ก้าวจ่อคิวขึ้นแท่นผู้ประกาศสาวหน้าใหม่ของสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7
สาวสวยหน้าหวาน “บิว”ปิ่นปินัทธ์ ฐากุลวีรนันท์ พกเอาความสามารถที่มีมากกว่าหน้าตาเข้าเป็นส่วนหนึ่งในวิกหมอชิต เธอเกิดกรุงเทพฯในครอบครัวนักธุรกิจ แต่ไปโตเชียงใหม่ จบมัธยมโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย เรียนสายวิทย์-คณิต อยากเป็นเภสัชกร ทว่าพลิกผันไปเรียนคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยพายัพ
ฉายแววโดดเด่นตั้งแต่วัยรุ่น เข้าประกวดร้องเพลงเวทีเดอะสตาร์ เข้ารอบสุดท้ายที่กรุงเทพฯ ผ่านสนามดัชชี่เกิร์ลรอบภาคเหนือ แต่ไม่ได้ไปต่อเพราะครอบครัวอยากให้ไปสายพิธีกร หรือร้องเพลง แต่พอเรียนจบมหาวิทยาลัยอาจารย์แนะให้ว่า น่าจะไปสายผู้ประกาศข่าวมากกว่า “สมัยนั้นเรียนวิชาเหมือนวาทะวิทยา อะไรที่ต้องปฏิบัติอยู่เบื้องหน้าฉาก หนูทำคะแนนท็อปที่สุด อาจารย์เลยบอกว่ามีความสามารถนำ ทำไมไม่ไปด้านนี้” เธอว่า
เส้นทางของบัณฑิตสาวจากมหาวิทยาลัยพายัพจึงเปลี่ยนจากการเดินสายประกวดร้องเพลงมุ่งสู่งานพิธีกรเริ่มต้นผ่านการประกวดเอไอเอส-วีเจหน้าใหม่ ที่เปิดโอกาสค้นหาดาวดวงใหม่ ทำหน้าที่วีเจนาน 1 ปี ข้ามสู่เวที MCOT Talent Audition Project ของโมเดิร์นไนน์ทีวี ติดเข้าทำหน้าที่พิธีกรรายการเกี่ยวกับผู้หญิง และความสวยความงาม ทำได้ 4 เดือนควบคู่กับไปแคสเตรียมละครช่อง 5
บิวบอกว่า จังหวะนั้นช่อง 7 เปิดโครงการสรรหาผู้ประกาศข่าวหน้าใหม่เลยตัดสินใจมาลองสมัครดูจนผ่านเข้ารอบออดิชั่น ทำให้ต้องทิ้งงานละคร สุดท้ายได้รับโอกาสเข้าทำงาน ที่นี่ให้ทดลองงานเพื่อดูพัฒนาการของเราก่อนด้วยการส่งลงสนามข่าว ฝึกให้ทำสกู๊ป แต่จะเน้นไปเรื่องความสวยความงาม เรื่องพิษภัยของยาลดความอ้วน หรือคอนแทกเลนส์อันตราย รวมถึงอะไรที่ไม่มี อย. โรคอะไรใหม่ ๆ ที่เข้ามา มักจะเป็นคนที่ได้รับมอบหมายให้ทำแนวนี้ ล่าสุดจะเป็นเรื่องที่เข้าไปล่อซื้อผู้หญิงขายบริการ ก็ต้องเข้าไปจับกุมพร้อมตำรวจ เหมือนเป็นการฝึกพัฒนาให้เราเขียนข่าวเป็น อ่านข่าวเป็น ก่อนจะไปนั่งโต๊ะจริงๆ
“ชีวิตไม่เคยทำข่าวเลย แต่มีความฝันว่าอยากจะเป็นผู้ประกาศข่าว พอได้ลงไปทำข่าวในสนามแล้วก็รู้สึกสนุกมาก เข้าไปลองทำสกู๊ป รู้สึกเหมือนกับว่ามันใช่เลย เพราะตอนแรกๆ ก็มีทำหลายแนว ทำข่าวสังคม ข่าวอาชญากรรม พอพี่ให้โจทย์มาว่า คุณไปแนวสายเกี่ยวกับพวกผู้หญิง ให้ดูแลเรื่องกลุ่มผู้หญิง คดีกับผู้หญิง หรือ อย.มีการร้องเรียนอะไรที่เกี่ยวกับผู้หญิง ก็ให้หนูทำเลย เราก็มีความรู้เบื้องหลังเรื่องนี้อยู่แล้วก็ชอบเพราะเป็นคนรักสวยรักงาม” เจ้าตัวหัวเราะ
เธอว่า เริ่มจากเป็นพิธีกรภาคสนาม และทำสกู๊ปข่าว ถือว่าผู้ใหญ่ให้โอกาสที่เข้ามาได้ 10 คนจากทั้งหมด 3,000 กว่าคน ให้เทสต์อ่านข่าว คัดจนเหลือ 200 กว่าคนถึง 40 คน และสุดท้ายหั่นเหลือ 10 คน ก็เป็น 1 ใน 10 คน คณะกรรมการบอกว่าลุกซ์เราได้ คาแรคเตอร์เราดูสบายตา ด่านแรกเลยผ่านมาแบบงงๆ แต่เขาก็บอกเราว่า รอบต่อไป ถ้ายังอ่านแบบนี้อยู่ สู้ยากนะ เลยกลับไปพัฒนา และไปดูซิว่าอ่านข่าวจริงๆ มันเป็นยังไง ต้องใช้น้ำเสียงยังไง พอไปศึกษาจริงๆ แล้วรู้ว่ามันยากนะ ไม่ใช่ง่ายๆ อ่านข่าวให้เป็นอย่างที่ช่อง 7 เขาต้องการ ไปศึกษาแล้วกลับมาอีกทีจนมีพัฒนาการขึ้น
ผู้ประกาศสาวหน้าใหม่เล่าต่อว่า ทุกคนบอกว่าเราก็ทำได้ จากที่แรกๆ แข็ง ไม่ได้เรื่องก็ผ่านมาได้เหลือแค่พัฒนางานต่อไป ดีใจที่ผู้ใหญ่คิดว่า เรามีพัฒนาการเร็วดี จากที่ตอนแรกทุกคนคิดว่าไม่น่าจะรอด เพราะเด็กคนนี้ดูคาวาอิมาก ดูเกาหลี อะไรอย่างงี้ ไม่น่ารอด พอลงมือทำจริง เขาก็อึ้งไปเหมือนกันว่า เราทำได้ดีเกินคาด คือ เราลุยได้ด้วย อะไรได้ด้วย จากที่หลายคนเคยมองว่า เราคงอยู่ได้แต่ข้างใน สวยๆ งาม พอเราลองขออาสาไปทำเรื่องโน่นนี่ดู เขายังบอกว่าไม่จำเป็นต้องไปขนาดนั้นก็ได้ แต่เรารู้สึกสนุกมาก รู้สึกชอบ คิดว่ามาถูกทาง
“ตอนแรกที่มา ไม่คิดว่าจะได้ เพราะคนมันเยอะ ไปสมัครก็ไปวันสุดท้าย มาด้วยความคิดว่า อยากลองดู เพราะเวลานั้นทำงานช่อง 9 แล้ว คนที่มาสมัครส่วนใหญ่ก็คิดว่า มันยากนะ แถมหลายคนมีประสบการณ์เยอะ หนูอาจจะสู้เขาไม่ได้ แต่ก็ใช้ความเป็นธรรมชาติของเรา ไม่คิดอะไร ไม่กดดัน มาแรกๆ หนูยังงงเลยว่า อ่านข่าวกับพิธีกรมันแตกต่างกันยังไง”
สำหรับอนาคต บิวรับว่า อยากเป็นผู้ประกาศข่าวที่เก่ง และดี แต่วางคติไว้ว่า ทำงานต้องมีศีลธรรม และเห็นใจแหล่งข่าว เช่น ที่ไปทำเรื่องของการค้าบริการทางเพศ เรารู้สึกว่า บางทีคนที่เขาทำก็มีแง่มุมที่แตกต่างจากเรา หรืออาจมีความจำเป็นจริงๆ เราก็จะให้เกียรติ ให้เครดิตที่เขาให้ข้อมูลเรา ให้เป็นวิทยาทานกับสังคม เราจะไม่มีการเปิดหน้า หรือใช้เสียงจริง เราจะบีบเสียง แม้ตำรวจจะเข้าไปจับกุมแล้วก็ตาม เราจะเคารพในสิทธิของเขา และคิดว่าจะให้อะไรกับสังคมได้บ้าง ไม่ไปซ้ำเติมแหล่งข่าว
“หนูอยากเป็นผู้ประกาศที่อยู่ได้ยืนยาว ไม่ใช่ว่า เป็นผู้หญิงมีได้แค่ความสวยความงามอย่างเดียว” สาวช่อง 7 วางจุดยืนชัดเจน
