“ส.ส.ตั๊น” หารือกรีนพีซผลักดันนโยบายแก้ฝุ่นพิษ

 

ที่่พรรคประชาธิปัตย์ น.ส.จิตภัสร์ ตั๊น กฤดากร  สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ ในฐานะรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ได้รับมอบหมายจาก นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นตัวแทนพบปะพูดคุยกับกลุ่มกรีนพีซที่นำโดย นายธารา บัวคำศรี ผู้อำนวยการกรีนพีซประเทศไทย พร้อมคณะ เพื่อรับฟังข้อเสนอและนโยบายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมของกรีนพีซประเทศไทยต่อพรรคการเมืองในการเลือกตั้งปี 2566

น.ส. จิตภัสร์ ได้กล่าวขอบคุณกลุ่มกรีนพีซที่ให้ความสำคัญและเลือกพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคแรกที่เข้ามาหารือแนวทางแก้ไขปัญหาเรื่องมลภาวะและสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย รวมถึงฝุ่น PM 2.5 ที่กำลังส่งผลกระทบกับชีวิตประจำวันของประชาชนในเมืองใหญ่รวมถึงเริ่มกระทบไปยังพื้นที่และประชาชนทั่วประเทศเป็นวงกว้างมากขึ้น

เจ้าตัวยังระบุว่า เรียนและจบการศึกษาด้านสิ่งแวดล้อมอยู่แล้วจึงมีความสนใจในเรื่องนี้อยู่เป็นทุนเดิม เพราะเชื่อว่าเรื่องของสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องใหญ่และส่งผลกระทบกับคนทั้งประเทศ ที่ผ่านมารู้สึกเสียดายที่พรรคไม่ได้มีโอกาสผลักดันนโยบายเกี่ยวกับการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมได้มากเท่าที่ควร เพราะทางพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ดูแลในส่วนของกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับเรื่องสิ่งแวดล้อม แต่พรรคยังคงมีอุดมการณ์ที่แน่วแน่ในการที่จะผลักดันให้เรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อมและมลภาวะเป็นนโยบายหลักของประเทศควบคู่ไปกับการพัฒนาประเทศให้มั่นคงทั้งทางเศรษฐกิจและชีวิตความเป็นอยู่ที่ปลอดภัยของประชาชน

นอกจากนี้ น.ส.จิตภัสร์ บอกด้วยว่า พรรคประชาธิปัตย์พยายามขับเคลื่อนและรณรงค์ในเรื่องของปัญหามลภาวะและสิ่งแวดล้อมมาตลอด  การที่มีโอกาสได้หารือกับกลุ่มกรีนพีซในวันนี้ ส่วนตัวจะนำข้อมูลและข้อเสนอแนะที่ได้พูดคุยกันไปประชุมหารือต่อยอดกับหัวหน้าพรรคและผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อจะหาแนวทางทำงานร่วมกันกับกลุ่มกรีนพีซต่อไป ส่วนในเรื่องของมลภาวะทางภาคเหนือที่อาจมีสาเหตุมาจากประเทศเพื่อนบ้านจะนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อจะดูว่าในทางอาเซียนมีการเซ็นสัญญา MOU ร่วมกันในกรณีนี้หรือไม่อย่างไร

ทั้งนี้ น.ส. จิตภัสร์ ยังให้ข้อคิดเห็นไปยังกลุ่มกรีนพีซด้วยว่า อยากให้มีการรณรงค์และเข้าไปทำความเข้าใจ อบรม และฝึกวินัยในเรื่องของการจัดการขยะกับกลุ่มเด็กๆในโรงเรียนต่างๆเพื่อให้ทำความเข้าใจและเรียนรู้ที่จะแยกขยะตั้งแต่ต้นทางเพื่อลดปัญหาขยะในชีวิตประจำวันตั้งแต่ขั้นตอนเริ่มต้น

ในขณะที่ นายธาราบอกเล่าถึงแนวทางการแก้ไขปัญหามลภาวะและสิ่งแวดล้อมในประเทศว่า ถือเป็นโอกาสดีที่กำลังจะมีการเลือกตั้งและเห็นด้วยกับพรรคประชาธิปัตย์ที่สนใจในเรื่องสิ่งแวดล้อมและให้ความสำคัญในเรื่องของการแก้ไขปัญหามลภาวะมาโดยตลอด เพราะตอนนี้จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าสภาวะสิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษกำลังส่งผลกระทบกับชีวิตประชาชนและเศรษฐกิจและที่เลือกจะเข้ามาหารือกับพรรคประชาธิปัตย์เพราะเห็นว่าเป็นพรรคการเมืองที่สนใจในเรื่องของการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมรวมทั้งพรรคการเมืองถือเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะเป็นตัวกลางในการช่วยกันรณรงค์แก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมเพราะมีส่วนในการกำหนดนโยบายการบริหารจัดการประเทศ ดังนั้นทางกลุ่มกรีนพีซจึงเห็นว่าควรนำข้อมูลที่ทางกรีนพีชมีมาแลกเปลี่ยนกับพรรคประชาธิปัตย์และอยากให้ประเทศมีจุดยืนที่มั่นคงในเรื่องของการแก้ไขปัญหาสภาวะสิ่งแวดล้อมรวมถึงมีจุดยืนในการแก้ไขปัญหาเรื่องขยะและฝุ่น PM 2.5 ที่ชัดเจนมากขึ้น รวมทั้งต้องการให้รัฐบาลประกาศภาวะฉุกเฉินทางอากาศเพื่อให้ทุกคนเห็นความสำคัญของอากาศ โดยเน้นไปที่เรื่องการเปลี่ยนผ่านพลังงานที่เป็นประชาธิปไตยและมีความเป็นธรรมที่ต้องไม่เอื้อกลุ่มทุนซึ่งเป็นการเอาเปรียบประชาชนและโยนภาระมาให้ประชาชนในเรื่องของค่าใช้จ่าย

กลุ่มกรีนพีซยืนยันจะเน้นไปที่เรื่องของการปลดระวางถ่านหินที่อยากจะให้มีแนวทางดำเนินการให้สำเร็จภายในปี 2580 รวมทั้งต้องการให้หยุดเซ็นสัญญาการซื้อขายไฟโดยให้คำนึงถึงเรื่องของปริมาณไฟเพื่อไม่ให้เป็นภาระที่ประชาชนจะต้องแบกรับ แล้วต้องการให้บริหารจัดการเรื่องฝุ่น PM 2.5 ด้วยการปรับมาตรการเป็นการลดการเกิดฝุ่น PM 2.5 จากแหล่งมลพิษต่างๆภายในประเทศ และยังเสนอแนะกฎหมายที่จะมาช่วยขยายความความรับผิดชอบเรื่อง packaging ของผู้ผลิตซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็น เพราะทางกลุ่มกรีนพีซเชื่อว่ากฎหมายฉบับนี้ถ้าได้มีผลบังคับใช้ก็จะสามารถช่วยควบคุมในเรื่องของภาวะขยะพลาสติกให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น

หลังจากการหารือกัน  น.ส. จิตภัสร์ รับปากกับกลุ่มกรีนพีจะนำเรื่องทั้งหมดเข้าหารือกับผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อที่จะหาแนวทางร่วมกันในการที่จะแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมรวมถึงฝุ่น PM 2.5ที่กำลังคุกคามชีวิตของประชาชนทั่วประเทศโดยเร็วที่สุด รวมถึงจะเร่งผลักดันพระราชบัญญัติอากาศสะอาด ที่ตอนนี้ยังคงค้างอยู่ในวาระการประชุมในสภาผู้แทนราษฎร ตามพระราชบัญญัติอากาศสะอาดที่ออกมาจะเป็นเครื่องมือสนับสนุนให้หน่วยงานภาครัฐต่างๆ มีอำนาจในการควบคุม และแก้ไขปัญหา PM 2.5 ได้ถึงต้นตออย่างเข้มงวด และจริงจัง เพราะที่ผ่านมาหน่วยงานภาครัฐต่างๆ ขาดเครื่องมือในทางกฎหมายในการสนับสนุนการแก้ปัญหาอย่างตรงจุด ทำให้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ ทำให้วันนี้ชาวกรุงเทพมหานครรวมถึงอีกหลายๆพื้นที่ในประเทศต้องทนกับปัญหา PM 2.5 พรรคประชาธิปัตย์จึงยืนยันที่จะออกพระราชบัญัติอากาศสะอาด เพื่อให้คนกรุงเทพและประชาชนในทุกพื้นที่ได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานที่ประชาชนทุกคนพึงมีนั่น คือ สิทธิในการสูดอากาศบริสุทธิ์

น.ส. จิตภัสร์ ทิ้งท้ายว่า หากได้กลับเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรอีกครั้งก็จะเร่งผลักดันเรื่องนี้อย่างเต็มที่เพราะเชื่อมั่นว่าพระราชบัญญัตินี้จะสามารถทำให้ประชาชนมีความปลอดภัยมากขึ้น

RELATED ARTICLES