“ตรงนี้ก็เหมือนเป็นโรงเรียนของหนู”

ก้าวแรกของอาชีพข่าว “แตงโม” อินทิรา สมแพง  เผชิญบทร้อนแรงกับปัญหาของต้นสังกัด “ไทยทีวี” อยู่พอสมควร

เด็กสาวเมืองขอนแก่น เริ่มวัยเรียนอยู่อำเภอชุมแพ ก่อนเข้าโรงเรียนประจำที่จังหวัดเลย เมื่อพ่ออยากสอนให้มีระเบียบ 3 ปี ย้ายกลับมาเรียนสายอาชีพเลือกวิชาการโรงแรม กระทั่งจบหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพแล้วเปลี่ยนสายไปเรียนคณะนิเทศศาสตร์ สาขาสื่อสารการตลาด มหาวิทยาลัยรังสิต

“หนูชอบทำกิจกรรม ไม่ชอบอยู่กับตัวหนังสือ ได้ออกข้างนอกไปเจอโน่น เจอนี่ ถึงเลือกมาเรียนนิเทศศาสตร์” แตงโมให้เหตุผล สุดท้ายได้ทำงานไม่ตรงกับที่เรียนมาสักนิด ตั้งแต่เข้าฝึกงานเป็นเออีบริษัท ฟาร์อิสต์ จำกัด เสร็จแล้วระหว่างรอรับปริญญาก็มีเพื่อนชวนมาสมัครที่สถานีโทรทัศน์ไทยทีวี น้องใหม่ค่ายดิจิตอลทันที เนื่องจากมีเพื่อนเป็นนักข่าวก่อนแล้ว  ฟังเพื่อนแล้วเห็นว่า มันมีกิจกรรมให้ทำ ไปแล้วตรงกับตัวเอง ถูกจริตตัวเอง ไปโน่น นี่ ไปเจออะไรต่างๆ ตอนแรกเราก็หวังอยากไปด้านข่าวบันเทิง แต่ถ้าต้องไปทำข่าวอาชญากรรมก็ดี ก็เลยไป ลองดู เริ่มจากข่าวสายอาชญากรรมก่อน

เธอยอมรับว่า การเริ่มต้นวัยทำงานไม่สวยเท่าที่ควร เพราะเป็นจังหวะต้นสังกัดกำลังมีปัญหา เลิกสัญญาดิจิตอลกลับไปเป็นระบบดาวเทียมเหมือนเดิม แต่เราแค่คิดอยากเป็นนักข่าว สนุก ชอบ จากเรียนการโรงแรม การสื่อสารการตลาดแล้วมาเป็นนักข่าว มันไม่ตรงเลย ตอนแรกที่เรียนการโรงแรม เพราะชอบงานบริการ ไปเรียนแล้วจริงๆ ก็ยังชอบ ก็ทำได้ดี แต่เริ่มเบื่อ เริ่มรู้สึกว่าเราอยู่แต่โรงแรม อยู่กับงานบริการ อยู่กับที่ ไม่ใช่สไตล์เรา คิดว่า การได้ออกไปทำงานนอกสถานที่ ชอบกว่า

คนข่าวสาวทีวีป้ายแดงบอกว่า ชอบงานแบบลุยๆ ไม่ต้องแต่งสวยไปออฟฟิศอะไรแบบนี้ ไม่ใช่เรา ก็มาลงทำงานข่าวอาชญากรรม รู้สึกว่า ต้องลองดู ตอนแรก ไม่รู้เรื่องเลย ภาษาข่าวอาชญากรรม ไม่รู้เรื่อง ไม่รู้เรื่องยศตำรวจ พออยู่ไปสักพัก คิดว่า ไม่เกินกว่าที่จะเรียนรู้ก็เลยทำ “หนูคิดว่าเรื่องบันเทิง ดารา มันเป็นเรื่องง่ายๆ ที่ใครเขาก็สนใจ ไม่ต้องรู้อะไร ก็คิดว่ามันเป็นเรื่องดังๆ มีอะไรดาราก็จะลงเฟซบุ๊ก เราก็จะเห็นผ่านตาตลอด ต่างจากข่าวอาชญากรรมมันท้าทายกว่า ส่วนตัวหนูก็ชอบเฝ้าดู พวกป่อเต็กตึ๊ง ไม่กลัว”

แตงโมว่า เริ่มสนุก อาศัยความเป็นรุ่นน้องก็ดูจากรุ่นพี่นักข่าว ดูว่าเขาเขียนข่าวยังไงบ้าง เพราะเราก็ไม่เคยเขียนข่าวเลย  “ต้องค่อยๆ เรียนรู้ จริงๆ ว่า หนูน่าจะมาถูกที่แล้ว อนาคตก็คิดว่าอยากจะไปช่องที่มันใหญ่ หรือมีความเจริญก้าวหน้ากว่านี้ที่มันมั่นคง อย่างฟรีทีวีอย่างนี้ ก็จะมีความภาคภูมิใจในตัวเองมากกว่า แต่ถ้าช่องเรายังมั่นคงก็จะอยู่ตรงนี้ไปเรื่อยๆ ก่อน เพราะตรงนี้ก็เหมือนเป็นโรงเรียนสอนเรา ถ้าเกิดไปที่อื่น คงไม่ได้ออก เพราะหนูอาจจะยังไม่มีศักยภาพ เหมือนว่า เขาจะสร้างแรงกดดันว่า หนูจะต้องทำได้ ได้เรียนรู้ให้เราออกมา แล้วกดดันว่าต้องทำได้”

“หนูก็เลยคิดว่า ตรงนี้ก็เหมือนเป็นโรงเรียนของหนู เข้ามาตอนแรกก็ตกใจกับปัญหาของต้นสังหะด แต่ก็คิดว่า ชื่อเสียงเขาที่มีมานาน ก็ไม่น่าจะทำให้หยุดไปเลย ส่วนตัวหนู ก็ไม่ได้ตื่นเต้น ก็คิดว่าเราทำงานตามหน้าที่ไปก่อน ในเมื่อยังมีงานอะไรให้เราทำต่อ ก็ยังโอเค หนูก็ทำหน้าที่ในตำแหน่งของหนูไป  มันเหมือนเป็นก้าวแรก เหมือนนับหนึ่ง ลองดู” สาวเมืองหมอแคนฉายแววตามุ่งมั่น

 

 

RELATED ARTICLES