ได้เวลาเช็กบิล

 

เงื้อดาบจ่อฟันอยู่นาน

ปฏิบัติการกวาดบ้านหลังเก่าของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นำทีมสอยตะเข็บตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเล่น “นอกกติกา” เอื้อประโยชน์ในการออกวีซ่าผิดประเภทให้กลุ่มนายทุนจีนสีเทา

กระโดดลงไปจัดระเบียบหน้าด่านเข้าออกประเทศที่เปิด “รอยรั่ว” ให้นักธุรกิจแดนมังกรมาทำผิดกฎหมายแผ่อิทธิพลไปทั่วบ้านทั่วเมือง

 “ถ้าผมไม่ทำแล้วใครจะทำ”  พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ประกาศเจตนารมณ์ลั่นในการจะล้างบาง “ตำรวจนอกแถว” ไม่สนเสียงสะท้อนร้องขอความเป็นธรรมของ “ตำรวจชั้นผู้น้อย” ส่งถึง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

ยืนยันมีพยานหลักฐานชัดเจนจะดำเนินคดีเอาผิดตำรวจตรวจคนเข้าเมือง 107 นาย ในจำนวนนั้นเป็นนายพลเพื่อนร่วมรุ่นนักเรียนนายร้อยตำรวจของเขาถึง 2 นายอีก 1 นายเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นพี่

 ข้อกล่าวหาทุจริตต่อหน้าที่ และเรียกรับสินบน ตามกฎหมายอาญามาตรา 157 และ 149

ในฐานะเป็นอดีตผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เขาเข้าใจระบบของหน่วยทั้งหมดแบบ “รู้ไส้รู้พุง” ทะลุปรุโปร่งถึงสายสนกลใน กระทั่งได้ “กลิ่นไม่ดี” หลังเกิดคดี นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ ตู้ห่าว นายทุนผู้มีอิทธิพลชาวจีนเปลี่ยนสัญชาติเป็นคนไทยพัวพันยาเสพติด

เปิดอาณาจักร ผับจินหลิง ท้องที่ยานนาวา ท็อปวัน ท้องที่ห้วยขวาง และคลับวัน กลางเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี มั่วสุมยานรกเป็นสถานบันเทิงลับเปิดรับเฉพาะลูกค้าชาวจีน

คนเหล่านี้เข้ามาใช้วีซ่า 2 ประเภท ตั้งแต่ วีซ่านักเรียน และวีซ่าการเป็นอาสาสมัครมูลนิธิ ให้ “มูลนิธิเถื่อน” รับรอง มีเอเย่นต์รวบหนังสือเดินทางจ่ายผลประโยชน์ให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองอำนวยความสะดวก

ปิดตาทำไม่รู้ไม่เห็น

“วันนี้ก็ถึงเวลาที่ต้องเอาสักที สมัยผมเป็นผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง วิธีการชั่วๆอย่างนี้เราไม่ทำ ในยุคผมไม่มี วันนี้ คนร้ายแก๊งอาชญากรต่างๆ ที่ผมจับแล้วดำเนินคดีอาญา เนรเทศขึ้นแบล็กลิสต์ ส่งตัวออกนอกไทยไปแล้ว สุดท้ายก็วกกลับมาหมด เพราะการทุจริตของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองบางกลุ่ม” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ให้สัมภาษณ์ไว้กับหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์

“ใช้วีซ่านักเรียนกับวีซ่ามูลนิธิที่จะอยู่ได้ 1 ปี โดยความช่วยเหลือของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง แต่ไม่มีการเรียนจริงและไม่มีการทำอาสาสมัครจริง” รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองว่า

เขาตัดสินใจนำปัญหาที่เกิดขึ้นในบ้านหลังเก่าไปรายงาน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กดสัญญาณ “ไฟเขียว” ให้ลงไปจัดการทำความสะอาดปัดกวาดขยะที่ซุกอยู่ใต้พรม ไม่ให้หมักหมมส่งกลิ่นเหม็นเน่าไปทั่วทุ่งปทุมวัน

“ปล่อยเอาไว้ไม่ได้จะต้องโดนลงดาบเสียบ้าง จะได้เข็ดกัน” เจ้าสำนักปทุมวันบัญชา

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ถึงไม่สนเพื่อนร่วมรั้วสามพราน พร้อมบอกว่า ความจริง คือ ความจริง ไม่ว่าจะเป็นผู้บังคับการ หรือผู้บัญชาการ  อย่าไปปิดบังความจริงที่ลูกน้องทำผิด เพราะยิ่งไปปิดบังยิ่งช่วยเหลือคนผิด ท่านจะยิ่งถูกค้นพบแล้วท่านจะยิ่งเสียหาย แล้วลากองค์กรตำรวจเสียหายไปด้วย

นำไปสู่การแจ้งความดำเนินคดีเจ้าหน้าที่ตำรวจคนเข้าเมือง 107 นายที่สถานีตำรวจภูธรเวฬุวัน จังหวัดขอนแก่น เสนอต่อเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย

ในสำนวนได้มีการสอบปากคำพยานไปมากถึง 446 ปาก มีเอกสารพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องในคดีมากถึง 139,000 แผ่น ตามข้อหาเป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และข้อหาเรียกรับผลประโยชน์โดยมิชอบ

ประเดิมเช็กบิล พล.ต.ต.ณัฐวัฒน์ การดี อดีตผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 4 กับพวกรวม 107 นาย ล้วนสังกัดกองบังคับการตรวจคนเข้าเมืองภาค 4 ส่งให้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติพิจารณา

กรณีเปลี่ยนแปลงการลงตราวีซ่าเป็นเหตุให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรได้นานขึ้น

ทำให้คนต่างด้าวรวมกลุ่มกันก่ออาชญากรรมในรูปแบบต่าง ๆ กระทบต่อความมั่นคงประเทศ   

RELATED ARTICLES