มุมมองของเพื่อนร่วมรุ่น

พล.ต.ต.พลพิพัฒน์ สมบูรณ์สุข นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 33 อดีตผู้บังคับการตำรวจตระเวนชายแดน เพื่อนร่วมรุ่น พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ เล่าความหลังไว้ในเฟซบุ๊กส่วนตัว

ถึงอดีตนายตำรวจสันติบาลคนดัง

“เมื่อ16ปีก่อน เคยทำงานร่วมกันประชุมเกี่ยวกับการวางแผนรับเสด็จ ท่านมาในฐานะตำรวจสันติบาล ส่วนผมเป็นรองผู้กำกับการ จราจรพื้นที่เสด็จ นั่งคู่กัน คุยกัน รู้ฝีมือดี เพราะจบโรงเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น33 รุ่นเดียวกัน อยู่หมวด3 นอนเตียงใกล้ๆกันอีก” เจ้าตัวว่า

“สมัยเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ ท่านเป็นนักกีฬาเทนนิส ส่วนผมเป็นนักยิงปืน หลังจากแยกย้ายกันไปรับราชการ พบกันนานๆครั้ง งานเลี้ยงรุ่น ก็นั่งโต๊ะเดียวกันอีก”

 “จนกระทั่งจะถูกจับก็โทรหาด้วยความเป็นห่วง คิดว่าจะไปเยี่ยมเพื่อนที่โรงพัก คงไม่ถูกจับไปด้วยน่ะ  กลัวมากๆ” เป็นความรู้สึกถึงเพื่อนร่วมรุ่นที่กำลังเผชิญชะตากรรม

กระนั้นก็ตาม เขาแสดงความเห็นด้วยว่า กรณี พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ แสดงตัวจะสู้คดีและพร้อมที่จะเข้าขบวนการข้อกล่าวหา แต่พนักงานสอบสวนชิงออกหมายจับเพื่อจะไปลากคอให้สาแก่ใจอับอายไปทั่ว

การใช้กำลังอินทราชต้องเป็นคดีอาชญากรรมคนร้ายมีอาวุธสงคราม หรือก่อการร้ายชิงตัวประกัน

ไม่ใช่มาใช้เพื่อกลั่นแกล้งกัน

ต้องมีการปฏิรูปงานสอบสวนและมีความเสมอภาคในความยุติธรรม

อดีตนายพลนอกราชการยังแสดงความเห็นอีกว่า คนทำงานสอบสวนมักต้องทำตามผู้บังคับบัญชาหน้าโง่บางคนที่ไม่มีความรู้ด้านนี้ เพราะเติบโตมาจากสายงานอื่น

แต่ใช้อำนาจเหนือกว่าสั่งการจะต้องเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้

คนสอบสวนก็อึดอัด

“บางคนซื่อตรงอนาคตก้าวหน้าช้ากว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน ถ้าทำตามมันสั่งก็ต้องหาช่องโหว่ของกฎหมายจึงเป็นที่มาของการถูกสังคมกล่าวหาว่าไม่ยุติธรรม จึงต้องปฏิรูปงานสอบสวนเป็นเพราะไอ้หน้าโง่ไม่รู้งานสอบสวนแล้วตามมาสั่งการตามที่ปรากฏบ่อยๆ นี้ไงจึงต้องปฏิรูปงานสอบสวน ไม่ให้ผู้บังคับบัญชาชั้นสูงมาชี้นำ”

ระบบการสอบสวนของไทยเป็นระบบกล่าวหา ผู้ต้องหาต้องหาพยานหลักฐานมาหักล้างภายหลัง กรณีของ พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ ก็เช่นกัน สอบลับหลังแต่ฝ่ายเดียว เรื่องเก็บเงินที่ตลาดใหม่ดอนเมืองตำรวจสอบคนที่ว่าไม่เต็มใจให้แล้วชี้รูปก็แค่นั้น

เรื่องเงินค่าส่วนกลาง พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ก็ให้สัมภาษณ์

 ไม่ใช่ส่วย ไม่ผิด

“เงินส่วนกลางที่ว่านี้ความจริงมีทุกตลาดเอกชนครับแต่มองให้ผิดก็ได้ มองให้ถูกก็ได้จึงต้องใช้ความยุติธรรมมากสักหน่อย จ้องจับผิดคิดริษยาเสียเวลากับความหลัง พังเพราะไม่รู้จักพอเข้าใจนะครับ” พล.ต.ต.พลพิพัฒน์ระบายความอัดอั้น

การขอหมายจับเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งของการกล่าวหาของพนักงานสอบสวนจะผิดถูกยังไงอยู่ที่ศาล ศาลเห็นพอเชื่อคำกล่าวหาก็ให้ ปกติไม่ต้องออกหมายจับเรียกมาสอบถามแจ้งข้อกล่าวหาก็ได้ แต่พนักงานสอบสวนใช้ช่องโหว่ของกฎหมาย

ถ้ามีอัตราโทษสูงเกิน 3 ปี ก็ขอหมายจับได้ แต่ต้องเป็นกรณีน่าจะหลบหนีหรือไม่มีแหล่งที่อยู่แน่นอน

แค่ทะเลาะกันส่วนตัว ยัดข้อหาตั้ง 45 คดี สังคมจึงต้องการงานปฏิรูปงานสอบสวนของตำรวจ ให้แยกออกมาไม่ต้องไปฟังผู้บังคับบัญชานอกสายงาน

ตำรวจต่างกับทหารตรงที่ฆ่าพี่ ฆ่าน้อง ขายเพื่อน ตำรวจทำชั่วบ้างเลวบ้าง พอเป็นตำรวจระดับสูงฟอกขาวทันที เป็นนายตำรวจตัวอย่างและบุคคลที่มีเกียรติไปในพริบตา” เจ้าตัวเปรยผ่านโลกออนไลน์

 

RELATED ARTICLES