“ผมจะเน้นเรื่องความสงบสุขของประชาชนเป็นหลัก”

 

เอ่ยประโยคเด็ดได้ใจชาวบ้านไปไม่น้อย “ผมจะทำให้นักค้ายาเสพติด ยากจนยิ่งกว่าขอทาน” ทำให้ พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ถูกสังคมคาดหวังไว้สูงว่า จะสามารถกวาดล้างอิทธิพลเครือข่ายยานรกได้ชะงักงันอย่างที่พูดไว้หรือไม่

แม้จะเปิดเกมกระชากหน้ากาก “ไซซะนะ แก้วพิมพา” เจ้าพ่อยาเสพติดหน้าใหม่ สัญชาติลาว สาวถึงขบวนการใหญ่ในประเทศไทย โยงเป็นใยแมงมุมกระจายฐานลงสู่ประเทศมาเลเซีย เขี่ยบรรดา “ไฮโซจอมปลอม” ร่ำรวยผิดปกติร้อนหนาวไปตามกัน

นายพลตำรวจท่านนี้เป็นใครมาจากไหน หลายคนที่ทำงานสัมผัสใกล้ชิดคงไม่กังขาในฝีไม้ลายมือ แต่อีกหลายคนที่ไม่รู้ นิตยสาร COP’S จะพาไปอ่านเรื่องราว ก่อนจะก้าวมายืนเป็นหัวแถวรับงานปราบปรามยานรก

 

ลูกชายนักพากย์หนังยุคเก่า หนักเบาเพราะแม่เอาปลาเค็มเข้าแลก

ได้รับความไว้วางใจให้ขยับมานั่งผู้นำคุมหน่วยปราบปรามยาเสพติดแบบถูกจังหวะเวลา ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านคาวเลือดและควันปืนมาอย่างโชกโชน กระทั่งติดทำเนียบมือปราบอีกคนขององค์กรตำรวจ

เส้นทางชีวิตของ พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข เริ่มต้นที่อำเภอมหาราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พื้นเพตระกูลชาวนา พ่อเป็นอดีตทหารร่วมรบสงครามเกาหลี พอสมรภูมิสงบหันไปพากย์หนังที่โรงภาพยนตร์เฉลิมกรุง ยุค ม.ล.รุจิรา อิศรางกูร เสน่ห์ โกมารชุน จุรี โอศิริ ดอกดิน กัญญามาลย์ อีกทั้งร่วมสร้างหนังในนามค่ายสมานมิตรภาพยนตร์ ส่วนมารดายึดอาชีพแม่ค้าปลาเค็มตากแห้ง บุกเบิกตั้งแต่ตลาดนัดสนามหลวง ตลาดบางแค ไปจนถึงตลาดยิ่งเจริญ ย่านสะพานใหม่

“ความจริง ผมไม่ใช่คนเก่ง เห็นเลือดแล้วจะเป็นลม” นายพลมือปราบหัวเราะหยอดมุก “ผมโตมาเพราะปลาเค็มที่แม่ขายนี่แหละ” เขาว่า ด้วยความที่พ่อแม่กลัวไม่มีเงินส่งลูกเรียน ต้องเหน็ดเหนื่อยตรากตรำทำงาน  พล.ต.ท.สมหมาย และครอบครัวย้ายมาเมืองหลวงตอนเรียนชั้นประถม 4 เข้าโรงเรียนเทศบาลวัดมกุฏกษัตริยาราม แค่ปีเดียวเปลี่ยนเข้าโรงเรียนเซนต์จอห์นถึงมัธยมศึกษาปีที่ 5 เพื่อนห้องเดียวกับ “ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล”

เจ้าตัวบอกว่า เรียนอยู่สายวิทยาศาสตร์ อยากเป็นหมอ เพราะได้ช่วยเหลือคน ไม่เคยอยากเป็นตำรวจ แต่เป็นทหารก็ได้ พอสอบเตรียมทหารไม่ติดต้องกลับมาเรียนต่อ เหมือนดวงจะมาทางนี้ พ่อให้ไปสอบโรงเรียนนายร้อยตำรวจเราก็ไปสอบ

 

เคยจำฝังใจไม่ชอบอาชีพตำรวจ เพราะเหล้าขวดเดียวที่ถูกรีดไถ

“ผมเห็นตำรวจชอบรังแกประชาชนมาตั้งแต่เด็ก สมัยอยู่ตลาด เห็นความไม่ชอบธรรมเยอะ แม่ถูกขู่รีดไถ บางทีมาทดลองขายของกลางคืน ขายข้าวต้มรถเข็นข้างทาง ขายไม่ได้อะไรเลย โดนตำรวจเอาเหล้าไปขวดหนึ่งก็ขาดทุนแล้ว กำไรของแม่ คือ เหล้าขวดนั้น พอเอาไปก็เท่ากับว่า ไม่ได้อะไร” พล.ต.ท.สมหมาย ระบายความอัดอั้นในอดีต

มันเป็นภาพฝังใจที่ทำให้เขาไม่ชอบตำรวจ แต่พอสอบติดโรงเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 34 เลยตัดสินใจจะขอลงหน่วยตำรวจตระเวนชายแดน มองว่า เสียสละ เกิดมาเพื่อรบ ปรากฏว่า พ่อแม่ขอร้องให้เปลี่ยน เพราะคาดหวังลูกชายคนโตของบ้านไว้สูง เขาถึงเปลี่ยนไปอยู่โรงพักปราสาท จังหวัดสุรินทร์ หนีไม่พ้นชายแดนอยู่ดี ได้รับเลือกเป็นผู้หมวดชุดโจมตี

นายพลตำรวจคนดังว่า ก็ไม่ใช่อะไร แค่ไม่อยากให้ความรู้สึกเราเปลี่ยน ถ้าวันนั้นมาอยู่ในเมือง อาจไม่ได้เป็นตำรวจแบบนี้ก็ได้ อาจจะหล่อหลอมเราไปอีกแบบ  ไปอยู่ตรงนั้น เห็นพวกเขมรแดงรังแกชาวบ้าน เรารับไม่ได้ เราเป็นพนักงานสอบสวนกำลังเข้าเวร ชาวบ้านมาแจ้งว่า ราษฎรถูกกลุ่มชายชุดดำมาข่มขืนผู้หญิง เสร็จก็เอามันสำปะหลังยัด โหดมาก รีบขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปเลย คืนนั้นล่อกันเละ เราไม่เคยกลัว นับจากนั้นมา ฝังใจเลยว่า ความชั่วร้ายของสงคราม น่ากลัวเกินกว่าเราจะรับได้

อินทรีอีสานเป็นแบบการทำงาน ผ่านคดีสำคัญกลางเมืองย่าโม

เรียนรู้ยุทธวิธีนักรบนอกตำราชายแดนอีสานใต้เกือบปี “ล้ำเลิศ ธรรมนิธา” นายตำรวจรุ่นพี่ย้ายจากปราสาทไปเป็นสารวัตรใหญ่ สถานีตำรวจภูธรอำเภอนครราชสีมา ต้องการมือดีที่จบจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ประกอบกับเห็นแววผู้หมวดสมหมายมาก่อนหน้า จึงดึงเขาไปเป็นรองสารวัตรสืบสวนสอบสวนเมืองนครราชสีมา หลอมประสบการณ์ให้เขาเจริญเติบโตถิ่นย่าโมตลอดระยะสิบกว่าปี ยึดเจ้าของฉายา “อินทรีอีสาน” พล.ต.อ.บุญทิน วงศ์รักมิตร เป็นปรมาจารย์ต้นแบบการทำงาน

ทำคดีสำคัญนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นกวาดล้างมือปืนรับจ้าง แก๊งโจรกรรมรถ แต่ประทับใจที่ได้ช่วยเหลือทายาทโรงเรียนพาณิชยการในเมืองโคราชถูกลักพาตัวเรียกค่าไถ่ พล.ต.ท.สมหมายเล่าว่า ตอนนั้นเป็นผู้หมวด รับแจ้งเวลาตี 4 ใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที บิดมอเตอร์ไซค์ไปถึงที่เกิดเหตุ คนร้ายอยู่ในห้อง เราเอาโซฟาตั้งเป็นแนวกำบัง ใช้ปืนที่เมียซื้อให้เล็งกะว่าจะยิงนัดเดียวให้ร่วง สารวัตรใหญ่มาถึงพอดี รีบตะโกนห้ามว่าอย่า เราเลยไม่ได้ส่อง สุดท้ายคลี่คลายช่วยตัวประกันสำเร็จ

“ผมเป็นคนไม่กลัว แต่บทเรียนครั้งนั้นสอนให้ระลึกเสมอ เกิดอะไรขึ้น ไม่มีใครช่วยเราหรอก ตำรวจเวลาที่จะต้องปฏิบัติงาน ต้องช่วยตัวเราเอง อย่าไปหวังจากเจ้านาย การตัดสินใจสำคัญที่สุด สุดท้ายนายจะตบมือให้ หรือตบกะบาลก็เท่านั้นเอง มีแค่ 2 อย่าง ถ้าดี นายก็ตบมือให้แล้วบอกขอบใจ แต่ถ้าไม่ดีก็ตบกะบาล ผมชินกับเรื่องพวกนี้แล้ว”  เขาถึงนับถือ พล.ต.อ.บุญทิน วงศ์รักมิตร เป็นอาจารย์ที่เหมือนเป็นพ่ออีกคน “ผมไม่เคยเจอผู้บังคับบัญชาแบบป๋าบุญทินเลย แกสั่งการอะไร ถ้ามีปัญหาผิดพลาด จะออกมารับผิดชอบเองทุกครั้ง เวลาสั่งงานเรียกผู้ใต้บังคับบัญชาว่าลูกทุกคำ หานายแบบนี้ไม่ค่อยมี”

 

หัวแข็งไม่ค่อยยอมใคร ฝักใฝ่บทบู๊ล้างผลาญอย่างเดียว

อีกคดีตามจับแก๊งปล้นตลาดคนทำปลาทูเป็นทีมใหญ่ล่องขึ้นมาจากกรุงเทพฯ อดีตนักสืบภูธรเมืองย่าโมย้อนเรื่องราวว่า คนทำปลาทูต้องตื่นมาตี 2 เพื่อดึงไส้ปลาออกมา คนร้ายรอดักเวลาขนไปตลาด มีประมาณ 5 คน วางแผนปล้นจับเหยื่อมัด สมัยนั้นเราถีบสามล้อด้วย ได้ข่าวจากลูกน้องที่ถีบสามล้อด้วยกันว่า คนร้ายจะมาปล้น พอออกเวรก็ถอดเครื่องแบบไปซุ่มยืนดู ก่อนจู่โจมจับยกแก๊ง

พล.ต.ท.สมหมายเล่าต่อว่า รอคนร้ายรวมทรัพย์สินให้เรียบร้อยก็พาลูกน้องบุกเข้ารวบทันที เอามาสอบปากคำที่ห้องสืบสวน ด้วยความเหนื่อย ไม่ได้นอน หลับคาเก้าอี้ สารวัตรใหญ่โผล่เข้ามาตกใจ ถามเอามาได้ไง กว่าจะอธิบายให้เข้าใจว่า เมื่อคืนได้ข่าวก็รีบไป มันกำลังปล้นพอดีเลยแจ้งไม่ทัน ขณะที่เท้าเรายังเหยียบผู้ต้องหาคาเก้าอี้ เค้นจนสารภาพหมด ใช้วิธีการมาซุ่มเล่นสนุกเกอร์หาข่าวดูลาดเลา ลงมือเสร็จก็กลับกรุงเทพฯ ทำมาหลายรายแล้ว

“เรียบร้อย ผมจับได้หมดเกลี้ยง บางคนคุยว่าใหญ่ เป็นเด็กเส้น ผมไม่สนเลย ไปถามตำรวจโคราชได้ ถ้าคุยมาแบบนี้ โดนเลย เป็นโจรจะมาขู่ตำรวจได้อย่างไร ผมไม่ยอม เป็นตำรวจแล้วไม่ภาคภูมิใจอย่าเป็น ชีวิตผมไม่เคยรวย มีเงินก็แบ่งลูกน้อง เช้ามาทำงาน ไม่มีธุรกิจเป็นของตัวเอง  ทำงานตอนนั้นมันก็มีท้อนะ เจอนายดีบ้าง ไม่เข้าใจเราบ้าง เพราะผมค่อนข้างจะแข็ง เรื่องอย่างอื่น ผมไม่ยุ่ง ผมไม่ถนัด ก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างเดียว”

ยึดหลักคุณธรรมหนุนนำหน้า ลุยล่าจับมาเฟียอิทธิพลคนดัง

ไต่เต้าทำผลงานจนขึ้นเป็นผู้กำกับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 3 ท่ามกลางข้อครหาให้ร้ายป้ายสีสารพัด โดยเฉพาะไปพัวพันฆ่านักธุรกิจคนดังกลางเมืองนครราชสีมา ถูกย้ายไปอยู่งานอำนวยการ แต่เจ้าตัวยืนยันว่า ถ้ามีหลักฐานก็เอาไปสู่กันชั้นศาล หากไม่มีก็ไม่มีอะไร ถึงผ่านมาได้ ผู้บังคับบัญชาก็เข้าใจ แต่อย่ามาบีบกัน พื้นที่ตรงนั้นเป็นของกองทัพภาคที่ 2 ไม่จริงอยู่ไม่ได้ ติดคุกติดตะรางกันหมด ผ่านอะไรมาโชกโชน โชกเลือด แต่เราไม่อยากคุย ไม่มีประโยชน์

“เวลาประชุมพิจารณาตำแหน่ง แต่งตั้งโยกย้าย มันไม่ได้เอาผลงานมาพิจารณาหรอกว่า ฆ่าใครมา ติดคุกสิ อย่าไปคุย ถ้ามีคุณธรรมไม่ต้องไปบอกชาวบ้านหรอก เขารู้เอง เวลาชาวบ้านเดือดร้อนมา ช่วยเขาจริงแค่ไหน เอาแค่คุณธรรมก็พอแล้ว ไม่ต้องไปแสวงหาอย่างอื่นหรอก หลอกตัวเองเก่งกันจัง บางคนจะเกษียณกันอยู่แล้ว ยังไปต้มหมู ต้มคนโน้นคนนี้ แต่ผมไม่ชอบ ไม่ชอบต้มใคร ผมไม่เก่ง ก็ยอมรับว่าไม่เก่ง แต่ก็ต้องไปศึกษาให้รู้”

แนวความคิดนี้เอง ทำให้ในอดีต พล.ต.ท.สมหมาย ขอไปนอนใช้ชีวิตที่กองกำกับการสืบสวนสอบสวนนครบาลเหนือ ใต้ และธนบุรี เพราะอยากจะรู้ว่า ตำรวจกองสืบนครบาลเก่งได้อย่างไร ลงทุนดั้นด้นจากโคราชเข้ากรุงไปขอศึกษา เนื่องจากตัวเองเป็นตำรวจบ้านนอก สงสัยมานานแล้วว่า ทำไมเวลามีเหตุยิงกัน ไม่กี่ชั่วโมงจับมือปืนได้แล้ว หลังกำเคล็ดลับความสำเร็จของแฟ้มโบแดงกองสืบนครบาล นายตำรวจภูธรอีสานใต้คลายกังวล กลับมามุ่งทำงานในถิ่นเก่าสะสมชื่อเสียงของตัวเองปราบปรามผู้มีอิทธิพลไม่สนใคร อาทิ ปีนตึกแถว 4 ชั้นย่านประชาชื่นทุบกระจกจับคดีเช็ค แคล้ว ธนิกุล เจ้าพ่อเมืองหลวง ล็อกใส่กุญแจมือร้องลั่น ตามตะครุบเสือฝ้าย สำลี โคกาอินทร์ มือปืนยิงตำรวจ ชนิดตบหัวทิ่มกลางสนามม้าเมืองโคราช แม้กระทั่งผู้พันตึ๋ง พ.ต.เฉลิมชัย มัจฉากล่ำ ที่ซ่าข้ามถิ่นบินไปเก็บค่าหัวคิวหมอนวดรายละ 200 บาท

 

เจอพิษมรสุมออกถิ่นถนัด วัดใจลูกน้องถูกผู้บังคับบัญชารังแก

ปี 2545 ออกนอกถิ่นถนัดเลื่อนตำแหน่งเป็นรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม เป็นรองผู้บังคับการอำนวยการตำรวจภูธรภาค 4 รองผู้บังคับการศูนย์สืบสวนตำรวจภูธรภาค 4 ดูแลงานด้านปราบปรามยาเสพติด ก่อนโดนพิษนักการเมืองท้องถิ่นย้ายไปจังหวัดกาฬสินธุ์ พล.ต.ท.สมหมายบอกว่า ไม่ได้เจ็บปวดอะไร ดีที่ได้ไปหลายจังหวัด ทำให้รู้จักตำรวจแต่ละที่ว่า คิดแบบไหน คิดไม่เหมือนกัน บางโรงพักเดินเข้ารู้สึกขนลุก รู้เลยว่า กำลังร้องไห้ ถูกรังแกจากผู้บังคับบัญชา

“คนที่ถูกย้ายมา บางทีมันไม่ได้อยากมา ก็ไปใส่กับเด็กๆ ความรู้สึกผมเองนะ ผมว่าโรงพักกำลังร้องไห้ ผมพูดอย่างนี้ ก็ทำให้ผู้บังคับบัญชาบางคนต่อว่า บอกผมพูดเกินไปหรือเปล่า แต่ผมไม่รู้ว่า เด็ก ๆ มันอยู่กันอย่างสลดหดหู่ เพียงแต่มันไม่ฆ่านายเท่านั้นเอง ทั้งที่มีตัวอย่างตั้งเยอะแยะที่โดนขว้างระเบิด ถูกยิงในโรงพัก เพราะไปกดดันลูกน้อง ผมก็เจอคนเลวๆ มาเยอะ ผมคุยกับมันตรงๆ  ให้อวัยวะเพศกันบ้าง ท้ากันบ้าง บอกว่า ถ้าไม่ฟังก็ไม่ต้องปกครองกัน อยู่ที่เราจะจริงกับมันแค่ไหน คนเราต้องคุยกันก่อน ไม่คุยกันก็ไม่รู้เรื่อง แล้วอย่างนี้จะไปจับโจรได้ยังไง”

พ้นจากกาฬสินธุ์ขยับกลับมาเป็นรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่นกวาดล้างคดีค้างเก่าเกือบหมด กระทั่งย้ายไปรักษาการผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยโสธร ตามคำสั่ง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อแก้ปัญหาผู้บังคับบัญชาปล่อยให้นักการเมืองท้องถิ่นเตะ ส.ต.อ.อาทิตย์ แดงดี บนโรงพักจนสลบ “ตำรวจที่ไม่ช่วยลูกน้อง นี่มันน่าเกลียดมาก ผมไม่เข้าใจ เป็นนายแบบไหน ลูกน้องถูกทำร้ายต่อหน้าต่อตา กลับไปเข้าข้างไอ้พวกนี้ ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น หัวใจมันทำด้วยอะไร พวกนี้น่ากระทืบมากกว่า ชาวบ้านเขามีลูกน้อง ถ้าถูกกระทำ ยังไม่ยอมเลย แล้วนี่มึงรับราชการ จะให้นับถือกันได้ไง ผมรับไม่ได้” อดีตรักษาการผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยโสธรว่า

 

มรสุมการเมืองสลับขั้วไปมา ได้เวลาท้าทายสลายอคติสีเสื้อ

จากนั้นขึ้นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ปีเดียวมรสุมการเมืองเปลี่ยนฟากโดนลากกลับไปนั่งตบยุงเป็นผู้บังคับการอำนวยการตำรวจภูธรภาค 3 ปีถัดมาขั้วการเมืองพลิกขั้วสลับสีอีก คราวนี้ถูกส่งคุมพื้นที่โซนสีแดงเป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ เขายอมรับว่า สถานการณ์ตอนนั้นไม่มีใครกล้าไปลงเชียงใหม่ เมื่อเราไปต้องใช้ความอดทนทุกรูปแบบ ไม่ได้หลับไม่นอน ใช้สติปัญญา วิชาความรู้ ทำทุกอย่างให้เป็นกลาง แม้จะถูกกดดันทุกอย่าง ทำแบบที่เราเคยทำ

พล.ต.ท.สมหมายอธิบายหลักการว่า ชาวบ้านจะชอบแบบตรงไปตรงมา อย่าไปรังแกเขา คือจริงๆ ตำรวจไม่ได้มีเพื่อจับคนอย่างเดียว เขามีให้เพื่อเยียวยาได้ บางเรื่องถ้าไม่แก้ข้อกล่าวหาเขา มันก็ไม่เป็นเรื่อง ถ้าไม่แกล้งเขา บางเรื่องถ้าตกลงกันได้ ก็ต้องให้เขาตกลงกัน  มีคดีหนึ่งพ่อค้าห้องเย็นเอาของทะเลแช่แข็งไปส่ง ตำรวจจับคนขับรถบรรทุกมา เราไปตรวจโรงพักเห็นเลยถาม รู้ว่าโดนข้อหาบรรทุกหนัก ก็ถามว่า ทำไมไม่เปรียบเทียบปรับ นั่งอยู่นานแล้วเดี๋ยวของที่บรรทุกมาเน่าหมด

“ผมไม่รู้หรอกว่าเจ้าของนั่งอยู่ด้วย ผมหันไปด่าร้อยเวรว่าทำไมไม่รีบจัดการ ถ้าจะให้ประกันตัวก็ให้ประกันตัวไป เดี๋ยวของในห้องเย็นมันจะเสีย ผมก็ถามคนขับว่า แจ้งเจ้าของหรือยัง เจ้าของที่นั่งตรงนั้นก็ตกใจ มันไม่เคยได้ยินแบบนี้ พอผมรู้ว่าเป็นเจ้าของเลยถาม ตกลงยังไง ถามพนักงานสอบสวน สุดท้ายก็ปรับไป ผมพูดแบบลูกทุ่ง บอกว่า ไปแกล้งเขาทำไม มึงเคยมีพ่อแม่ เป็นพ่อค้าแม่ค้าไหม ผมก็บ่นไปเรื่อยเปื่อย ปรากฏว่า มันก็โดนใจเจ้าของ พวกนี้มันเป็นพวกพ่อค้าที่เคลื่อนไหวกับม็อบในพื้นที่ด้วย มันก็เห็นว่าผู้การคนนี้มาแล้ว ไม่ได้แกล้งใคร ก็บอกปากต่อปาก ผมแกล้งคนไม่เป็น ผมไม่ได้สนใจเรื่องการเมืองนะ ใครจะยังไงก็ช่าง แต่ขออย่ามาแตะต้องราชวงศ์จักรี กูรับไม่ได้”

 

ผ่านความตายมาเยอะมาก ทุกเก้าอี้ไม่เคยเอ่ยปาก หรือจับสลากได้

“จะทะเลาะกันยังไง สีไหน กูไม่รู้ด้วย เพราะเราต้องอยู่ตรงกลาง อย่าเอาในหลวง ราชินี ราชวงศ์จักรี มาแปดเปื้อน ไม่งั้นมึงเอ้ย เดี๋ยวกูจะจัดการไปไล่ล่าให้ดู มึงรู้จักกูน้อยไป เพราะฉะนั้นม็อบที่จะผ่านหน้าบ้านผู้การต้องขออนุญาต ก่อนหน้าขู่ ประกาศให้เวลาผม 3 เดือนที่จะอยู่เชียงใหม่ได้ ผมก็บอกไม่เป็นไร เดี๋ยวจะทำความสะอาดให้ จับหมดทุกอย่าง” มือปราบภาคอีสานที่โยกข้ามคุมภาคเหนือสีหน้าจริงจัง

“พวกเถื่อนๆ ทั้งหลาย ผมจับหมด เล่นเอาสงบเงียบ ผมไปไหนไม่เคยต้องมีกองกำลังแบบพวกบ้าๆทำกัน มีแค่ผม คนขับรถ นายเวร ไม่เห็นต้องกลัวอะไร ไม่พกปืน พกระเบิดอย่างเดียว ไม่กลัวอยู่แล้ว ผมผ่านการตายมาเยอะมาก จะไปกลัวอะไรอีกทำไม ถ้าความดีไม่มีจริง พระพุทธเจ้าไม่ทำดีหรอก ในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านทรงทำความดีจนท่านสวรรคต ทำดีต้องดี ดีเป็นไม่ดี แสดงว่าเราดีไม่จริง ก็ชดใช้กันไป”

อยู่เชียงใหม่จนขึ้นรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 แล้วย้ายเป็นรองผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ทำหน้าที่ที่ปรึกษาด้านวิเคราะห์งานบุคคล) ก่อนเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เขาย้ำว่า ทุกตำแหน่งไม่เคยได้เลือกเลย ไม่ได้จับสลาก แล้วแต่ฟ้าดินเป็นผู้กำหนด เหมือนมาเป็นผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดก็ไม่ได้เลือก เป็นความเมตตาของผู้บังคับบัญชา มีเวลาไม่ถึง 2 ปีก็เกษียณแล้วจะไปกลัวอะไร เพราะทั้งหมดที่ผ่านมา คือ กำไรแล้วชีวิต

เปิดฉากขึ้นดอยลาก “เล่าต๋า” ตามด้วย “ไซซะนะ แก้วพิมพา”

ผลงานไม่กี่เดือนหลังเข้ามาคุมบังเหียนหน่วยตำรวจปราบปรามยาเสพติด พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ประเดิมนำทีมขึ้นดอยบุกจับเล่าต๋า แสนลี่ พ่อค้ายาเสพติดทางภาคเหนือด้วยตัวเอง ทำให้รู้ถึงจุดอ่อนของยุทธวิธีผู้ใต้บังคับบัญชาที่ต้องนำมาปรับแผนแก้ไขกันใหม่หมดยกแผง เช่นเดียวกับ ปฏิบัติการชัยยะสยบไพรี 60/1 ตามขยายผลดักรอจับนายไซซะนะ แก้วพิมพา ราชายาเสพติดหน้าใหม่สัญชาติลาวที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ

ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดเผยเบื้องหลังว่า ไปอำนวยการวางแผนให้ ปรากฏว่า เป้าหมายไม่ออกช่องที่ตำรวจรอดักอยู่ โยกไปโยกมาไม่ออกเสียที ดันเซมาทางที่เราอยู่พอดีตรงหน้าสถานีตำรวจท่องเที่ยว “มันเป็นคนฉลาด มันสงสัยเห็นพวกเรามาทำไมกันเยอะแยะ ลูกน้องผมส่งสัญญาณบอกว่า มันมาแล้ว ผมเลยตะโกนไปว่า มึงจะให้ผู้ต้องหาเย้ยได้อย่างไร ก็ไปจับมันสิ แต่ผมวิ่งสวนบันไดเลื่อนขึ้นก่อน ล็อกใส่กุญแจมือ ตัวมันใหญ่มาก ผมจับเองกับมือ เสร็จแล้วก็ส่งทีมงานจัดการต่อ”

ประวัติของนักค้ายานรกรายสำคัญนี้ พล.ต.ท.สมหมายแจงว่า ถือเป็นผู้ต้องหาอันดับต้นๆ ของเครือข่ายการค้ายาเสพติดระดับอาเซียน โยงใยเป็นขบวนใหญ่ลำเลียงยาเสพติดสู่จังหวัดชายแดนภาคใต้ออกชายแดนประเทศมาเลเซีย เกิดที่บ้านดอนลับ เมืองหินบูน แขวงคำม่วน ตรงข้าม อำเภอท่าอุเทน จังหวัด นครพนม ชอบสะสม รถซูเปอร์คาร์สุดหรูมากกว่า 20 คัน ทั้ง ลัมโบกินี  ปอร์เช่ ออดี้ ทางการลาวติดตามพฤติกรรมร่ำรวยผิดปกติมาระยะหนึ่งแล้วก่อนประสานตำรวจปราบปรามยาเสพติดจับกุม

 

ความดีเป็นรางวัลจากสวรรค์ มุ่งตัดต้นตอสายพันธุ์ยานรก

การทลายเครือข่ายค้ายาเสพติดของพ่อค้าหนุ่มชาวลาวเป็นเพียงจุดเริ่มต้นนโยบายการทำงานของ พล.ต.ท.สมหมาย ที่ต้องขุดรากถอนโดนขบวนการยานรกรายใหญ่ให้สำเร็จโดยเร็ว  “ผมจะเน้นเรื่องความสงบสุขของประชาชนเป็นหลัก ทำอย่างไรให้ประชาชนมีความสุข แยกพ่อค้ายาเสพติดออกจากคนดีให้ได้ ทำให้คนดีมีที่ยืน ผมจะทำให้นักค้ายาเสพติดจนยิ่งกว่าขอทาน อันนี้ผมพูดแล้วจะทำให้ได้” เขาวาดความหวังในการทำงาน

เหมือนที่เขาให้ข้อเตือนใจหน่วยตำรวจปราบปรามยาเสพติดยุคนี้ว่า “ทำดีได้ ไม่ต้องเดี๋ยว ความดีเป็นรางวัลจากสวรรค์ ทำอย่างไรก็ได้ให้ประชาชนมีความสุข แยกคนไม่ดีออกจากคนดี ปรับพฤติกรรมของคนไม่ดีให้อยู่กับคนดีได้ สำหรับคนชั่ว ส่งตัวไปช่วยราชการไซบีเรีย”

พล.ต.ท.สมหมายถึงยืนยันหนักแน่นว่า จะใช้มาตรการยึดทรัพย์ผู้ค้ายาเสพติด คนพวกนี้อยู่ได้เพราะมีเงิน ขับรถหรูคันละ 20-30 ล้านบาท บอกสังคมว่า ตัวเองและพรรคพวกรวยมากจนเจ้าหน้าที่รัฐไม่กล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยว ขณะนี้เราพอทราบเครือข่ายเหล่านี้บ้างแล้ว จากนั้นจะทำให้จน จนต้องร้องไห้ ถึงกระนั้นก็ตาม เราไม่จำเป็นต้องใช้มาตรการรุนแรงเหมือนสมัยก่อน เพราะยาเสพติดก็ยังไม่หมด เหมือนกับเราจะโค่นต้นมะม่วง ไม่เอาพันธุ์นี้ แต่ตัดเฉพาะยอดมะม่วงเฉยๆ แล้วในที่สุดมันก็แตกออกมาใหม่ ดังนั้นถ้าเราจะลดการแพร่ระบาด ก็ต้องตัดที่ต้นตอ ตัดที่ตัวใหญ่อย่างนายไซซะนะ ไม่ใช่แค่ช่วยประเทศเรา แต่กำลังช่วยคนทั้งโลก

ชี้เม็ดเงินมากมายได้มาง่าย กลายเป็นวงจรธุรกิจค้ายาเสพติด

หัวหน้าตำรวจหน่วยปราบปรามยาเสพติดให้เหตุผลว่า ปัจจุบันประเทศไทยกลายเป็นทางผ่านของยาเสพติด ไม่ต่างซุปเปอร์ไฮเวย์ เป้าหมายหลักที่จะปราบปรามยาเสพติด คือ ขุดรากถอนโคนขบวนการเหล่านี้ อาจจะไม่ได้หลายขบวนการ แต่ได้สัก 2-3 ขบวนการ เหลือขบวนการเดียว แต่มีเครือข่ายโยงใยไปทั่วประเทศ ก็คุ้มแล้ว อย่างเช่นจับนายไซซะนะ แบบนี้ยังมีอีกเป็นสิบที่รวยแบบไม่มีที่มาที่ไป

“ธุรกิจยาเสพติด มันกลายเป็นยาบำรุงร่างกายที่ดีที่สุดในชีวิตพวกนี้แล้ว เพราะถ้าทำอย่างอื่นขาดทุนหมด พวกมันเลยหันมาค้ายาเสพติด ลงทุนน้อย มีเครือข่ายเยอะ แถมทำให้ธุรกิจอย่างอื่นไปได้ด้วยการฟอกเงิน นำรถหรูเข้ามาไม่เสียภาษี คิดเอาแล้วกันว่า เม็ดเงินจำนวนเหล่านี้หากนำมาให้ชาวไร่ชาวนาล้างหนี้ได้สบาย”

การจัดการเครือข่ายยาเสพติดอย่างจริงจัง พล.ต.ท.สมหมายมองว่า ต้องใช้ความร่วมมือของชาวบ้าน รวมทั้งประสานงานประเทศเพื่อนบ้านจับมือการตัดต้นต่อขบวนการค้ายาเสพติด ถึงเวลานี้หลายประเทศตามแนวชายแดนเริ่มเห็นปัญหาและพร้อมช่วยแก้ไขแล้ว ไม่ว่าจะเป็นลาว หรือมาเลเซีย ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีสำหรับการป้องกันปราบปรามยาเสพติดแถบภูมิภาคอาเซียน

 

 

สร้างแรงจูงใจผู้ปฏิบัติงานเข้ม เรียกมาประดับเข็ม “สยบไพรี”

พล.ต.ท.สมหมาย ยังมีความคิดว่า จะพิจารณามอบเข็มเครื่องหมายสยบไพรีกิตติมศักดิ์สัญลักษณ์ของหน่วยตำรวจปราบปรามยาเสพติดมอบแก่ตำรวจที่ปฏิบัติงานปราบปรามยาเสพติดทุกหน่วยเพื่อสร้างความภาคภูมิใจ เน้นเรื่องของความซื่อสัตย์ กล้าหาญ เราไม่ได้บอกกับคนอื่น เราบอกกับพวกเราเอง แล้วเราจะภูมิใจ แล้วเราจะกล้าในสิ่งที่เสี่ยงตาย ไม่มีอะไรจะให้ความมั่นใจเขาได้ นอกจากเครื่องหมายสยบไพรี

ก่อนหน้านี้ ผู้ที่สำเร็จการฝึกอบรมหลักสูตรชุดปฏิบัติการพิเศษปราบปรามยาเสพติด หรือชุดสยบไพรี จะมีสิทธิประดับเครื่องหมาย ซึ่งชื่อชุดปฏิบัติการพิเศษสยบไพรี สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 19 ประทานให้ มีลักษณะเป็นโลหะสีเงินรูปนกอินทรี กรงเล็บซ้ายจับสายฟ้า กรงเล็บขวาดจับปืนกล ตรงกลางปืนกลมีดาบคู่อยู่ด้านหลัง ปลายดาบปักลงด้ามดาบเป็นสีดำ ตานกอินทรีลงยาสีแดง นกอินทรีหมายถึง ความสง่างามและความเป็นผู้นำในการปราบปรามยาเสพติด ดาบ หมายถึง จิตวิญญาณที่กล้าหาญและเสียสละ ปืนกล หมายถึง ขีดสมรรถนะในการสยบศัตรูที่ทรงอานุภาพ สายฟ้า หมายถึงการจจู่โจมที่รวดเร็ว เฉียบขาด

“ความจริงนกเปรียบเสมือนครุฑ พาหนะของพระราชา ทำให้พวกเราพึงรำลึกเสมอว่า เราเป็นลูกหลานพระมหาษัตริย์ เพราะฉะนั้น เราต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ ผมจะมอบให้แก่ตำรวจผู้ปฏิบัติที่อยากได้ ใครไม่อยากได้ ติดไปก็ไม่มีประโยชน์ ไม่มีความภาคภูมิใจ ต้องทำงานเป็นที่ยอมรับของประชาชนในเรื่องการปราบปรามยาเสพติด เข็มเครื่องหมายนี้มันต้องมีความหมาย  เพราะเราทำกันมา เข็มสยบไพรี อันนี้เราเน้นเรื่องความซื่อสัตย์ กล้าหาญ พี่จะบอกกับน้องๆ หลายๆ คนว่ พระมหากษัตริย์ของเราเป็นครุฑ เราจงคิดว่าเราคือลูกหลานพระมหากษัตริย์ เพราะฉะนั้นเราต้องซื่อสัตย์”

เผยที่มาของยุทธการชื่อชัยยะ ได้ “ชัยยะ ศิริอำพันธุ์กุล”ช่วยปิดท้าย

ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดบอกว่า กองบังคับการไหน โรงพักไหน เราดูในไลน์การทำงาน แล้วเห็นผลงาน เราจะโทรศัพท์ไปหาเลย เราพอใจ เราจะบอกว่า เขาคือ ครอบครัวของเรา จะติดเข็มให้ เชื่อว่า เขาจะดีใจมาก เพราะเราไม่เคยทำแบบนี้ ราคาค่าเข็มอาจไม่กี่ร้อยบาท แต่ความประทับใจที่เขาได้มาโดยไม่ได้คิดมันจะยิ่งใหญ่ขนาดไหน ยิ่งผู้บัญชาการมอบให้เองด้วย เมื่อมีของดีเราก็ต้องให้เขา

ทิ้งท้ายเจ้าตัวยังบอกถึงที่มาของแผน “ชัยยะสยบไพรี” ที่ดันไปคล้องจอง พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เพื่อนสนิทร่วมรุ่นนักเรียนนายร้อยตำรวจพอดีว่า เป็นความบังเอิญมากกว่า พล.ต.อ.ชัยยะ ไม่ใช่แค่เพื่อนรุ่นเดียวกัน แต่เราเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เรียนมัธยม ทว่า ชัยยะ ของหน่วยปราบปรามยาเสพติดเป็นนามเรียกขานอยู่แล้ว พอเราจะลงทำยุทธการถึงตัดสินใจใช้ชัยยะสยบไพรี

“หลายคนอาจมองเป็นการเสริมบารมีท่านชัยนะ เพราะเป็นชื่อเขา แต่ผมว่า ไม่เป็นไรหรอกนะ ดีเสียอีก  เพราะหน่วยป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินต้องปิดท้ายยุทธการอยู่แล้วในเรื่องยึดทรัพย์ผู้ค้ายาเสพติด ผมถึงบอกชัดเจนว่า กูจะทำให้มึงจนยิ่งกว่าขอทานให้ได้ กูจะเก็บทุกเม็ดเลย คดีอาญาไม่ได้ ก็เอาทางแพ่งด้วย คดีแพ่งนี่ ท่านชัยยะจะจัดการให้ ยึดย้อนหน้า ย้อนหลังได้หมด นับว่า โชคดีที่เราคิดแล้วตรง แล้วชื่อก็เพราะด้วย” นายพลมือปราบแววตาเข้มเผยรอยยิ้ม

 

 

 

 

RELATED ARTICLES