ป่วยการที่จะเอ่ยถึงเรื่องทีผ่านไปแล้วแก้ไขอะไรไม่ได้
ผู้ผิดหวังหลายคนคงคิดเช่นนั้นเมื่อคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายพิสูจน์ความจริงของคนทำงาน แต่ผลสุดท้ายกลายเป็น “หมัน”
พวกเขาไม่ได้มุ่งมั่นอยากนั่ง “เก้าอี้ทำเลทอง” ขอแค่ประคองอยู่ที่เดิมยังไม่ไหว
อยากขีดเส้นใต้ตั้งคำถาม
“หัวใจของนายทำด้วยอะไร”
มีเรื่องเล่ายุค พล.ต.อ.มนต์ชัย พันธุ์คงชื่น ห้วงเวลาถูกปลดออกจากตำแหน่ง อธิบดีกรมตำรวจไปเป็น ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เพราะอำนาจทางการเมือง
มีคนใกล้ชิดกระซิบว่า “ท่านครับ เงินสืบราชการลับที่ท่านดูแลอยู่มีเงินเหลืออยู่ประมาณ 18 ล้านกว่าบาท ถ้าท่านจะเซ็นชื่อสักตัวเดียวก็สามารถเอาไปใช้จ่ายได้เลย”
พล.ต.อ.มนต์ชัยถึงกับอารมณ์ขุ่นมัวตอบไปในทันที
“เราจะยังซ้ำเติมประเทศชาติอีกหรือ”
เป็นความคิดต้นแบบแม่ทัพที่มีจิตวิญญาณความเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เต็มตัว สมัยรุ่งเรืองในตำแหน่ง “พิทักษ์ 1” ไปตรวจราชการที่ไหนมักมีตำรวจท้องที่เสนอหน้ากันมาเอาใจ เขาลั่นคำอย่างเด็ดขาดว่า “ไม่ต้องจ่าย ผมมีผู้บังคับการกองการเงินมาด้วยแล้ว ผมมาพวกคุณก็วุ่นวายมากพอแล้ว”
ยิ่งช่วงการแต่งตั้งโยกย้ายมีผู้มาวิ่งเต้นขอตำแหน่งตามที่ต้องการจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะเวลาเข้าชี้แจงข้อราชการในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรจะมีเศษกระดาษ “ตั๋วฝาก” จากนักการเมืองเต็มไปหมด
เมื่อเดินทางกลับมาถึงเจ้าตัวล้วงออกมาจากกระเป๋าทิ้งไว้บนโต๊ะแล้วให้นายตำรวจคนสนิทนำไป “เผา” ในเตาถ่านที่ข้างครัว
ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมว่าจะมีอำนาจบาตรใหญ่มาจากไหน
ขณะเดียวกัน ผู้ใกล้ชิดสนิทสนมมักพานายตำรวจอยู่ต่างจังหวัดต้องการจะโยกย้ายมาดำรง ตำแหน่งในพื้นที่ตำรวจนครบาล พล.ต.อ.มนต์ชัยจัดแจงให้เรียกนายตำรวจผู้นั้นเข้ามาสอบถามเส้นทางในพื้นที่ที่ต้องการจะไปอยู่
ปรากฏว่า นายตำรวจผู้นั้นไม่สามารถตอบได้
เขาจึงสวนไปว่า “กลับไปอยู่ที่ต่างจังหวัดเถอะ คุณเข้ามา คุณก็ไปไหนไม่ถูก”
สรุปนายตำรวจผู้นั้นไม่ได้ย้าย
นอกจากนี้ก็จะมีนายตำรวจที่มาวิ่งเต้นโยกย้ายส่วนใหญ่จะไม่ได้ดังใจหวัง เพราะผู้นำปทุมวันตรวจทราบประวัติและความประพฤติในทางไม่ดีของบางคน คนไหนประวัติไม่ดีไม่มีทางที่จะได้รับแต่งตั้งโยกย้ายแน่นอน
“การได้เป็นอธิบดี วันเดียวก็ถือว่า ได้เป็นอธิบดีแล้ว” พล.ต.อ.มนต์ชัย พันธุ์คงชื่น เอ่ยด้วยความภูมิใจมาตลอดระหว่างกุมบังเหียนตำแหน่งแม่ทัพ
การตัดสินใจของเขาถึงเด็ดขาดด้วยหัวใจผู้นำ !!!