ทลายแก๊งอ้างเป็นสายการบินดังหลอกกดลิงก์ดูดเงินผู้เสียหาย

ที่กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 4 อำเภอเมืองเชียงใหม่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พล.ต.ต.ไพโรจน์ สุขรวยธนโชติ รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี  พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พล.ต.ต.ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 4  ร่วมกันแถลงข่าวผลการสรุปตามยุทธการ “Lion Air” จับกุมคนร้ายที่เป็นบัญชีม้ารวม 4 ราย

สืบเนื่องจากมีกลุ่มคนร้ายส่งข้อความไปหาเหยื่ออ้างเป็นสายการบินไลออนแอร์แจ้งว่า ได้รับสิทธิพิเศษได้ตั๋วเครื่องบินฟรีจำนวน 1 ที่นั่ง พร้อมกับแนบลิงก์แล้วโทรศัพท์ติดต่อไปหาให้เหยื่อเพิ่มเพื่อนในแอปพลิเคชันไลน์ เมื่อเหยื่อเพิ่มเพื่อนแล้วพบใช้ไลน์ชื่อ “LionAir Group” ก่อนหลอกลวงให้เหยื่อกรอกข้อมูลลับส่วนตัวในลิงก์ของข้อความดังกล่าวให้คนร้ายสามารถเข้าควบคุมเครื่องโทรศัพท์มือถือของเหยื่อแล้วดูดเงินในบัญชีธนาคารออกไปยังบัญชีของคนร้ายเกลี้ยง มีผู้เสียหายรายหนึ่งสูญเงินร่วม 1.2 ล้านบาท รวมมูลค่าความเสียหายทั้งหมดกว่า 150 ล้านบาท สามารถอายัดบัญชีนำเงินคืนได้แล้ว 25 ล้านบาท

หลังเกิดเหตุกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีตรวจสอบจนพบความเชื่อมโยงของกลุ่มคนร้าย รวบรวมพยานหลักฐานขอหมายค้น และเริ่มปฎิบัติการตั้งแต่วันที่ 8-10 มีนาคม 2566 จับกุมผู้ต้องหาได้น.ส.วิภา วงศ์สงกรานต์ อายุ 48 ปี ได้ที่สถานีบริการน้ำมันเชลล์ ตำบลบางขันแตก อำเภอเมืองสมุทรสงคราม  นายธนวัตน์ คำแดง อายุ 19 ปี บริเวณริมถนนสาธารณะในหมู่บ้าน หมู่ 10 ตำบลทับกวาง อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี นายวุฒิพงษ์ เพ็งศรีโคตร อายุ 28 ปี ที่ตำบลกกโพธิ์ อำเภอหนองพอก จังหวัดร้อยเอ็ด และนายซอวิน ชาวเมียนมา  อายุ 26 ปี ที่อำเภอเมืองเชียงใหม่ ตามหมายจับของศาลจังหวัดเชียงใหม่ นอกจากนี้ได้เข้าตรวจค้นบริษัทประกอบกิจการนำเข้า-ส่งออกสินค้าไปประเทศเมียนมา ตั้งอยู่ที่ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ยึดพยานหลักฐานที่สำคัญประกอบคดีนี้ด้วย

พฤติการณ์ของคนร้ายจะออกอุบายให้เหยื่อกดลิงก์อ้างว่า ทางสายการบินได้มอบบัตรโดยสารฟรีของ Lion Air เป็นหนึ่งในคอนเทนต์ที่คนร้ายใช้ และปัจจุบันพบมีผู้ตกเป็นเหยื่อกว่า 100 ราย ความเสียหายกว่า 15 ล้านบาท เบื้องต้นได้พิสูจน์ทรา แผนประทุษกรรม รวมถึงตัวผู้กระทำความผิดออกหมายจับได้ 6 ร้าย ติดตามจับกุมตัวได้แล้ว 4 ราย ยังหลบหนีอีก 2 ราย ทั้งหมดจะถูกดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมโดยก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน และข้อหาร่วมกันฟอกเงิน

RELATED ARTICLES