไม่ร้ายแรง” ที่เสียความรู้สึกคนทำงานราวกับ “ไร้ค่า” ในสายตาผู้เป็นนาย

เนื่องจาก “ไม่คิดคด” ทุจริตที่ต่อหน้าที่เรียกรับผลประโยชน์ทำให้รูปคดีเสียหาย

ถึงกระนั้นก็ตาม มีคนอยากถามว่า จเรตำรวจแห่งชาติเล่นบท “ท้าวมาลีวราช” พิพากษาตามมาตรฐานตวงวัด จริงหรือ

เหตุเพราะสงสัยทำไมผลคดีสอบเอาผิดวินัยตำรวจกว่า 200 นายจาก “พิษบ่อนหลงจู๊” ชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก หายเข้ากลีบเมฆ

ครั้งนั้น พล.ต.อ.มนตรี ยิ้มแย้ม เป็นหนึ่งในผู้เกี่ยวข้องติด “ร่างแห” ฐานะผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ไปด้วย

ตั้งสอบยาวเยียดกันเนิ่นนานจน “นายบ่อนคนดัง” ได้รับอิสระออกมาเฉิดฉายอยู่ในอาณาจักรเมืองระยอง

ให้ระวังดาบนั้นคืนสนอง

RELATED ARTICLES