หัวใจหลักของตำรวจนอกจากสวัสดิการความเป็นอยู่แล้ว ยังมีเรื่องของการเจริญเติบโตก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่
หลักประกันในการแต่งตั้งโยกย้ายต้องไม่ทำลายขวัญคนทำงาน
ปล่อยกฎเกณฑ์ที่ว่ายึด “กฎเหล็ก” เป็นเพียงกระดาษไม่สามารถหามาตรฐานวัดความเที่ยงธรรม โยนชะตากรรมให้คนทำงานแต่ไร้เส้นสาย ไร้ผู้เป็นนายหนุนนำ เฉกเช่นหลายยุคที่ผ่านมา
ไม่รู้เหมือนกันว่า ที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติครั้งล่าสุด มีใครแอบหลับฝันหวานอยู่หรือเปล่า ถึงตื่นขึ้นมาเริ่มพิจารณาลงรายมาตราในหมวดการบรรจุและแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งระดับต่างๆ
ประกาศจะให้เป็นการบัญญัติหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนไว้ในกฎหมายหลักระดับพระราชบัญญัติเป็นครั้งแรก ป้องกันการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์เพื่อเอื้อประโยชน์แก่ “บางบุคคลเป็นพิเศษ”
แบบร่าง “บันไดกฎเหล็กในฝัน” ของคณะทำงานปฏิรูปองค์กรตำรวจ วาดวนเวียนตาม “พิมพ์เขียว” ที่เป็นตรายางของคณะกรรมการข้าราชการตำรวจมาหลายสมัย แต่เมื่อถึงเวลาไม่สามารถนำมาใช้ปฏิบัติจริงในการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้าย
เพราะเจอระบบวิ่งเต้น ใช้เส้นสายทำลายแหลกละเอียด
ครั้งนี้บรรดา“หมอผ่าตัด” จัดระเบียบใหม่ กำหนดระยะเวลาขั้นต่ำที่ตำรวจชั้นสัญญาบัตรทุกคนต้องอยู่ตำแหน่งในแต่ละลำดับชั้นให้ครบก่อนจึงจะมีสิทธิได้รับการพิจารณาให้เลื่อนขึ้นดำรงตำแหน่งในลำดับชั้นที่สูงขึ้น
“สารวัตร” ต้องดำรงตำแหน่ง “รองสารวัตร” มาแล้วไม่น้อยกว่า 7 ปี
“รองผู้กำกับการ” ต้องดำรงตำแหน่ง “สารวัตร” มาแล้วไม่น้อยกว่า 4 ปี
“ผู้กำกับการ” ต้องดำรงตำแหน่ง “รองผู้กำกับการ” มาแล้วไม่น้อยกว่า 4 ปี
“รองผู้บังคับการ” ต้องดำรงตำแหน่ง “ผู้กำกับการ”มาแล้วไม่น้อยกว่า 4 ปี
“ผู้บังคับการ” ต้องดำรงตำแหน่ง “รองผู้บังคับการ”มาแล้วไม่น้อยกว่า 4 ปี
“รองผู้บัญชาการ”ต้องดำรงตำแหน่ง “ผู้บังคับการ” มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี
“ผู้บัญชาการ” ต้องดำรงตำแหน่ง “รองผู้บัญชาการ” มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี
“ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ” ต้องดำรงตำแหน่ง “ผู้บัญชาการ” มาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี
“จเรตำรวจแห่งชาติ” และ “รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ” ต้องดำรงตำแหน่ง “ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ” มาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี
หากนับรวมนายตำรวจที่ครบหลักเกณฑฺแล้วเลื่อนตำแหน่งขึ้นเร็วสุดจะใช้เวลา 33 ปี มีสิทธิ “แคนดิเดต”เก้าอี้สูงสุดตำแหน่ง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
คำนวณอายุเฉลี่ยบรรจุเป็นตำรวจสัญญาบัตรครั้งแรกหลังจบหลักสูตรปริญญาตรีจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจจะเฉลี่ยอายุ 22 ปี
ใช้เวลา 33 ปีไต่บันไดกฎเหล็กแบบเร็วสุดจะลุ้นรหัส “พิทักษ์ 1” อายุอย่างน้อย 55 ปี
ทั้งนี้ทั้งนั้น แต่ละเกณฑ์การเลื่อนตำแหน่งยังมีกฎเหล็กอีก 2 ข้อ คือ การแต่งตั้งในระดับสารวัตรขึ้นไปจนถึงระดับรองผู้บังคับการให้พิจารณาจากผู้มีคุณสมบัติที่รับราชการอยู่ภาคเดียวกันเท่านั้น และการประเมินรายบุคคลตามกรอบของความอาวุโส ผลงาน และความพึงพอใจของประชาชน
เมื่อถึงเวลาเอาเข้าจริง ถ้าทำได้ตามแบบที่ร่างฝันของ “บันไดกฎเหล็ก” พวก “ตำรวจเด็ก” เล่นของจะหมดสิทธิข้ามหัวรุ่นพี่
มันยุติธรรมดีไหม ???
