ถูกสะกิด “แผลเก่า” เอามาเขย่า “พ่นพิษ” สังเวยเก้าอี้ พล.ต.ต.เอกราช ลิ้มสังกาศ ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง
ว่าด้วยเรื่อง “ส่วยรถบรรทุก” ในรูปแบบ “สติกเกอร์” แสดงอาณัติสัญญาณค่าอำนวยการผ่านทางที่มีมานานตั้งแต่หลายสิบปี
ยังคงตกตะกอนเป็นอาหาร “อันโอชะ” ของตำรวจทางหลวงหลายยุค หากผู้ประกอบการรถบรรทุกยังเลือกกระทำผิดกฎหมายขน “น้ำหนักเกิน”
ยอมจ่ายเบี้ยบ้ายรายทางแลก “ไฟเขียว” คุ้มราคากว่า
“ต้นเหตุคือ เรื่องรถบรรทุกหนักเกินกำหนด” พล.ต.ต.เอกราช ลิ้มสังกาศ บอก “ต้องย้อนถามไปยังสหพันธ์ขนส่งทางบกแห่งประเทศไทยด้วยว่า อะไรคือปัญหาที่แท้จริง ทำให้ผู้ประกอบการเกิดความเห็นแก่ตัวจนต้องบรรทุกหนักเกิน”
แต่เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อตำรวจเป็นผู้บังคับใช้กฎหมาย ต้องทำไปตามอำนาจที่อยู่เต็มมือ
กระนั้นก็ตาม พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สะบัดปากกาเซ็นคำสั่งแต่งตั้ง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ไปปฏิบัติหน้าที่รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจทางหลวงอีกตำแหน่ง
นายพลเจ้าฉายา “มือปราบคอร์รัปชัน” เรียกประชุมตำรวจทางหลวงระดับ “รองผู้บังคับการ-ผู้กำกับการ” เป่ากระหม่อมทันทีเพื่อแก้ข้อครหา “ส่วยสติกเกอร์” ทำต้นสังกัดเหม็นเน่า
เน้นย้ำในการกวาดบ้านตัวเอง และยอมรับเป็นเรื่องสกปรกหมกอยู่ใต้พรมมานาน
เจ้าตัวยืนยันจะนำพาหน่วยนี้ให้ไปในทางที่ถูกต้อง หากตำรวจรายใดเข้ามาเกี่ยวข้องจะต้องถูกดำเนินการเช่นเดียวกัน
ย้ำว่า ตำรวจทางหลวงจะต้องเป็นหน่วยงานที่มีเกียรติมีศักดิ์ศรีมากกว่านี้
ประกาศยุบ “ชุดเฉพาะกิจ” ติดอาร์มตำรวจทางหลวงทั้งหมดเพื่อ “ตัดวงจร” ที่ส่อไปในทางทุจริตออกไปจากหน่วย
พล.ต.ต.จรูญเกียรติบอกว่า ตำรวจทางหลวงมาถึงการเปลี่ยนแปลงแล้วจะต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียมเป็นธรรม แม้ทุกขั้นตอนย่อมกระทบไปถึงธุรกิจ หรือผู้ประกอบการ แต่ต้องปรับตัวตามให้ทัน
จุดนี้ต้องยอมรับความเป็นจริง
“การปรับตัว คือ บังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียมเป็นธรรม” พล.ต.ต.จรูญเกียรติว่า พร้อมสั่งการให้ตำรวจทางหลวงทั่วประเทศเร่งตรวจสอบเรื่อง “ส่วยสติกเกอร์” มาเข้าสู่ขั้นตอนกระบวนการสืบสวน “ถึงจะเสียบุคลากรแต่ต้องยอมรับความจริง”
ทิ้งท้าย พล.ต.ต.จรูญเกียรติอยากให้เข้าใจว่า ตำรวจทำหน้าที่อำนวยความยุติธรรม อะลุ้มอล่วยมาตลอดเพื่อให้ฟันเฟืองทุกอย่างเดินไปได้ วันหนึ่งสิ่งที่ดำเนินการไม่ถูกต้องควรแก้ไขให้ทุกคนยอมรับ
นายพลมือปราบทุจริตไม่อยากให้หมักหมมเป็น “ขยะซุกใต้พรม” เหมือนที่ผ่านมา
|
