รวบสาวใหญ่หนีหมายจับคดีโกงมโหฬารไปบวชชียังไม่รอด

 

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยรสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  ให้ปราบปรามกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดทุกรูปแบบที่สร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก มี ชุดลาดตระเวนออนไลน์ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล ร่วมกับชุด ปฏิบัติการที่ 5 ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยรสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนเป็นแกนนำกลุ่มผู้เสียหายว่าถูกบริษัท คอนเซ็ปต์ ซีรี่ส์ จำกัด หลอกลวงชักชวนให้เข้าร่วมการลงทุนในการให้บริหารเช่าพื้นที่บน Cloud Storage ต่อมาบริษัทไม่สามารถจ่ายผลตอบแทนจนเป็นเหตุให้ประชาชนได้รับความเสียหา แจ้งความต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ 3,531 ราย มูลค่าความเสียหายรวม1,303,127,202.99 ล้านบาท ปรากฏว่า ผู้ต้องหาเป็นกรรมการที่มีอำนาจลงนามในบริษัทได้หลบหนีหายเข้ากลีบเมฆตั้งแต่หมายจับออกเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2565 กลุ่มผู้เสียหายได้ร้องเรียนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนนครบาล IDMB ช่วยสืบสวนติดตามจับกุมตัวนางพัฒนา ด้วงชนะ ผู้ต้องหารายนี้เนื่องจากที่ผ่านยังไม่มีความคืบหน้าในการติดตามจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล มอบหมาย พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล หัวหน้าชุดปฏิบัติการที่ 5 ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยรสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำกำลัง พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล  พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล  พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผู้กำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล  พ.ต.ท.ยิ่งยศ ลีชัยอนันต์ รองผู้กำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล  พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฎศรี รองผู้กำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล  พ.ต.ท.สมพงษ์ เกตุระติ สารวัตรกองกำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล  พร้อมกำลังร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัว

กระทั่งตามรวบตัว นางพัฒนา ด้วงชนะ อายุ 69 ปี อยู่ที่บ้านเลขที่ 54 หมู่ 4 ตำบลอ่างแก้ว อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดลำปาง ที่ 79/2565 ลงวันที่ 3 พฤษภาคม  2565 กระทำความผิดฐาน “ ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน , และร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ” ได้ภายในสถานปฏิบัติธรรมนาโสกวิปัสสนา ฐิตธัมโม ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา

พฤติการณ์กล่าวคือ ชุดลาดตระเวนออนไลน์ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล ร่วมกับชุด ปฏิบัติการที่ 5 ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยรสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนแกนนำกลุ่มผู้เสียหายว่าถูกบริษัท คอนเซ็ปต์ ซีรี่ส์ จำกัด ร่วมกันหลอกลวงชักชวนให้เข้าร่วมการลงทุนในการให้บริหารเช่าพื้นที่บน Cloud Storage เสนอผลตอบแทนให้แก่ผู้ร่วมลงทุนในอัตราสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของสถาบันการเงิน คล้ายลักษณะแชร์ลูกโซ่จนเป็นเหตุให้มีผู้หลงเชื่อนำเงินเข้าร่วมลงทุนเป็นจำนวนมาก ต่อมาบริษัทไม่สามารถจ่ายผลตอบแทนจนเป็นเหตุให้ประชาชนได้รับความเสียหาย แจ้งความต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษไว้ 3,531 ราย เข้ามาให้การต่อพนักงานสอบสวนแล้ว 2,878 ราย มูลค่าความเสียหายรวม 1,303,127,202.99 ล้านบาท และยังไม่มาให้การอีก จำนวน 653 ราย

ทั้งนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ มีการจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้แล้ว 1 ราย คือ นายศุภสรร ด้วงชนะ กรรมการบริษัทคอนเซ็ปต์ ซีรี่ส์ จำกัด และประสานสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินติดตามทรัพย์สินของผู้ต้องหาเพื่อเป็นการเยียวยาให้กับผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวง แต่ยังมีผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องและหลบหนี คือ นางพัฒนา ด้วงชนะ เป็นมารดาของนายศุภสรร ด้วงชนะ กรรมการที่มีอำนาจลงนามในบริษัท คอนเซ็ปต์ ซีรี่ส์ จำกัด โหายเข้ากลีบเมฆตั้งแต่หมายจับออกเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2565 กลุ่มผู้เสียหายได้ร้องเรียนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนนครบาลช่วยสืบสวนติดตาม พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาลถึงเร่งรัดให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 5 กองกำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 5 ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำราวจแห่งชาต รีบดำเนินการสืบสวนเพื่อติดตามจับกุมให้ได้โดยเร็ว เนื่องจากถือเป็นความเดือดร้อนของประชาชน ตลอดจนเป็นคดีที่มีผู้เสียหายรวมทั้งความเสียหายจำนวนมาก จนกระทั่งสามารถจับกุมขณะบวชชีอยู่ที่สถานปฏิบัติธรรมนาโสกวิปัสสนา ฐิตธัมโม ตำลฃหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา

ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ให้ข้อมูลว่า เดิมทีเป็นอาจารย์สอนระดับมัธยมศึกษาในพื้นที่จังหวัดอ่างทอง หลังเกษียณบุตรชายขอนำชื่อไปเป็นกรรมการในบริษัทไม่ทราบการดำเนินกิจการของบริษัทแต่อย่างใด ขอให้การอื่นๆ ในชั้นสอบสวนและชั้นการพิจารณาคดีของศาลเท่านั้น  อย่างไรก็ตาม ขณะจับกุมตัวผู้ต้องหาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมพบตัวผู้ต้องหาหลบไปบวชชีและปฏิบัติธรรมอยู่ในสถานปฏิบัติธรรม มีอดีตสามีบวชเป็นพระอยู่ในสถานปฏิบัติธรรมเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่าอาจเป็นอีกหนึ่งวิธีการในการให้ตัวเองรอดพ้นจากการสืบสวนจับกุมตัวตามหมายจับ

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล ฝากประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนภัยไปยังผู้กระทำผิดอย่าทำศาสนาต้องมัวหมอง ใช้การหลบหนีคดีมาบวช หรือปฏิบัติธรรม หากสำนึกผิดจริงๆ ต้องรับโทษทางกฏหมายให้เรียบร้อยก่อน จะไม่ทำให้ศาสนาเสียหาย และหากประชาชนพบการกระทำผิด หรือขอความช่วยเหลือโปรดแจ้งเบาะแสการกระทำความผิด มายังเพจ “สืบสวนนครบาล IDMB” ได้ตลอด 24 ชั่วโมง แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มาก แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

RELATED ARTICLES