พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว รองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด สั่งการ พล.ต.ต.อดิศ เจริญสวัสดิ์ ผู้บังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด3 พ.ต.อ.ธีระ ทองระยับ,พ.ต.อ.รัชธพงศ์ เตี้ยสุด ,พ.ต.อ.กฤษดา ศรีอิสาณ, พ.ต.อ.หญิง วรรญ์ญาลัดดา พิรุณสารโยธิน รองผู้บังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด3 พ.ต.อ.ทิวาพงษ์ พลูโต ผู้กำกับการ2กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด3 พ.ต.ท.วสุภัทร คำมี รอง ผกก.2 บก.ปส.3,พ.ต.ท.ทรงพล อาวพิทักษ์ รองผู้กำกับการ2กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด3 พ.ต.ท.วีรศักดิ์ รัตนประยูร สารวัตรกองกำกับการ2กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด3 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร
เข้าจับกุม นายนรินทร์ อายุ 31 ปี จังหวัดลำปาง และ นายอนุพงศ์ อายุ 40 ปี ชาวจังหวัดลำปาง พร้อมของกลาง ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า)จำนวน 6,000,000 เม็ด, รถยนต์ กระบะบรรทุก(ตู้ทึบ) หมายเลขทะเบียน ผอ 7302 เชียงใหม่, รถยนต์เก๋ง หมายเลขทะเบียน งน 7006 เชียงใหม่, โทรศัพท์มือถือ จำนวน 3 เครื่อง ได้ที่บริเวณริมถนนพหลโยธิน หน้าตลาดบ้านดู่ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ต่อเนื่อง ลานจอดรถโรงแรมนันทชัยอินน์ ตำบลบ้านดู่ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย
ก่อนการจับกุมชุดจับสืบสวนทราบว่ากลุ่มผู้ต้องหาพร้อมรถยนต์เป้าหมายจำนวน 2 คัน จะลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ชายแดน จังหวัดเชียงราย เข้าสู่พื้นที่ ตำบลบ้านดู่ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย โดยใช้รถกระบะตู้ทึบของนายนรินทร์ฯ มีการใช้ป้ายทะเบียนปลอมสลับกับทะเบียนจริง โดยนายอนุพงศ์ฯได้เช่ารถเก๋งมาใช้สำหรับนำทาง และเตรียมจะนำไปส่งพื้นที่ จ.ลำปาง เมื่อพบพฤติการณ์แน่ชัดจึงเข้าสกัดจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองได้พร้อมยาบ้าและรถยนต์สองคันดังกล่าว
สอบสวน ผู้ต้องหาทั้งสองรับว่ารับจ้างลำเลียงเป็นครั้งที่2 โดยจะได้ค่าจ้างครั้งละ 400,000 บาท ได้รับการแนะนำมาจากเพื่อนเคยที่ติดคุกด้วยกันที่เรือนจำลำปาง และจะติดต่อกันทางไลน์โดยไม่เคยพบตัวผู้ว่าจ้าง โดยผู้ว่าจ้างจะนำยาไปวางทิ้งไว้ในจุดนัดหมาย เบื้องต้นจึงแจ้งข้อหาว่า “จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า หรือเมทแอมเฟตามีน) โดยมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในหมู่ประชาชนอัน หรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป” นำตัวส่ง พนักงานสอบสวน กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด3 ดำเนิน
ด้าน พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ กล่าวว่า การจับกุมในครั้งนี้ บช.ปส. มีการประสานข้อมูลการข่าวกับฝ่ายทหาร เพื่อบูรณาการทำงานร่วมกันในการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดให้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง และฝากถึงผู้ที่จะหลงผิดเข้ามาเป็นนักบินรับจ้างลำเลียงยาเสพติด แม้ว่าจะทำสำเร็จในครั้งแรก แต่สุดท้ายท่านจะถูกเจ้าหน้าที่สืบสวนจับกุมได้ในที่สุด และต้องถูกดำเนินคดี สูเสียอิสรภาพ อีกทั้งถูกยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องทั้งหมด และครอบครัวจะต้องได้รับเดือดร้อนไปด้วย ซึ่งไม่คุ้มกับค่าจ้างที่ได้รับแต่อย่างใดเลย