เส้นทางมือปราบพระกาฬ “ชลอ เกิดเทศ” ตอนที่ 24 ลุงโบเมียะ

คุ้มพระลอ ในเย็นย่ำวันหนึ่งของกลางปีพุทธศักราช 2521

พันตำรวจเอกชลอ มานั่งเล่นอยู่ศาลาริมแม่น้ำปิง หลังเลิกเตะฟุตบอลอยู่กับผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาและเหล่านักกีฬาฟุตบอลจังหวัดตาก โดยมีลูกน้องตำรวจ รวมทั้งเด็กหนุุ่มนักเตะภูธรหลายสิบคนมานั่งห้อมล้อมพูดจาแลกเปลี่ยนวิธีการเล่นฟุตบอล และแทกติกต่างๆ เลยไปถึงการพูดคุยเรื่องงาน และการบริหารราชการตำรวจจังหวัดตากไปในตัว

นกมีขน คนมีพวก มันดีกับนักสืบอย่างพันตำรวจเอกชลอตรงนี้

เพราะแต่ละคนมาจากที่ต่างๆ ร้อยพ่อพันแม่ คนเหล่านี้ เลยกลายเป็นสายข่าวชั้นดีให้กับเขาไปโดยปริยาย

“นาย….ผมมีเรื่องมาเรียนนายรับทราบครับ”

สิบตำรวจโท ชด โคกรัมย์ หนุ่มวัย 30 กว่า ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ที่ชลอเอามาทำงานติดตัวอยู่กับเขาเดินเข้ามากระซิบเท่านั้น ชลอรู้แล้วว่า มันมีเรื่องสำคัญมาเล่าให้ฟังแน่

“นาย ผมเพิ่งกลับมาจากบ้านปากช่อง โคราช เมื่อวันสองวันที่แล้ว พรรคพวกผมที่นั่นบอกว่ามีคนหนีตายมาอยู่ที่ตลาดเมืองตากครับ สาเหตุเพราะไปขัดผลประโยชน์ ไอ้หยอง ปาทานเมืองลพบุรี เรื่องธุรกิจหินอ่อน มันชื่อนายอำนาจ นามสกุลเดี๋ยวผมตรวจสอบให้กับนายอีกครั้งครับ”

“แล้วมันมาพักอยู่กับใครยังไงวะ”

ชลอซักเสียงเบา

“ยังไม่ทราบครับ แต่พรรคพวกบอกว่า มันพักอยู่บ้านญาติหน้าตลาด ส่วนมือปืนที่ไอ้หยองส่งไปยิงที่ปากช่องจนมันอยู่ไม่ได้ ผมรู้ตัวแล้วครับ มันชื่อ บังมุด เป็นแขกปาทานขายเนื้ออยู่กำแพงนี่เอง…”

“เอางี้เดี๋ยวเรียกธีรจิตร์ กับวสันต์ มาพบกูหน่อย”

หัวหน้าตำรวจจังหวัดตาก หมายถึงพันตำรวจโทธีรจิตร์ อุตตมะ สารวัตรใหญ่ สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองตาก และพันตำรวจโทวสันต์ วัสสานนท์ สารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองตาก 2 นายตำรวจ นักเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน รุ่น 24

ครึ่งชั่วโมงต่อมา พันตำรวจโทธีรจิตร์ และพันตำรวจโทวสันต์ มาอยู่ต่อหน้าชลอ โดยชายหนุ่มบรีฟข่าวที่เพ่ิงได้มาจากสิบตำรวจโทชด ให้กับ 2 นายตำรวจหนุ่มรุ่นน้องสามพรานฟัง พร้อมสั่งการให้ทั้งคู่แยกย้ายส่งตำรวจไปคอยประกบดูแลความปลอดภัยนายอำนาจ เป้าหมาย “ไอ้หยอง-สมชาย พงษ์สว่าง” ลูกชายไบคานจอมอิทธิพลแห่งลำนารายณ์ ลพบุรี

นอกจากนี้ชลอ ยังสั่งให้นายตำรวจทั้งคู่จัดชุดเข้าตรวจสอบประวัติ และความเคลื่อนไหวของ บังมุด ปาทานขายเนื้อที่จังหวัดกำแพงเพชร ที่อยู่ห่างไปทางใต้ของจังหวัดตาก

วันรุ่งขึ้น ชลอ รับทราบรายงานเบื้องต้นจากพันตำรวจโทธีรจิตร์ว่า

“พี่ลอ..นายอำนาจ มันมาเช่าบ้านอยู่หน้าตลาด เข้าใจว่านอกจากหนีตายไอ้หยองแล้ว ยังมาทำธุรกิจหินอ่อนที่บ้านเราด้วย ส่วน ไอ้มุด มือปืนไอ้หยอง กำลังหาตัวอยู่ครับ”

“ดี… ยังไงก็จัดคนประกบรักษาความปลอดภัยให้นายอำนาจมันด้วย เผื่อไอ้หยองมันรู้ ส่งไอ้มุดขึ้นมา..”

ชลอบอกนายตำรวจรุ่นน้อง พร้อมขอตัวไปพักผ่อน เพราะนายตำรวจหนุ่มมีภารกิจไปเยี่ยมผู้บังคับบัญชาในเขตติดต่อแนวชายแดนไทยพม่าในเช้าวันรุ่งขึ้น

———————————————-

เกือบสิบโมงเช้า ร้อยตำรวจเอกอวยชัย โดดดารา นักบินคู่ใจพันตำรวจเอกชลอ เกิดเทศ โยกคันบังคับยกขาสกี ฮิวอี้  UH-1H ของกรมตำรวจ ลงจอดบนลานจอดเฮลิคอปเตอร์ชั่วคราว สถานีตำรวจภูธรอำเภอท่าสองยาง พร้อมนำเสบียงอาหารยุทธปัจจัยหลายอย่าง ลงมามอบให้กับผู้ใต้บังคับบัญชา โดยมีร้อยตำรวจตรีวิสุทธิ์ ศรสาลี หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษตำรวจภูธรจังหวัดตาก เดินถือปืนเอ็ม 16 ตามประกบ

หลังนายตำรวจหนุ่มทักทายผู้ใต้บังคับบัญชา และครอบครัวแล้ว พันตำรวจเอกชลอ กระซิบบอกร้อยตำรวจตรีวิสุทธิ์ จะข้ามแม่เมยไปพบกับ “ลุง”ฝั่งตรงข้ามหน่อย

หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษตำรวจภูธรจังหวัดตาก ทราบความประสงค์ผู้บังคับบัญชา วิทยุไปที่ฐานตำรวจตระเวนชายแดนที่อยู่ข้างสถานี เตรียมกำลังพร้อมนำเรือข้ามลำน้ำแม่เมยข้ามไปฝั่งตรงข้าม

ยี่สิบนาทีต่อมา ชลอ พร้อมร้อยตำรวจตรีวิสุทธิ์ และตำรวจตระเวนชายแดนรวม 10 นาย เดินถือปืนไปอยู่บนดินแดนฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน โดยมีกลุ่มชายฉกรรจ์ร่างกายผอมเกร็ง สวมเสื้อชุดสนามสีเขียว ประมาณ 10 คน พร้อมอาวุธสงคราม โผล่ออกมาจากแนวป่าในลักษณะระแวดระวังภัย โดยมีชายวัย 50 กว่าปี รูปร่างเจ้าเนื้อยืนคาบบุหรี่ หน้าตาอารมณ์ดี ยืนอยู่ข้างหน้า

“ว่าไง…ผู้กำกับ”

เสียงทักจากชายเจ้าเนื้อ เป็นภาษาไทยสำเนียงแปร่งๆ

ขณะที่พันตำรวจเอกชลอ ยกมือตะเบ๊ะทำความเคารพผู้อาวุโสที่อายุมากกว่าประมาณ 10 ปีได้ ก่อนกล่าวตอบ

“สวัสดีครับ…ลุง โอ้โหมารับเองเลย ไม่มีอะไรหรอกครับ พอดีมาเยี่ยมลูกน้อง คิดถึงลุงเลยอยากมานั่งกินเหล้ากับลุง อยากกินอาหารป่าอร่อยฝั่งนี้…”

เชิญ ๆ….ลุงชาวกะเหรี่ยงพูด พร้อมเดินเข้ามาสัมผัสไม้สัมผัสมือกับนายตำรวจหนุ่มฝั่งไทย ก่อนผายมือแสดงการเชื้อเชิญออกเดินนำหน้าไปจากบริเวณท่าเรือชั่วคราวแห่งนั้น ไปขึ้นรถแลนด์โรเวอร์ ออฟโรดลุยป่าฝนของลุงที่จอดรออยู่ห่างจากฝั่งแม่น้ำเมยไม่ไกล โดยมีกลุ่มชายฉกรรจ์เสื้อเขียวอีกกลุ่มประมาณ 10 คน พร้อมอาวุธสงครามนานาชนิด ยืนรักษาความปลอดภัยให้กับลุงคนนี้

ชลอ นั่งอยู่เบาะหลังในรถ คู่กับลุง ผู้นำชนชาวกะเหรี่ยง ฉายา “โบเมียะ” โดยลูกน้องของเขานั่งอยู่กับทหารกะเหรี่ยงวิ่งตามหลังอีกคัน  มีกำลังทหารกะเหรี่ยงอีกส่วนหนึ่งกระจายออกไป 2 ข้างทางป่ารกชัฎที่มีต้นไม้ใหญ่นานาพรรณห้อมล้อมจนแทบมองไม่เห็นท้องฟ้า

อีกเกือบชั่วโมง ป่าเริ่มโปร่งขึ้นเป็นลำดับ ชลอ เห็นเด็กเล็กเด็กน้อยว่ิงเล่นอยู่บนลานดินกว้างอย่างสนุกสนาน ไกลออกไปมีภูเขาน้อยใหญ่ล้อมรอบ แต่เมื่อรถแลนด์โรแวอร์ทั้ง 2 คันวิ่งเข้ามา บรรดาแม่ ๆทั้งหลายต่างวิ่งเข้ามาอุ้มลูก ๆของเขาเข้าไปอยู่ในเพิงไม้ที่่ทำเป็นที่พักอาศัย ขณะที่ทหารกะเหรี่ยงที่ยืนรักษาการณ์อยู่เป็นระยะ ๆทำความเคารพลุงโบเมียะที่นั่งอยู่ในรถที่แล่นผ่าน

จนกระทั่งมาถึงโรงเรือนใหญ่ รถแลนด์โรเวอร์คันที่ชลอและลุงโบเมียะนั่ง จอดสนิท ทั้งคู่ลงจากรถเดินก้าวเข้าไปนั่งพักในโรงเรือน พร้อมกันนั้น ชลอ ให้ลูกน้องยกลังวิสกี้และบุหรี่ต่างประเทศกล่องใหญ่มาให้ ลุงโบเมียะเป็นของฝาก ก่อนเข้าไปในนั่งในที่รับรอง โดยลุงโบเมียะ หันไปคุยกับผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นภาษากะเหรี่ยง ก่อนหันมาเสวนากับนายตำรวจไทย

“ยินดีต้อนรับสู่ “กอทูเล””

กอทูเล แปลว่าดินแดนอันบริสุทธิ์ ปราศจากความชั่วร้ายทั้งมวลของหมู่มวล KNU ที่มีลุงโบเมียะ เป็นผู้นำ

ชลอรู้ว่า ลุงโบเมียะ  รบกับพม่ามาตั้งแต่เป็นเด็กวัยรุ่น อายุเพียง 17 ปี จนกระท่ังชาวกะเหรี่ยงรวมตัวกันตั้งองค์กรดูแลประชาชนของตนเองขึ้น ในนามองค์กรสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง หรือ KNU (Karen National Union) โดยโบเมียะเพ่ิงขึ้นมาเป็นผู้นำเต็มตัว ในฐานะประธานาธิบดี ไล่เลี่ยกับที่ชลอมารับตำแหน่งผู้กำกับที่จังหวัดตาก

สำหรับชาวกะเหรี่ยง ลุงโบเมียะเป็นสัญลักษณ์แห่งการต่อสู้เพื่ออิสรภาพของชาวกะเหรี่ยง และชนกลุ่มน้อยทั้งมวล

ในฐานะที่ชลอเป็นนายตำรวจหัวหน้าตำรวจจังหวัดตาก ที่มีพื้นที่รับผิดชอบติดกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างพม่า ที่มีการสู้รบระหว่างชนกลุ่มน้อย เขาต้องรักษาความสัมพันธ์ทั้งกับกลุ่มชนกลุ่มน้อย ซึ่งไม่ได้มีแค่กะเหรี่ยงของลุงโบเมียะ เพียงคนเดียว แต่ยังต้องรักษาความสัมพันธ์กับทหารรัฐบาลพม่าที่มีกองกำลังใหญ่อยู่ในเมืองเมียวดี รวมถึงกองกำลังกู้ชาติของไทยใหญ่ ชนกลุ่มน้อยอีกกลุ่มที่มีกองกำลังตั้งอยู่ริมชายแดน ในทำนองบัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่นด้วย

อะไรที่ชลอทำได้ และไม่เสียความสัมพันธ์ หรือกระทบกับความมั่นคง ชลอทำให้ลุงโบเมียะอย่างเต็มที่ และเต็มใจ กระทั่งบางครั้งมีผู้ต้องหาฝั่งไทยที่หลบหนีคดีข้ามเข้ามาอยู่ในปางไม้ในพม่า ชลอก็ประสานให้ลุงโบเมียะคนนี้เอาตัวกลับมาให้เขาอยู่หลายคดี

ระหว่างมื้อเที่ยงแห่งมิตรภาพ  ลุงโบเมียะนั่งจิบเหล้า หัวเราะอย่างอารมณ์ดี แต่ไม่ค่อยจะพูดนัก อาจเป็นเพราะพูดภาษาไทยไม่ค่อยชัด แต่วิสกี้ขวดใหญ่ พร้อมอาหารป่าหลายชนิด ก็หมดลงในอีกไม่ถึง 2 ชั่วโมง ชลอจึงขอตัวกลับ

“ผู้กำกับ ไม่นอนค้างที่นี่สักคืนหรือ…”

ลุงโบเมียะถาม ขณะที่ชลอปฏิเสธ เพราะมีภารกิจอีกหลายอย่างที่ต้องทำ ก่อนที่ลุงโบเมียะจะให้ทหารกะเหรี่ยงชุดเดิมพานายตำรวจไทยทั้ง 10 คน ไปส่งที่ริมน้ำแม่เมยตามเดิม

ชลอนึกใจระหว่างนั่งเรือกลับมาฝั่งประเทศไทยจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง หากเขานอนค้างแล้วเกิดจู่ๆทหารรัฐบาลพม่าเข้าโจมตีฐานกะเหรี่ยงที่เขานอนพักอยู่พอดี

ถึงฝั่งประเทศไทย นายตำรวจหนุ่มพูดคุยกับตำรวจท่าสองยางลูกน้องอีกพักใหญ่ ก่อนขึ้นเฮลิคอปเตอร์กลับเมืองตากในเย็นวันนั้น พร้อมกับขาเก้ง ขาหมูป่า ที่ลุงโบเมียะ ประธานาธิบดีชาติกะเหรี่ยง ฝากมาเป็นน้ำมิตร

—————————————–

สัปดาห์ต่อมา

“แจ้งสกัดจับคนร้าย 2 คน ก่อเหตุ 241 อาวุธปืนหลังตลาดเมืองตาก มีผู้เสียชีวิต 1 คน คนร้ายใช้ จยย.เป็นพาหนะหลบหนี แจ้งตำรวจทุกหน่วยตั้งจุดสกัด…..”

เสียงวิทยุของสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองตากดังลั่นในช่วงเย็น ชลอยังนั่งทำงานอยู่ที่กองกำกับการ เอื้อมมือหยิบวิทยุไอคอมที่ตั้งอยู่บนโต๊ะทำงานกดคีย์ยกมาสั่งการ

“ตาก 1 ว.25 ที่เกิดเหตุ…”

“ทราบ….ตาก1 ว.25 ที่เกิดเหตุ…”เสียงพลวิทยุแจ้งรับทราบเมื่อเจ้าของรหัส ตาก 1 จะเดินทางไปดูที่เกิดเหตุด้วยตัวเอง

“แป๊ะ แป๊ะโว้ย…ไปหลังตลาดไปเร็ว”

พันตำรวจเอกชลอ ตะโกนเรียกคนขับรถคู่ใจที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่หน้าห้อง ไปยังที่เกิดเหตุทันที

15 นาทีต่อมา รถจิ๊ปแดงตราโล่ พานายตำรวจหนุ่มไปถึงที่เกิดเหตุ ที่นั่นมีพันตำรวจโทธีรจิตร์ อุตตมะ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบ พยายามกั้นบรรดาไทยมุงที่พยายามชะเง้อดูว่าผู้โชคร้ายที่ตกเป็นเหยื่อเสียชีวิตอยู่ในสภาพไหน

พันตำรวจโทธีรจิตร์เดินตรงเข้าไปหาพันตำรวจเอกชลอ ทันทีที่เห็นนายตำรวจรุ่นพี่เดินเข้ามา ก่อนพาไปดูศพเหยื่อที่เพิ่งถูกสังหาร ถูกยิงเข้าไป 2 นัดที่บริเวณหน้าอก

“เฮ้ย..ทำไมหน้าตามึงเป็นอย่างนี้วะ”

ชลอถามนายตำรวจรุ่นน้อง ที่ก้มหน้าก้มตาเหมือนกลัวอะไรสักอย่าง

“พี่ลอ..คนตาย คือนายอำนาจ โจทก์ไอ้หยองที่พี่เคยให้ผมจัดชุดคอยดูแล”

“อ้าว..แล้วดูแลยังไงวะ ให้มันถูกยิงตาย…”

ชลอ ชักเสียงเข้ม

“เฝ้ากันอยู่ 2 วันครับพี่ อยู่ ๆมันย้ายบ้านหนี ไม่รู้มันย้ายไปอยู่ที่ไหน มารู้อีกทีมาถูกยิงตายหลังตลาดแล้ว…”

“ไม่เป็นไร วิทยุสั่งปิดทางเข้าออกเมืองตากทุกทาง โดยเฉพาะทางไปกำแพง แล้วส่งตำหนิรูปพรรณ ไอ้บังมุด ให้กับชุดสืบสวน และจุดสกัดทุกด่านด้วย”

ชลอสั่งการเสียงเครียด ถึงแม้จะรู้แล้วว่าใครอยู่เบื้องหลังในการเสียชีวิตของนายอำนาจ เหยื่อกระสุนรายนี้แล้วก็ตาม

 

 

RELATED ARTICLES