พายุมรสุมรุมพัดกระหน่ำใส่องค์กรตำรวจอย่างหนัก
ถึงขนาดเขย่าเก้าอี้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลุกลามไปถึง “ข่าวลือ” จะเปลี่ยนตัว “แม่ทัพนครบาล” สลับ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง กระเด็นลงใต้ไปเป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 เอา พล.ต.ท.นันทเดช ย้อยนวล ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ขึ้นมาเป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 และโยก พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 คืนถิ่นนั่งผู้บัญชาการตำรวจนครบาลไม่กี่เดือนก่อนเกษียณอายุราชการ
คนยำสำรับจัดแจงเผยแพร่ข้อมูล “ลูกชุลมุน” อาศัยช่วงระส่ำระสายของสำนักปทุมวัน
จับ “แพะชนแกะ” เพื่อใคร และต้นตอของปัญหาเกิดจากอะไร
ผู้บังคับบัญชาที่มีส่วนในการแต่งตั้งโยกย้าย หรือบรรดา “ตั๋วฝาก” จากอำนวจนอกรั้วโยน “เมล็ดพันธุ์ผลไม้พิษ” ลงกระจาย “ท้องทุ่งโล่เงิน” จนพากัน “เดินส่งกลิ่นเหม็นเน่า” กันเป็นวงกว้าง
พล.ต.อ.ปัญญา มาเม่น อดีตจเรตำรวจได้เขียนบทความสะท้อน “วิกฤติศรัทธา” ในองค์กรเก่าของตัวเอง
ยอมรับว่า ในหน่วยงานของตำรวจทุกระดับย่อมมีคนดีและคนไม่ดี
วิธีแก้ปัญหา ผู้บังคับบัญชาและผู้ร่วมงานรวมทั้งแนวร่วมภาคประชาชนต้องเร่ง “เชิดชูตำรวจดี ตำรวจเก่ง ตำรวจกล้า”
ประกาศก้องให้ดังทั่วฟ้าต่อหน้าสาธารณชน หรือผ่านสื่อทุกประเภท มอบคำชื่นชม มอบรางวัล เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งให้
ส่วนตำรวจไม่ดีก็ต้องช่วยกันขจัดออกไป
ถือเป็นภารกิจเร่งด่วนในการขจัด “คนชั่ว” ออกจากราชการตำรวจครับ
ผู้บังคับบัญชาและทุกคนในหน่วยต้องร่วมในภารกิจสำคัญครั้งนี้
“กระผมเป็นอนุกรรมการข้าราชการตำรวจด้านวินัยมาหลายปี ทุกเดือนจะประชุมพิจารณารับทราบการไล่ออก หรือปลดออก ตำรวจที่ทำผิดวินัยร้ายแรงนับสิบๆราย”
แต่น่าจะไม่ทันต่อการปฏิรูปเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตำรวจ
เจ้าตัวอยากเรียกร้องให้ผู้นำตำรวจทุกระดับเร่งขจัดตำรวจไม่ดีออกไปและเร่งฝึกอบรม พัฒนาสมรรถนะรวมทั้งเสริมค่านิยมให้พร้อมรับใช้ประชาชนทุกหมู่เหล่า
งานข้างต้น คือ อีกหนึ่งภารกิจสำคัญเร่งด่วนที่ “ผู้นำตำรวจ” ต้องแสดงศักยภาพ
ช่วยๆกันทำทุกระดับจะเพิ่มความเชื่อมั่นและความศรัทธาของประชาชน