“WE ARE NEW LEGEND เราจะเขียนตำนานบทใหม่ ”

ทีมลูกหนัง “โปลิศ เทโร เอฟซี” ภายใต้ตราสโมสรใหม่กับฉายาที่เปลี่ยนแปลงไปเป็น “มังกรโล่เงิน” ลงสู้ศึกฟุตบอลลีกไทยฤดูกาล 2018

มีเป้าหมายติด 1 ใน 10 ของตาราง

นับเป็นการย่างก้าวสู่ปีที่ 2 ที่สโมสรลูกหนังนี้ถือครองกรรมสิทธิ์โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หวังทำทีมให้เป็น “ตัวแทนชาวสีกากี” ลบภาพเดิมของทีมสโมสรฟุตบอล “เพื่อนตำรวจ” อีกทั้งฉีกภาพเก่าของสโมสรฟุตบอล “บีอีซี เทโรศาสนวิทยา”

ตรงนี้เองคือ “งานหิน” ของ พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ สายันประเสริฐ รองผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ ในฐานะผู้อำนวยการสโมสรที่ต้องทำการบ้านอยากหนัก เพื่อเรียกศรัทธาจากแฟนบอลเข้ามาเป็นแฟนคลับเชียร์ทีมลูกหนังโปลิศ เทโร เอฟซี

สร้างตำนานบทใหม่ให้แก่ทีมของตำรวจ ตามสโลแกน WE ARE NEW LEGEND

 

ปฐมบทของสโมสรแบรนด์ใหม่ ภายใต้บริษัท ดาวเงิน เอฟซี

จุดเริ่มของการกำเนิดทีมโปลิศ เทโร เอฟซี  พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ สายันประเสริฐ ผู้อำนวยการสโมสรลำดับเรื่องราวว่า ก่อนหน้า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา เคยเกริ่นไว้แล้วว่าอยากให้มาช่วยทำทีมฟุตบอลตำรวจสู้ศึกลูกหนังไทยลีกอีกครั้ง เมื่อกองทัพบก กองทัพอากาศ และกองทัพเรือ ต่างมีสโมสรโลดแล่นอยู่แล้ว ขณะที่ทีมฟุตบอลเพื่อนตำรวจมีปัญหาต้องถูกยุบไป ผู้ใหญ่เห็นว่า อยากจะให้มีทีมของตำรวจอยู่ในวงการฟุตบอลลีกอาชีพอีกครั้ง ด้วยเพราะว่า ตำรวจอยู่ในทุกภาคส่วนของสังคม เหตุผลสำคัญอีกอย่างน่าจะเป็นเรื่องหลักที่เรามองกันว่า เพราะกีฬาสร้างคน คนสร้างชาติ

หลังจากคุยกัน พ.ต.อ.รุ่งโรจน์เล่าว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ติดภารกิจราชการในฐานะผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เรื่องของทีมฟุตบอลจึงเงียบหายไป กระทั่งวันที่ 19 มกราคม 2560 ท่านมาบอกว่า ถึงเวลาต้องทำจริงจังแล้ว ทั้งที่ลีกกำลังจะเปิดอีก 3 สัปดาห์  “พวกเราเริ่มจากวันนั้น มาดูสนามแข่งที่บุณยะจินดา นั่งคิดต้องทำอะไรต่ออีกหลายอย่างเพื่อปรับปรุงสนาม”

“วันต่อมาท่านจักรทิพย์นัดคุณไบรอัน มาร์การ์ ประธานสโมสรบีอีซี เทโรศาสน  และกลุ่มของคุณระวิ โหลทอง มาเจรจากันเพื่อจะดิวกับทีมสโมสรบีอีซี เทโรศาสน ช่วงนั้นเป็นช่วงที่หนักมาก ผมต้องไปเป็นพยานในการซื้อขาย เจรจาต่อรองเกี่ยวกับทรัพย์สินบริษัทเดิมที่มีทั้งนักฟุตบอล ทรัพย์สินของสโมสร ทำงานภายใต้ผู้หลักผู้ใหญ่ที่ต้องให้จบภายใน 3 สัปดาห์จนสามารถตั้งบริษัทใหม่ในชื่อ ดาวเงิน เอฟซี ดำเนินการโดยนิติบุคคลตามกฎของเอเอฟซี”

โดนบังคับทำงานแข่งกับเวลา กว่าจะมาโลดแล่นในปัจจุบัน

ผู้อำนวยการมังกรโล่เงินสารภาพว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายกว่าจะประสบความสำเร็จเป็นโปลิศ เทโร เอฟซีในปัจจุบัน โชคดีที่ได้ศึกษามาอย่างละเอียด เราต้องทำตามเป้าหมายที่อยากให้ได้ชื่อตำรวจเกี่ยวอยู่ในสโมสรจึงเกิดโปลิศ เอามาผูกติดกับเทโร ที่ยังถือหุ้นบางส่วน เป็นโปลิศ เทโร เอฟซี แต่ไม่สำคัญเท่าเรื่องของสนาม การจัดการแข่งขันเป็นทีมเหย้าต้องผ่านใบอนุญาต มีคลับไลเซนซิ่ง ต้องมีไฟสว่างเท่าไร ที่นั่งต้องจุคนเกิน 5,000 คน ระบบความปลอดภัย อีกทั้งห้องต่าง ๆ ในสนามสำหรับ ทีมเหย้า ทีมเยือน ห้องกรรมการ ห้องประชุม

เจ้าตัวรับว่า สนามบุณยะจินดาที่เราเลือกเป็นสนามเหย้า ยังไม่มีความพร้อม เรามีเวลาปรับปรุงแค่ 3 สัปดาห์ ทาสีใหม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ลงมาคุมงานเอง ทำสนามใหม่ เพิ่มที่นั่งด่วน เพิ่งไฟส่องสว่างให้ได้มาตรฐาน ปรับโฉมรูปร่างหน้าตาใหม่ “ทำผมเครียดทุกวัน น้ำหนักลดไป 5 กิโลกรัม เพราะมันทำงานแข่งกับเวลา ทุกนาที มันเป็นอีกบทบาทที่ไม่เกี่ยวกับหน้าที่ราชการ เป็นงานที่ท้าทายมากๆ เพราะถ้าคุณไม่ผ่าน ที่ดิวมาทั้งหมด ลงทุนเงินซื้อสโมสรมาก็เจ๊ง ความเสียหายมันมหาศาล”

“พวกนี้ต้องเตรียมพร้อมหมด ผมก็ไปเรียนรู้ด่วนๆ จากเพื่อน จากคอนเนคชั่นของทหารบกที่มีทีมอาร์มี่ยูไนเต็ด ดูว่า เขาจัดโครงสร้างบริหารยังไง ไปดูทีมเมืองทองยูไนเต็ด และดูทีมบีอีซีเทโรเดิม นั่งเปรียบเทียบเรื่องของธุรกิจกับราชการบริหารกันได้อย่างไรกว่าจะลงตัว ผมมีหน้าที่เหมือนผู้จัดการสโมสร บริหารจัดการตามนโยบายของผู้บริหาร ส่วนคุณแมน-ธัญญะ วงศ์นาค รับผิดชอบดูแลทีมฟุตบอล เกี่ยวกับตัวนักเตะ โค้ช และสัญญาต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับเรื่องของทีม” พ.ต.อ.รุ่งโรจน์เผยถึงเบื้องหลัง

 

ฤดูกาลแรกผ่านเป้า แต่ไม่เข้าเตะตาแฟนบอล

เป้าหมายในฤดูกาลแรก พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ว่า ต้องอยู่รอด ไม่ตกชั้น ไม่ขาดทุน รักษาอันดับให้ได้กลางตาราง มีฝ่ายบริหาร ดูแลเรื่องการเงิน งบประมาณ ตั้งกรอบงบประมาณ บริหารตามนโยบายของผู้ใหญาอยากให้สโมสรทำงานเพื่อสังคม เน้นดูแลเยาวชน ให้โอกาสเด็ก ทั้งลูกตำรวจ หรือชาวบ้านทั่วไป สร้างชื่อเสียงให้ตำรวจอยู่ในวงการกีฬาฟุตบอล ใช้เงินที่มีอยู่จากการหาสปอนเซอร์ จากงบประมาณที่จัดหามาให้พอ คือ ถ้าสปอนเซอร์อย่างเดียวไม่พอ ก็ต้องหารายได้เพิ่มจากทำเสื้อผ้า ทำของที่ระลึก และขายตั๋ว

นายตำรวจหนุ่มที่ต้องมาสวมอีกบทบาทคุมสโมสรฟุตบอลระดับลีกสูงสุดของประเทศบอกว่า ปีแรก ตามเป้า ผ่านเกณฑ์ เพราะไม่ขาดทุน ไม่ตกชั้น แต่ที่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จ คือ เรื่องการประชาสัมพันธ์ มีเดีย ตราแบรนด์เรายังไม่ค่อยดี ตำรวจยังสับสน ไม่ค่อยยอมรับว่า ทีมของตำรวจจริงหรือ เราเอาจุดอ่อนตรงนี้ เข้ามาทำฤดูกาลนี้ทั้งหมดเลย เพราะเรารู้ล่วงหน้าเป็นปี เตะไป 3-4 แมตช์ เราคิดถึงฤดูกาลนี้แล้ว

“จะประสบความสำเร็จ หรือดิ่งลงเรื่อย ๆ  ผมคิดตั้งแต่ตอนนั้น คิดถึงฤดูกาลต่อไปจะทำอย่างไรถึงจะอยู่รอด เราอ่อนตรงไหนบ้าง ถึงเห็นชัดว่า เราอ่อนทุกจุด จำเป็นต้องเสริมทุกจุด เพราะสิ่งที่วงการฟุตบอลไทยมีปัญหามากสุดตอนนี้แล้วไม่มีทางที่จะแก้โอกาสที่จะไปบอลโลกก็จะยาก คือ เขาชี้วัดกันที่คนดู คนดูเฉลี่ยทั้งลีกถ้าจะไปบอลโลกควรจะ 16,000 คนขึ้นไป”

 

เปลี่ยนยุทธศาสตร์ใหม่ ได้สตาร์พม่ามาช่วยสร้างกระแส

รองผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษยกตัวอย่างในเจลีกประเทศญี่ปุ่น มีคนดูเฉลี่ย 26,000 คน ในพรีเมียร์ลีกของอังกฤษไม่ต้องพูดถึง มีประมาณ 36,000-40,000 คน บุนเดสลีกาในเยอรมนี ประมาณ  30,000-40,000 คน พวกนี้ได้ไปฟุตบอลโลก แต่ประเทศไทย 5,000 คนเฉลี่ยทั้งหมด ที่ดึงฐานมาจากบุรีรัมย์ เมืองทอง ชลบุรี แต่โปลิศเทโร 1,400 คน บางนัด 700-800 บางทีทีมเยือนเยอะกว่าอีก นี่คือปัญหา

พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ ชี้ว่า เราต้องกลับมาดูละเอียดจะแก้ไขอย่างไร เดิมทีเราคิดว่า ทีมตำรวจ เดี๋ยวมีตำรวจมาเชียร์ เดี๋ยวมีบีอีซี มาช่วยการตลาด การประชาสัมพันธ์ ปรากฏว่า พอแข่งไป รู้เลยว่า ไม่ใช่ ต้องคิดใหม่ ถ้าจะเอาตำรวจเชียร์ตำรวจยอมรับว่า ยาก เพราะตำรวจไม่มีพื้นที่ ไม่มีจังหวัด แต่กระจายอยู่ทั่วทุกจังหวัดทั่วประเทศ สนามเราไปตั้งอยู่แค่ตรงบุณยะจินดา มีตำรวจอยู่แค่ไม่กี่โรงพัก มีแค่ไม่กี่คน แล้วอยากดูฟุตบอลหรือเปล่า อยากเชียร์หรือไม่ ยังไม่รู้เลย ถ้าเกณฑ์มายิ่งหนักเข้าไปอีก ต้องมีเสียงบ่นตามมา

ผู้อำนวยการสโมสรโปลิศ เทโร ตัดสินใจบอกผู้ใหญ่ว่า เราต้องเปลี่ยนยุทธศาสตร์ บังเอิญสมาคมฟุตบอลกำหนดว่า จะต้องมีนักเตะอาเซียนลงเล่นด้วย ท่านประธานสโมสรเลยบอกว่า ต้องเอาพม่ามา เพราะเราอยู่ในสังคมอาเซียน เราอยู่กับต่างด้าว พม่ามาทำงานในเมืองไทยหลายล้านคน พวกเราไปดูซีเกมส์เห็นศูนย์หน้าเบอร 9 อ่องทู เป็นขวัญใจชาวเมียนมา เป็นไอดอลของพวกเขา เมื่อตรวจสอบข้อมูลแล้วยืนยันว่าเก่งจริงจึงติดต่อซื้อตัวมาร่วมทีม

“เราต้องเอามา พร้อมกับนักเตะใหม่อีกหลายคน เพราะนักฟุตบอลเดิมส่วนใหญ่ยืมตัวมาจากเมืองทอง ประกอบกับผลงานปีที่แล้ว โทษกันไปโทษกันมา โค้ชไม่ดีบ้าง เปลี่ยนโค้ชใหม่ก็มาทะเลาะกับนักเตะ นักเตะเก่ามากประสบการณ์ไม่ได้ลง มีปัญหา อันนี้เป็นสิ่งที่เราต้องปรับยุทธศาสตร์ใหม่หมด ตั้งเป้าหมายใหม่ แรงจูงใจใหม่ในฤดูกาลนี้”

 

เก็บกวาดขยะวงการลูกหนัง ต้นเหตุทีมพังฤดูกาลก่อน

อีกปัญหาชวนหงุดหงิดเมื่อฤดูกาลที่แล้ว พ.ต.อ.รุ่งโรจน์บอกว่า มีคำถามจากผู้บริหารมาตลอดเวลาทีมแพ้ ถามถึงเหตุผลทั้งที่บางนัดเล่นดีมากแล้วแพ้ได้อย่างไร คำตอบคือ ผู้ตัดสินบางคนที่ค่อนข้างไม่เป็นกลาง ผู้ใหญ่ก็ถามว่า แล้วจะจัดการได้อย่างไร เพราะเราเป็นถึงผู้พิทักษ์สันติราษฎร์มาทำแบบนี้ต่อหน้าต่อตาเราได้อย่างไร ก่อนหน้าผู้ใหญ่กำชับมาตลอดว่า เราอย่าไปโกงใคร แต่ห้ามใครเอาเปรียบ หรือโกงเรา

“มันทำให้ผมกลับไปทำการบ้าน ศึกษาจากต่างประเทศ โชคดีได้ไปอบรมตำรวจสากล ได้เจอเจ้าหน้าที่สปอร์ตเรดาร์พูดเลยว่า วงการกีฬาสากลทั่วโลกมองเรื่องกำหนดผลการแข่งขันล่วงหน้าเป็นเรื่องเลวร้ายมาก ไม่ใช่ฟุตบอลอย่างเดียว เขามาคุยให้ฟัง ผมก็นั่งฟังจับใจความได้ว่า มีเครื่องมือที่เช็กได้ว่า แมตช์นี้โกง หรือไม่โกง มีแนวโน้มว่าผิดปกติประมาณกี่เปอร์เซ็นต์”

“เขาเล่าในที่ประชุมว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของฟุตบอลไทยลีกผิดปกติ ผมบอกเฮ้ย อย่างนี้ มันก็เข้าทางเรา เพราะผมไม่รู้ว่า มันมีตัวนี้ ผมเลยไปแนะนำตัวว่า นายให้มาคุมทีมตำรวจแข่งไทยลีกครั้งแรกในชีวิต เพราะผมไม่เคยดูบอล เตะบอลก็ไม่เป็น เตะเล่นๆ สนุกๆ ได้ ผมสนใจเรื่องนี้นะ ตอนแรกเขาไม่แน่ใจว่า เราสนใจจริงแค่ไหน เพราะเขาไม่เชื่อว่า ตำรวจจะเอาจริง” พันตำรวจเอกหนุ่มเล่าถึงจุดเริ่มต้นก่อนฉากปฏิบัติการกวาดล้างขบวนการล้มบอลล็อกผลการแข่งขันฟุตบอลลีกเมืองไทย

ปิดบัญชีขบวนการล็อกผล เริ่มต้นเดินหน้า-ท้าแหย่หนวดอีก

เขายืนยันเจตนารมณ์อย่างจริงจังที่จะเก็บขยะวงการลูกหนังกับทีมของสปอร์ตเรดาร์ ยกเอาพระราชบัญญัติส่งเสริมกีฬาอาชีพปี 2556 มามาตรการทางกฎหมายใช้เล่นงานกลุ่มพวกนี้อยู่แล้ว แต่ไม่มีใครทำให้เกิดเป็นรูปธรรม เจ้าหน้าที่สปอร์ตเรดาร์ถึงนำเครื่องมือเข้ามาตรวจสอบระบุหลักฐานความผิดปกติของผลการแข่งขันบางนัดแล้วทำบัญชีส่งมาให้ดูถึงพฤติกรรมในการโกงหลายรูปแบบ

พ.ต.อ.รุ่งโรจน์กลับมาสวมหมวกตำรวจแทนผู้อำนวยการสโมสรเสนอรายงานไปยัง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ประสาน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย พล.ต.ท.พิสัณห์ จุลดิลก เลขาธิการสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย อดีตผู้บังคับบัญชาเก่าทั้งคู่ตั้งคณะทำงานสืบสวนสอบสวนแกะรอยขบวนการฉาวที่เกิดขึ้นก่อนจับกุมผู้เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ลูกหนังไทย

“ภารกิจที่ผู้ใหญ่สั่งมา ผมถือว่า จบเรียบร้อย อยากให้กลับมาแข่งขันกันแบบสร้างสรรค์ วัดกันที่ฝีมือดีกว่า ฤดูกาลนี้ ผู้ตัดสิน หรือนักเตะต้องคิดให้ดีนะ  เพราะเรารู้ทั้งวิทยาศาสตร์ เมื่อมีเทคโนโลยีเข้ามาช่วย และรู้ทั้งการสืบสวน แล้วจะทำให้ดู ถ้าคุณทำอีก ผมก็จับอีก เพราะเราอยู่ในวงการเรารู้ เมื่อก่อน ผมยอมรับ ผมไม่รู้ แต่ทุกวันนี้ ผมดูนักฟุตบอลเล่น ผมเริ่มรู้ ผมดูเป็น ผมรู้แล้วว่า กรรมการใครตัดสินยังไง ผมรู้ตัวบุคคล ผมรู้ประวัติ ผมเช็กได้ ตรวจสอบได้ ผมมีเครือข่ายมีการข่าว ผมมีวิทยาศาสตร์ ผมมีเทคโนโลยีในการทำ” ผู้อำนวยการทีมมังกรโล่เงินประกาศเตือน

ขีดตำนานวางรากฐานระยะยาว ก้าวเฟ้นหาเด็กและเยาวชนเข้าสโมสร

“เรื่องตรงนี้ ผมไม่กลัวแล้ว และตั้งมอตโต้ ตั้งคอนเซ็ปต์ใหม่ว่า สิ่งที่เราอ่อน คือเรื่องของการตลาด การประชาสัมพันธ์ เราก็ต้องตั้งคอนเซ็ปต์ WE ARE NEW LEGEND เราจะเขียนตำนานบทใหม่ ตำนานบทเก่าของ 2 ทีมในอดีตมันดีนะ แต่มันจบไปแล้ว ภาพของคนยังจำความยิ่งใหญ่สมัยก่อนอยู่ ทว่าคราวนี้เราต้องสร้างมันขึ้นมาใหม่”

อีกตำนานที่โปลิศ เทโร จะเนรมิตขึ้นคือ ปลุกกระแสนักเตะเมียนมา ที่จะได้ฐานแฟนคลับจากแรงงานพม่าทั่วประเทศ ล้อกับสิ่งที่จะทำให้เห็นว่า โปลิศ เทโรต้องอยู่ทุกที่ทั่วประเทศ ไม่ได้อยู่ที่สนามบุณยะจินดาทีเดียว พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ขยายความว่า เราสามารถขยายฐานสาขาออกไปได้ทุกจังหวัดทั่วประเทศ ประธานสโมสรให้นโยบายมาแล้วว่า ต้องมีกองเชียร์ทั่วประเทศ แม้กระทั่งชลบุรีก็มีได้ บุรีรัมย์ก็มีได้ เพราะมีตำรวจอยู่ทุกจังหวัด ปัจจุบัน เรามีที่พิษณุโลกแล้ว อนาคตจะขยายไปยังขอนแก่น นครราชสีมา เชียงใหม่ ตลอดจนพื้นที่ภูธรภาค 1-9 รวมถึงยะลา นราธิวาส ปัตตานี

พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ อธิบายแผนว่า แบรนด์เรามีแล้ว คือ โปลิศเทโร เราทำร้านค้า ช็อป เป็น โปลิศ เทโรคาเฟ่ มีสินค้าขาย เสื้อผ้า ของที่ระลึก มีอาหาร  เครื่องดื่ม กาแฟ สแน็กซ์ต่างๆ เปิดโอกาสให้แฟนบอลเข้ามานั่งคุย มาถ่ายรูป ซื้อของที่ระลึก และจะมีสนามฟุตบอลเล็กอยู่ด้วย อนาคตจะเปิดเป็นอะคาเดมี่ 1 จัดหวัง 1 แห่ง สอนเด็กเยาวชนลูกหลานตำรวจและชาวบ้านในพื้นที่เฟ้นหาดาวรุ่งป้อนเข้าสู่ทีม ส่งเสริมเยาวชนให้ห่างไกลยาเสพติด ไม่เป็นเด็กติดเกม

“เราจะเอาตำรวจไปร่วมกิจกรรมด้วย เอาตำราหลักสูตรในเรื่องการสอนฟุตบอลของโปลิศ เทโร ใส่เข้าไป เป็นสิ่งที่เราจะเน้นตรงนี้ สร้างฐานแฟนคลับ พ่อแม่ ผู้ปกครอง กระจายไปทั่วประเทศ ต้องเป็นทีมแห่งความหวัง ทีมแห่งโอกาสให้กับเด็กและเยาวชน ต่อไปตำรวจอาจจะมีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของ มีความผูกผันกับสโมสร  มีความหวังกับสโมสร เพราะฉะนั้นเราถึงทำมาสเตอร์แพลน 10 ปี เพราะเราทำปีสองปี แล้วเราไปบอกว่า ทุกคนจะต้องมีความหวังกับสโมสร แล้วเราเลิก คนผิดหวังเท่ากับเราจะกลายเป็นบาป” เจ้าตัวน้ำเสียงจริงจัง

มั่นใจบล็อกตามแผน ตำรวจทุกแดนจะเป็นแฟนโปลิศ เทโร

เขาเชื่อว่า อนาคตแม้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติไม่ใช่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา แต่แผนการทำทีมยังคงอยู่อย่างต่อเนื่อง ถึงทีมงานเปลี่ยน แต่ตรงนี้ยังเป็นบล็อกของมันอยู่ ทุกคนอาจจะคิดว่า สโมสรต้องไปอิงกับผู้บริหารสูงสุดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อก่อนใช่ สมัยยุคท่านชลอ เกิดเทศ เพราะตอนนั้นเป็นทีมสโมสรตำรวจ เป็นสถาบัน ไม่ใช่อาชีพเหมือนปัจจุบันที่บริหารทีมโดยนิติบุคคล

“ผมอยากให้โอกาสกับเยาวชนรากหญ้าทั่วประเทศ ด้วยความที่ตำรวจอยู่ทั่วประเทศ ตามสโลแกน EVERYONE CAN CHEER ทุกคนสามารถเชียร์ได้ ผมถามว่า ถ้าผลงานเรายังดีต่อเนื่อง เรามีการขยายฐานแฟนคลับอย่างต่อเนื่อง ผู้สนับสนุนต่างๆ เหล่านี้ก็จะได้ทำกิจกรรมช่วยเหลือสังคม เป็นผู้ใหญ่ใจดี ส่งเสริมกิจกรรมให้เยาวชนไม่เล่นยาเสพติด ไม่เล่นการพนัน ไม่มั่วสุมแหล่งอบายมุข ถามว่าเราจะมีสังคมที่แข็งขนาดไหน แล้วผู้สนับสนุนก็ถือว่า ได้บุญด้วย ถึงบอกว่าเราต้องสร้างตำนานใหม่ขึ้นมา สร้างกองเชียร์กลุ่มใหม่” พ.ต.อ.รุ่งโรจน์คาดหวัง

เจ้าตัวย้ำว่า เป้าหมายเดิมของแฟนคลับเราต้องการลูกหลานตำรวจ ฐานกองเชียร์เก่าของบีอีซี แต่ตอนนี้ต้องเพิ่มเป้าใหม่ คือ กลุ่มอาเซียนประเทศเพื่อนบ้าน เพราะเขาอยู่ทุกอณูในสังคมไทย ตอนนี้ขยับเข้ามาอยู่ตามร้านอาหารของไทยแล้ว เป็นเชฟ เป็นเด็กเสิร์ฟ อยู่ตามห้างสรรพสินค้า ถ้าพวกนี้ดี ลูกหลานเขามีโอกาส ทุกคนมีโอกาส โปลิศเทโร จะเป็นทีมแห่งโอกาสในการสร้างตำนานบทใหม่ และทำงานด้วยความซื่อสัตย์

 

เปิดชุดแข่งดุดัน 3 สี มีความหมายกระหายความสำเร็จ

ฤดูกาลใหม่นอกจากเปลี่ยนฉายาเป็น “มังกรโล่เงิน” แทนมังกรไฟแล้วชุดแข่งยังเปลี่ยนความเป็นตัวตนให้เข้มดุดันเข็มแข็งมากขึ้นตามความต้องการของประธานสโมสร แบ่งเป็น 3 ชุด 3 สี ชุดแรกสีแดง สำหรับทีมเหย้า มีสีดำตัดเข้าไปให้ดุเข้ม บ่งบอกความเป็นตำรวจต้องทำงานด้วยความเข้มแข็ง เล่นด้วยความดุดันเพื่อชัยชนะ อีกชุดเป็นทีมเยือนสีขาว ภายใต้สโลแกน EVERYWHERE IS HOME ทุกที่ คือบ้านเรา เพราะเสื้อเป็นสีขาว ชายเสื้อข้างล่างเป็นเงาของสนามฟุตบอลบุณยะจินดา

“ถึงเราจะไปแข่งเชียงราย เราก็เหมือนไปแข่งในบ้านเรา เพราะตำรวจเชียงรายก็ยังมีที่ไม่ใช่เชียร์ทีมเชียงราย ตำรวจมีทุกที่ ลูกเมียตำรวจ ก็มีทุกที่ เตะที่ไหนก็เหมือนอยู่ในบ้าน ไปทุกที่มีคนเชียร์ ส่วนชุดทีมเยือนอีกชุดเป็นสีน้ำเงิน ป็นสีที่มีความหมายถึงความมั่นคง ความภักดี จะปลูกฝังให้นักเตะซื่อสัตย์ ซื่อตรงต่อสโมสรและแฟนบอล คุณเล่นคุณต้องไม่ล้มบอล เล่นไม่ 100 เปอร์เซ็นต์ ถือว่า คุณล้มบอล ไม่จงรักภักดี”

“สีน้ำเงินยังเป็นสีที่มีความหมายอีกอย่าง คือ เป็นสีแห่งแรงบันดาลใจ เราใช้เด็กวัยรุ่นเล่นหมด หลายคนติดทีมชาติอายุ 23 ปี แม้กระทั่งอ่องทูก็เป็นทีมชาติอายุ 23 ปี ของเมียนมา เรากล้าที่จะเอาเด็กอะคาเดมี่ของเลสเตอร์ที่จบมาทีมใหญ่ ไม่มีใครกล้าเอาลงไปเล่น เป็นตัวอย่างแห่งแรงบันดาลใจให้เด็กๆ เพราะฉะนั้น เด็กทั่วประเทศที่ผมกำลังจะไปเปิดสาขา ถ้าเห็นทีมใหญ่อายุ 21 ปี หรือ 19 ปี เข้ามาเล่นแล้ว ทำไมตัวเราจะเล่นไม่ได้” ผู้อำนวยการหนุ่มไฟแรงว่า

ภาพทีมของตำรวจมาแล้ว วางแนวภายใน 3 ปีต้องลุ้นแชมป์

เจ้าตัวยังบอกว่า สโมสรวางแผนไว้ชัดเจนเพื่อไปให้ถึงแผนระยะยาวภายใน 10 ปี ที่ต้องมีสนามเป็นของตัวเอง ภายใน 3 ปี ต้องลุ้นแชมป์ แต่ตรงนี้ไม่ใช่เราคิด คนคิดต้องเป็นโค้ชที่เราจ้างมา แล้วเราจะวัดจากผลงาน ถ้าทำได้ สโมสรก็มีโบนัส มีรางวัลให้ ถ้าไม่ได้ตามเป้าก็ต้องออก คำว่าลุ้นแชมป์ คือ 1 ใน 3 จะต้องไปเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก ถึงต้องสร้างสนามรองรับ อันนี้เป็นเรื่องมองว่า เราไม่ได้ทำเล่นๆ แล้ว เป็นงานที่ท้าทายที่จะสร้างตำนานบทใหม่ให้ตำรวจ

มาถึงตรงนี้ พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ว่า โปลิศมาแล้ว ภาพของทีมตำรวจมาแล้ว เปลี่ยนจากบีอีซี เทโร เป็นโปลิศ เทโร เปลี่ยนจากมังกรไฟ เป็นมังกรโล่เงิน แต่อายุของเราเพียงขวบเดียว ขณะที่ บีอีซี เทโร ก่อตั้งมา 25 ปี ถือเป็นหนุ่มใหญ่แล้ว เราจำเป็นต้องอาศัยข้อดีของเขามารวมกัน จุดแข็งของเขา คือการตลาด จุดแข็งของเราคือ เรื่องของคอนเนคชั่น และการทำงานจริง เราทำแบบจริงๆ พอเอามารวมกันก็จะเดินหน้าไปด้วยดี

“ขอให้ตำรวจมาดูทีมเราฤดูกาลนี้ รับรองได้ว่า มีสีสันในหลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะอ่องทู ที่เรียกกระแสอาเซียนดึงดูดแฟนลูกหนังชาวพม่ามา ขณะเดียวกัน พยายามจะดึงนักเตะตำรวจที่มีฝีเท้าดีเข้ามาร่วมทีมให้มากขึ้น ตอนนี้ มี ภิญโญ อินพินิจ กองหน้าดาวรุ่งอยู่แล้ว ผมอยากให้ทุกคนติดตาม เพราะทีมนี้ คือทีมของตำรวจที่จะเป็นตำนานบทใหม่” พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ ทิ้งท้าย

RELATED ARTICLES