“มันถึงเวลาแล้วที่เราควรจะทำอะไรที่เราเคยใฝ่ฝันเอาไว้”

คนข่าวไทยพีบีเอส ให้สัมภาษณ์ไว้สมัยเป็นผู้สื่อข่าวน้องใหม่สายสังคม สถานีข่าววอยซ์ ทีวี

“น้ำฝน”วิภา ปิ่นแก้ว ทายาทนักการเมืองท้องถิ่นอำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี สาวผู้มีความมุ่งมั่น และอุดมการณ์สูง เป็นน้องนุชสุดท้องในบรรดาพี่น้อง 3 คนที่ผู้เป็นแม่หมายมั่นปั้นมือจะให้เดินตามเส้นทางการเมืองสืบทอดอำนาจของครอบครัว

แต่เธอปฏิเสธเสียงแข็ง เพราะอยากทำงานที่ตัวเองรักมากกว่า

เด็กสาวที่เกิดตอนฝนตกมีแม่เป็นสมาชิกสภาเทศบาลบางบัวทอง ส่วนพ่อเป็นที่ปรึกษานายกเทศมนตรีเทศบาลบางบัวทอง จบประถมโรงเรียนนันทนวรวิทย์ ไปต่อมัธยมโรงเรียนหอวัง เพราะสมัยนั้นพ่อยังไม่ได้โดดเล่นการเมืองทำงานอยู่ห้างเซ็นทรัลลาดพร้าวเห็นว่า น่าจะเทียวรับเทียวส่งลูกสาวได้ หลังจบมัธยมปลายได้ไปเรียนคณะวิทยาการจัดการ แขนงนิเทศศาสตร์วิทยุโทรทัศน์ มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม

น้ำฝนบอกว่า อยากเป็นนักข่าวตั้งแต่ตอนเรียนมัธยม เห็นภาพนักข่าวในทีวีมันเหมือนเป็นความฝันที่ไม่มีเหตุผลเลยมุ่งหน้าเรียนสายนี้โดยตรง ทว่าผิดหวังในช่วงแรก เพราะเรียนจบมาไม่ได้เป็นนักข่าวสมใจต้องไปทำงานด้านครีเอทีฟรายการ ทำโปรดิวเซอร์ เป็นโปรดักชั่น เฮาส์รายการคนดีเพื่อสังคมป้อนให้ช่องยูบีซี

ระหว่างนั้น เธอมุมานะค้นคว้าเรียนต่อปริญญาโทคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เสริมเขี้ยวเล็บทางปัญญาพาตัวเองไปร่อนใบสมัครเป็นนักข่าวอยู่หลายแห่งไม่เว้นแม้กระทั่งหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ฝนคิดว่า มันถึงเวลาแล้วที่เราควรจะทำอะไรที่เราเคยใฝ่ฝันเอาไว้”เธอบอกถึงความมุ่งมั่น

สาวดีกรีปริญญาโทเล่าว่า ทำอะไรที่ไหนก็ได้ขอให้ได้เป็นนักข่าว จังหวะนั้นสถานีข่าววอยซ์ ทีวีเรียกไปสัมภาษณ์ ตอนแรกคิดว่า ไม่ได้แล้ว สมัครในอินเตอร์เน็ต สัมภาษณ์เดือนสิงหาคม ตอนนั้นสมัครเป็นผู้สื่อข่าวการเมือง อาจด้วยเพราะว่า เราเกิดมาจากครอบครัวนักการเมืองท้องถิ่น เขาก็ถามเรื่องการเมือง แต่ประสบการณ์เราในด้านการทำข่าวไม่มีเลย ยากมาก เขาเรียกเราเข้าทำงานตอนเดือนธันวาคมช่วงหลังน้ำท่วมพอดี

เธอได้ทำงานข่าวสายสังคม แต่สัมผัสหน้างานข่าวเกือบทุกแนว โดยเฉพาะข่าวอาชญากรรมไปเกาะติดเหตุการณ์มากมายหลายเรื่องราว อาทิ เสาโครงการรถไฟฟ้าโฮปเวลล์ถล่ม รถแก๊สระเบิด และคดีสารพัดที่ขึ้นศาล “เริ่มชินกับมันแล้ว ตอนแรกไม่รู้เรื่อง ถ้าเป็นงานแถลงต้องทำอย่างไร งานเสวนา งานสัมมนาต้องทำอะไรก่อน เราต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง ถ้าไม่ใช่ก็จะมี บก.คอยชี้แนะ คอยสอนเราอีกทาง ฝนรู้สึกสนุกนะ ฝนไม่ชอบอะไรที่มันจำเจ ยิ่งตอนได้ไปคลุกคลีข่าวอาชญากรรม ก็เริ่มอยากทำสายอาชญากรรม ฝนไม่กลัว วัน ๆ ก็นั่งดูคลิปเกี่ยวกับภาพข่าวอาชญากรรม”

นักข่าวหญิงน้องใหม่ในวงการบอกอีกว่า ที่สำคัญพอได้ไปเข้าโครงการอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับนิติวิทยาศาสตร์ให้แก่ผู้สื่อข่าวสายอาชญากรรมของสมาคมนักข่าว นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยแล้วชอบมาก อยากให้คนรู้จักไปอบรมบ้าง มันเป็นความรู้เกี่ยวกับการนำหลักนิติวิทยาศาสตร์มาดูสาเหตุการตาย เป็นความรู้ใหม่แก่นักข่าวพอสมควร ทำให้เราดูได้ว่า การตายลักษณะไหนเป็นธรรมชาติ หรือเป็นการฆาตกรรมอำพราง นำมาประยุกต์ใช้ในการทำข่าวได้ดีพอสมควร

ตลอดระยะเวลาขวบปีในเส้นทางอาชีพที่ตัวเองใฝ่ฝัน น้ำฝนมองว่า ตัวเองยังไม่เก่ง ยังไม่แกร่งพอที่จะขยับปีกย้ายรังไม่อยู่ค่ายอื่น เธอยังอยากสะสมประสบการณ์ให้มากกว่านี้ค่อยวางแผนชีวิตใหม่ อีกทั้ง ปัจจุบันเธอก็ยังคงรัก และชอบต้นสังกัดวอยซ์ ทีวี แม้บางทีลงสนามข่าวไปเผชิญอุปสรรคความแตกแยกในสังคมจนตัวเองถูกมองเป็นสื่อต่างสีที่เลือกข้าง

“เวลาไปทำข่าว บางทีแหล่งข่าวอีกสี มักไม่ให้ข้อมูล เพราะมองเราเป็นทีวีอีกฝั่ง เราต้องยอมรับว่า บางทีคนมองเราแบบนี้จริง ๆ  ฝนต้องแก้ปัญหา แม้ว่าจะไปกำหนดความคิดเขาไมได้ แต่จำเป็นต้องแจงว่า เรานำเสนอตามหน้าที่ ช่องของหนูไม่ได้เลือกข้างใดข้างหนึ่ง ไม่ได้มีการเสนอข่าวเบี่ยงเบน เพราะช่องทีวีสีแดงเขาก็มีอยู่ วอยซ์ ทีวี จะเบากว่าเยอะ” น้ำฝนระบายความรู้สึก

เธอทิ้งท้ายว่า วอยซ์ ทีวี ให้อะไรหลายอย่างสำหรับเธอ ทั้งประสบการณ์ทำงาน เปิดโอกาสให้ได้เรียนรู้อะไรที่แปลกใหม่ ได้เรียนรู้ชีวิตคนนำมาปรับปรุงแก้ไขปัญหาชีวิตตัวเอง

มันยิ่งทำให้เธอรักและผูกพันในเส้นทางนกพิราบ

“ฝนสงสารแม่เหมือนกัน แม่อยากให้เล่นการเมือง แต่ฝนไม่เอา ถึงขนาดวางตัวฝนไว้ ฝนอยากเป็นนักข่าวมากกว่า”

RELATED ARTICLES