หัวหอกชั้นผู้น้อย

ขอพิพาทเรื่องร้อนของแอร์เลือก “ลอยแพ” คู่กรณีแล้วเรื่องจะจบแค่นั้นหรือ

หลังจาก จ.ส.ต.เลอศักดิ์ นนท์ขุนทด ผู้บังคับหมู่สืบสวน สถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน หอบเอกสารหลักฐานเข้าร้องเรียนศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ

แฉพฤติกรรมโดยใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบของ 2 สารวัตรสืบสวนผู้เป็นนาย

หักเงินเบี้ยเลี้ยงตกเบิกจากการปฏิบัติหน้าที่ตั้งด่านความมั่นคง อ้างมีความเดือดร้อนส่วนรวมในห้องสืบสวนที่จำเป็นต้องแจ้งทีมงานสืบสวนทุกคนทราบ

คือ แอร์ห้องในสุดเสีย ทำให้เดือดร้อนทุกคน ดังนั้นผู้บังคับบัญชาต้องเอาเงินส่วนนี้มาสนับสนุน เนื่องด้วยเพราะผู้ประกอบการช่วงนี้ฝืดเคือง

“ผมและเพื่อนไม่เห็นด้วยกับคำสั่งนี้ เนื่องจากทั้งหมดเป็นเงินที่ได้จากการปฏิบัติหน้าที่ อีกทั้งเงินที่ใช้ซื้อเครื่องปรับอากาศควรเป็นเงินของทางราชการไม่ใช่เงินส่วนตัว” จ.ส.ต.เลอศักดิ์ว่าถึงชนวนเหตุดับเครื่องชนผู้บังคับบัญชา

มีเพื่อนร่วมชะตากรรมพร้อมใจกันเห็นด้วยอีก 10 นาย และยินดีให้ข้อเท็จจริงในเรื่องที่เกิดขึ้น

ทว่าไม่ได้ลงชื่อทำสังฆกรรมปล่อยให้ “จ่าโอ๋” จ.ส.ต.เลอศักดิ์ นนท์ขุนทด รับบท พระเอกฉายเดี่ยว ออกหน้าฉากแทนเพียงลำพัง

“ผมเลือกทำในสิ่งที่ถูกต้องและจะต้องสู้ให้ถึงที่สุด”เจ้าตัวยันเจตนารมณ์

แม้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังออกตัวว่า เป็นเรื่องทางการปกครอง มองได้หลายมุม ต้องดูที่เจตนาว่ามีเจตนาดี หรือไม่ดีอย่างไร

“ส่วนตัวมองว่า กรณีที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นเรื่องเร่งด่วนจึงมีการระดมทุนกันโดยไม่ต้องรองบประมาณปกติ เนื่องจากการติดตั้งแอร์ก็เป็นการติดตั้งในห้องสืบสวน ไม่ใช่ห้องส่วนตัวของสารวัตร และมีหลายโรงพักที่อาจทำแบบนี้”

แม่ทัพสีกากียังบอกด้วยว่า เรื่องที่เกิดขึ้นสามารถพูดคุยกันได้ ไม่ควรไปร้องเรียนหน่วยอื่น เนื่องจากผู้บังคับบัญชามีหลายระดับชั้นที่จะให้ความเป็นธรรมได้ ยืนยันไม่ได้ปกป้อง หรือเข้าข้างใคร แต่หากจะตำหนิก็คงตำหนิหัวหน้าหน่วย

ผลสุดท้าย พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงนามหนังสือบันทึกข้อความ ที่ 0015.112/4246 วันที่ 31 มีนาคม 2561 ย้ายสลับเก้าอี้ปัญหา

ให้ พ.ต.ท.สมภพ นามบัณฑิต สารวัตรสืบสวนสถานีตำรวจนครบาลดอนเมือง ไปปฏิบัติราชการในตำแหน่ง สารวัตรสืบสวนสถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน  พ.ต.ท.ณธัชพงศ์ ภิรัมย์ สารวัตรสืบสวนสถานีตำรวจนครบาลสายไหม ไปปฏิบัติราชการในตำแหน่ง สารวัตรสืบสวนสถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน

พ.ต.ต.ชลากร ปานแดง สารวัตรสืบสวนสถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน  ไปปฏิบัติราชการในตำแหน่ง สารวัตรสืบสวนสถานีตำรวจนครบาลดอนเมือง พ.ต.ต.เอกราช โอมาก สารวัตรสืบสวนสถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน ไปปฏิบัติราชการในตำแหน่ง สารวัตรสืบสวนสถานีตำรวจนครบาลสายไหม

ส่วน จ.ส.ต.เลอศักดิ์ นนท์ขุนทด ผู้บังคับหมู่สถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน “หัวหอกชั้นผู้น้อย” เด้งไปปฏิบัติราชการในตำแหน่ง ผู้บังคับหมู่สืบสวน สถานีตำรวจนครบาลทุ่งสองห้อง

การจับแยกคู่กรณีออกนอกพื้นที่ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลให้เหตุผลว่า กรณีดังกล่าวอยู่ระหว่างการสอบสวน และไม่ให้เกิดความแตกแยกกันในการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ดังกล่าว

ถึงกระนั้น “จ่าโอ๋” ได้เก็บตัวเงียบ แต่โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กระบุว่า เหตุการณ์แบบนี้มันทำเกิดความรุนแรงในสังคมของตำรวจ แต่ก่อนการแก้ไขปัญหา จบตรงที่การใช้ความรุนแรง แลกกันด้วยชีวิต ซึ่งก็เห็นในข่าวอยู่บ่อยๆ

“แต่ผมไม่ทำแบบนั้นแน่นอน เลือกที่จะสู้กับความไม่ถูกต้องด้วยการใช้สมอง อยู่ในกรอบของกฎหมายครับ ผมผ่านจุดนั้นมาแล้ว จุดที่คนสามารถยิงหัวตัวเองได้ เข้าใจดีเลย”

เจ้าตัวยังกราบขอบพระคุณกำลังใจที่ทุกท่านให้มา

“เต็มที่ครับ ใจเกินร้อย ผมสู้ไม่ถอยแน่นอน”

พร้อมมอบหมายทนายความยื่นฟ้องดำเนินคดี 2 สารวัตรสถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน เรื่องหักเบี้ยเลี้ยงไปซื้อแอร์ ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง

ส่อท่าทางคงจบไม่สวย !!!

RELATED ARTICLES