“พวกเขาเหล่านี้ คือ กำลังหลักสำคัญขององค์กรในวันหน้า”

รับรางวัล “ทีมข้าราชการตำรวจตัวอย่างด้านการประชาสัมพันธ์และสร้างสรรค์สังคมสนับสนุนส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยโดยการใช้สื่อออนไลน์ในยุคดิจิทัล”

Thailand Digital Awards 2018

เหล่านายตำรวจ 6 แบรนด์แอมบาสเดอร์ของกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ประกอบด้วย  พ.ต.ท.หญิง ภัทชยา ศรีคล้าย พ.ต.ท.สืบศักดิ์ ผันสืบ ร.ต.อ.คณิสร มณีรัตน์ ร.ต.อ.จิรโชติวัจน์ คล้ายคลึง ร.ต.อ.หญิง ศรัญญา วิริยะ และ ร.ต.ท.หญิง พิมพ์พัชริยา ประวัติงาม

ทำหน้าที่สมกับได้รับความไว้วางใจจาก พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ให้ผ่านการคัดเลือกเป็นตัวแทนของหน่วยช่วยสร้างภาพลักษณ์ตำรวจท่องเที่ยว

ภายใต้วิสัยทัศน์ “ มุ่งมั่นสร้างความมั่นคง ให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยการสร้างความมั่นใจและความสะดวกปลอดภัย ให้แก่นักท่องเที่ยว ด้วยมาตรฐานการปฏิบัติที่ทันสมัย และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ”

 เสมือนเป็นคนไทยคนแรก แจกรอยยิ้มสร้างความอุ่นใจนักท่องเที่ยว

ความเป็นมาของกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองแม่ทัพประจำหน่วยบอกเหตุผลความจำเป็นว่า ปัจจุบันต้องยอมรับรายได้หลักที่สำคัญของประเทศ นอกจากสินค้าส่งออกแล้วส่วนหนึ่งมาจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ถือเป็นรายได้ที่ไม่ต้องลงทุน ทำให้ต้องยกฐานะกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยวขึ้นเป็นกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวรองรับปริมาณนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลเข้าประเทศจำนวนมากมายมหาศาล

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์บอกว่า การกำเนิดของกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว มีภารกิจหลัก คือ การสร้างความเชื่อมั่น ความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยวทุกชนชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ตั้งแต่การรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เมื่อใดก็ตามที่นักท่องเที่ยวมีความเชื่อมั่น มีความมั่นใจ พวกเขาจะเดินทางไปเที่ยวและอยากจะกลับมาท่องเที่ยวในเมืองไทยอีก

“เหมือนกับเราไปท่องเที่ยวในต่างประเทศ ถ้าประเทศใดก็ตาม ที่มีความปลอดภัย มีความอุ่นใจ มีความมั่นใจแล้ว เราก็ยังมีความต้องการอยากจะไปเที่ยวอีกหลายๆ ครั้ง เพราะฉะนั้น ตำรวจท่องเที่ยว เปรียบเสมือนเป็นคนไทยคนแรกที่ต้องสร้างความปลอดภัย ความมั่นใจ ความอุ่นใจและรอยยิ่มให้กับนักท่องเที่ยวทุกประเทศ”

มุ่งทำงานในมิติ 2 ด้าน บนพื้นฐานปราบปรามและบริการ

เจ้าตัวย้ำว่า ตำรวจท่องเที่ยวจะเป็นคนไทยคนแรกที่นักท่องเที่ยวพบ และเรียกหา เรามีศูนย์บริการให้ความช่วยเหลือผ่านสายด่วน 1155  เป็นหมายเลขที่นักท่องเที่ยวคุ้นเคย รวมถึงอาร์มของหน่วยที่นักท่องเที่ยวเข้ามาเมืองไทยแล้วรู้จัก รู้ว่า เมื่อมีเหตุขอความช่วยเหลือต้องติดต่อตำรวจหน่วยไหน อย่างไรก็ตาม ขอเรียนว่า ตำรวจท่องเที่ยวมีภารกิจอยู่ 2 ด้าน คือ การบริการและการรักษาความปลอดภัย ตามคอนเซปต์ Safe And Smile เป็นการรักษาความปลอดภัย สร้างความเชื่อมั่น และบริการด้วยรอยยิ้ม ทำให้รู้สึกอบอุ่นตั้งแต่ก้าวแรกที่เหยียบเมืองไทย

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์บอกอีกว่า หากกล่าวถึงในภูมิภาคเอเชีย ตำรวจท่องเที่ยวประเทศไทยถือเป็นกองบัญชาการระดับต้น ๆ ที่ยกฐานะมีจำนวนกำลังพลมาก และเป็นที่ยอมรับของประชาชน ไม่ต่างจากประเทศเกาหลีใต้ ทำให้เรามีความคิดริเริ่มที่จะต้องตั้งแบรนด์แอมบาสเดอร์ประจำหน่วย ช่วยสร้างภาพลักษณ์ สร้างความเข้าใจแก่นักท่องเที่ยว เพราะต้องยอมรับว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีก้าวหน้ามาก การใช้เว็บไซต์ ออนไลน์ต่างๆ มีความล้ำหน้า ล้ำสมัย

“การตั้งแบรนด์แอมบาสเดอร์ขึ้นเราต้องการประชาสัมพันธ์นักท่องเที่ยวทั่วโลกให้รู้จักสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทยแล้ว ยังต้องรู้จักตำรวจท่องเที่ยวที่สามารถคอยช่วยเหลือยามฉุกเฉินเวลามีปัญหา อีกทั้งคอยให้บริการอำนวยความสะดวก ทีมแบรนด์แอมบาสเดอร์ถึงจำเป็นต้องมีไว้ประชาสัมพันธ์ สร้างความมั่นคงยั่งยืนให้ตำรวจท่องเที่ยวในยุค 4.0 ที่ทำหน้างาน 2 มิติคู่กันไป เหมือนการใช้กำปั้นเหล็กบนกำมะหยี่ คือ การปราบปราม และการให้บริการในเวลาเดียวกัน” พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ว่า

 

คัด 6 นายตำรวจหนุ่มสาวรุ่นใหม่ มีไฟเข้ามาทำหน้าที่เป็นผู้แทนองค์กร

“วันนี้ ถือว่า เราโชคดีที่การเปิดรับสมัครตำรวจท่องเที่ยวทุกครั้ง มีผู้สนใจมาสอบบรรจุถึงอัตรา 10 ต่อ 1 เป็นที่ภูมิใจของกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ได้เห็นน้องๆ เด็กๆ รุ่นใหม่ อยากเข้ามาเป็นตำรวจท่องเที่ยว มีโอกาสที่จะมาใช้ความรู้ ได้ใช้ภาษา โดยเฉพาะภาษาจีน ภาษาต่างประเทศที่ร่ำเรียนมาใช้ให้เกิดประโยชน์แก่องค์กร เช่นเดียวกับ ทีมแบรนด์แอมบาสเดอร์ที่ได้คัดเลือกนายตำรวจหนุ่มสาวรุ่นใหม่ ที่มีพลัง มีไฟในการที่จะเข้ามาทำหน้าที่เป็นผู้แทนองค์กร พวกเขาเหล่านี้ คือ กำลังหลักสำคัญขององค์กรในวันหน้า”

ขั้นตอนการคัดเลือก พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวจะเป็นแกนร่วมกับ พล.ต.ต.สุรเชษฐ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว คัดนายตำรวจรุ่นใหม่จากทั้งหมด 2,000 คน ที่มีปฏิภาณไหวพริบ มีความรู้ความสามารถ ไม่ได้คัดเลือก เพราะหน้าตาอย่างเดียว แต่คัดจากองค์ความรู้ ในมิติของไหวพริบในการรู้จักการให้บริการนักท่องเที่ยว

รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวบอกว่า เราต้องเอาพวกเขาไปอยู่ในจุดของการบริการ ของการต้อนรับนักท่องเที่ยว รวมถึงแขกต่างประเทศ แบรนด์แอมบาสเดอร์ทั้งหมด 6 คน ต้องแบกภารกิจที่หนักหน่วง มีองค์ความรู้ในเรื่องของการเป็นตำรวจท่องเที่ยว รู้ว่าการทำหน้าที่ในการสร้างความมั่นใจในการช่วยเหลือ ในการแนะนำนักท่องเที่ยว คือ อะไร มีความรู้ในเรื่องเส้นทางการท่องเที่ยวและเรื่องของกฎหมายเพื่อแนะนำช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ พร้อมประสานความร่วมมือทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง

 

มั่นใจลูกน้องในสังกัด ช่วยขัดเงาภาพลักษณ์ประดับหน่วย

“ผมต้องเรียนว่า ในส่วนของตำรวจท่องเที่ยวเป็นหน่วยงานที่ต้องสร้างความเชื่อมั่น ความมั่นใจ ตำรวจท่านใดก็ตามที่สังกัดตำรวจท่องเที่ยว เมื่อประชาชนมองเราในการทำหน้าที่ของตำรวจท่องเที่ยว ผมกล้ายืนยันได้เลยว่า ยิ่งทำมาก ยิ่งเป็นภาพบวก ใครที่มารับราชการในสังกัดตำรวจท่องเที่ยวแทบจะไม่มีภาพลบ เช่นเดียวกับการปราบปรามอาชญากรรมในมิติของการเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว ยิ่งเป็นภาพบวก” พล.ต.ต.สุรเชษฐ์สีหน้าจริงจัง

“ผมมองว่า การได้เข้ามาทำหน้าที่ในฐานะตำรวจท่องเที่ยว ต้องถือว่าน่าจะมีความภาคภูมิใจที่ได้ทำงานเพื่อประเทศชาติ ทำให้นักท่องเที่ยวมั่นใจ อุ่นใจ เชื่อมั่น ทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ เท่ากับช่วยสร้างภาพลักษณ์ให้ประเทศ สร้างรายได้เข้ารัฐจากการที่นักท่องเที่ยวมีความเชื่อมั่นในความปลอดภัยเข้ามาเมืองไทย”

นายพลตำรวจรองผู้นำหน่วยทิ้งท้ายว่า วันนี้กำลังพลของตำรวจท่องเที่ยวจะต้องได้รับการฝึกฝนให้หนัก เรียนรู้ให้มาก โดยเฉพาะในด้านภาษา สติปัญญา ความคิดความอ่าน ปรับจูนให้ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นในมิติของการท่องเที่ยวต้องคู่กับด้านเศรษฐกิจ ตำรวจท่องเที่ยวจึงจะปราบปรามเพียงอย่างเดียวไม่ได้

 

“ขวัญรู้สึกภูมิใจที่เป็นตัวแทนของหน่วย”

ารวัตรขวัญ-พ.ต.ท.หญิง ภัทชยา ศรีคล้าย สารวัตรฝ่ายอำนวยการ 5 กองบังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ลูกคนโต พล.ต.นราชัย ศรีคล้าย อดีตผู้อำนวยการสำนักแผนและอำนวยการสื่อสาร กรมการสื่อสารทหาร ดีกรีระดับคณะรัฐศาสตร์ การปกครอง มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานีปริญญาโทคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

บรรจุเป็นตำรวจสัญญาบัตรตำแหน่งอาจารย์ที่กองบัญชาการศึกษา ก่อนได้รับการคัดเลือกไปปฏิบัติภารกิจของสหประชาชาติ ที่ประเทศติมอร์ เพื่อสร้างสันติภาพบนเกาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อยู่ 1 ปี กลับมาเป็นรองสารวัตรงานประชาสัมพันธ์ กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 8 เดือน ได้รับการแต่งตั้งเป็นสารวัตรฝ่ายอำนวยการ กองบังคับการปราบปราม หลังจากนั้นเดินทางไปประเทศเฮติกับภารกิจของสหประชาชาติอีกครั้ง

สิ้นสุดภารกิจที่ใช้เวลา 1 ปี 3 เดือนกลับต้นสังกัดกองปราบปรามและย้ายมากองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ทั้งที่อยากเป็นนักสืบ แต่ไม่มีโอกาส ถึงกระนั้น พ.ต.ท.หญิง ภัทชยา มองว่า ตำรวจท่องเที่ยวมีความสำคัญ เนื่องจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นอีกอุตสาหกรรมหลักที่นำรายได้เข้าสู่ประเทศไทย ตำรวจท่องเที่ยวจึงเป็นหน้าเป็นตา เป็นผู้ที่คอยรักษาความปลอดภัย สร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวตลอดเวลาที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ทำให้นักท่องเที่ยวอยากที่จะกลับมาเที่ยวอีก

“เมื่อผ่านคัดเลือกมาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของตำรวจท่องเที่ยว ขวัญรู้สึกภูมิใจที่เป็นตัวแทนของหน่วย ทำให้ประชาชนได้รู้จักตำรวจท่องเที่ยวมากขึ้น ส่วนเป้าหมายหลัก คือจะร่วมกับทีมงานแสวงหาความร่วมมือจากภาคส่วนอื่นๆ ตลอดจนประชาชน ให้ประเทศเราเป็นประเทศที่นักท่องเที่ยวอยากเข้ามา เท่ากับนำรายได้เข้ามาช่วยเศรษฐกิจบ้านเราดีขึ้น”

เธอมีโอกาสใช้ประสบการณ์การทำงานในต่างประเทศกับสหประชาชาติมาปรับใช้กับหน้าที่แบรนด์แอมบาสเดอร์ช่วยนักท่องเที่ยวต่างชาติที่โดนเอารัดเอาเปรียบหรือเกิดปัญหาเดือดร้อนระหว่างท่องเที่ยวในเมืองไทย “ขวัญจะบอกกับพวกเขาว่า ตอนนี้คุณอยู่กับตำรวจท่องเที่ยวแล้ว ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง ตำรวจท่องเที่ยวจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เขาจะเที่ยวได้อย่างสบายใจมากขึ้น เมื่อรู้สึกมั่นใจว่า ตำรวจได้ดูแลเขา ที่สำคัญพูดจาภาษาเขารู้เรื่อง”

 

“ดีใจที่ได้เป็นกระบอกเสียงหนึ่งของกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว”

ารวัตรโจ้-พ.ต.ท.สืบศักดิ์ ผันสืบ สารวัตรสถานีตำรวจท่องเที่ยว 1 (กาญจนบุรี) กองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 3 กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เจ้าของตำนานจอมเสิร์ฟหลังเท้า หนุ่มเมืองโอ่งราชบุรี เล่นเซปักตะกร้อมาตั้งแต่ชั้นประถม ติดเยาวชนทีมชาติอายุ 18 ปี ก่อนก้าวขึ้นทีมชาติชุดใหญ่ในการแข่งขันเซปักตะกร้อคิงส์คัพ ที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา กระทั่งเป็นกำลังหลักให้กับทีมด้วยลีลาการเสิร์ฟหลังเท้าอันทรงพลัง พาทีมชาติไทยคว้าเหรียญทองกีฬาซีเกมส์ ที่ประเทศอินโดนิเซีย ปี 2540 บรูไน ปี 2542 มาเลเซีย ปี 2544 เวียดนาม ปี 2546 และที่ประเทศไทยในปี 2550 มีเพียงปี 2548 ที่ฟิลิปปินส์ครั้งเดียวเท่านั้นที่พลาดท่าได้แค่เหรียญเงิน หลังพ่ายแพ้คู่แข่งตลอดกาลอย่างเสือเหลือง มาเลเซีย

ส่วนในกีฬาเอเชียนเกมส์ เขายังพาทีมคว้าเหรียญทองในประเทศไทย ปี 2541 ที่เกาหลีใต้ปี 2545 และโดฮาเกมส์ ที่กาตาร์ ปี 2549 นับเป็นความสำเร็จสูงสุดของนักกีฬาหนุ่มชาวราชบุรี  แต่ไม่เทียบเท่าความสำเร็จในหน้าที่การงาน ภายหลังได้รับการเลื่อนยศเป็น ร.ต.ต.ที่รอคอยมานานกว่า 5 ปี ด้วยการนำวุฒิปริญญาโทบริหารจัดการ วิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี สอบเลื่อนเป็นชั้นสัญญาบัตรตำแหน่ง รองสารวัตรงานธุรการ กองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจปฏิบัติการพิเศษ

ขยับขึ้นสารวัตรปราบปราม สถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน แต่รู้สึกไม่เหมาะกับตัวเองจึงตัดสินใจโยกเป็นตำรวจท่องเที่ยวประจำจังหวัดกาญจนบุรีรับผิดชอบดูแลนักท่องเที่ยวละแวกถิ่นเกิด เจ้าตัวบอกว่า ตำรวจท่องเที่ยวมีความสำคัญด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว มีหน้าที่รับผิดชอบตามพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ดูแลวงจรการท่องเที่ยวทั้งระบบ ตั้งแต่บริษัททัวร์ว่า ถูกกฎหมายหรือไม่ ไกด์ซึ่งเป็นอาชีพสงวนของคนไทยต้องควบคุมดูแลให้เป็นไปตามระเบียบถูกต้อง ป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวทำลายภาพลักษณ์ของประเทศ

“สำหรับตำแหน่งแอมบาสเดอร์ของตำรวจท่องเที่ยว รู้สึกดีใจที่ได้เป็นกระบอกเสียงหนึ่งของกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว อาจด้วยเพราะผมเป็นนักกีฬามาก่อน พอจะสื่อสารกับคนภายนอกได้ว่า เรากำลังทำอะไรอยู่ บอกให้นักท่องเที่ยวต่างชาติว่า มีตำรวจท่องเที่ยวดูแลพวกเขา ให้เกิดความอุ่นใจในความปลอดภัย ถือเป็นภารกิจที่มีความเข้มข้นในการทำงาน”

นายตำรวจหนุ่มอดีตนักตะกร้อทีมชาติที่หันมาสวมเครื่องแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เต็มตัวมั่นใจว่า ถ้าเราเป็นตำรวจที่ดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวได้ดี พวกเขาจะติดใจ โดนเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวประเทศไทยมีหลากหลาย หากชาวต่างชาติมาเที่ยวแล้วอุ่นใจ รู้สึกปลอดภัย ย่อมมีความสุขแก่การท่องเที่ยว สร้างรอยยิ้มแห่งความประทับใจที่จะมีต่อภาพลักษณ์ตำรวจท่องเที่ยวและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

 

“ตำรวจท่องเที่ยวทำงานในหลากหลายมิติ ทำงานทุกหน้าเพื่อประชาชน”

ผู้กองโอ๊ะ-ร.ต.อ.คณิสร มณีรัตน์ รองสารวัตรสถานีตำรวจท่องเที่ยว 1 กองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 1 กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว  สว.สถานีตำรวจท่องเที่ยว 1 กองกำกับการ 1 กองบังคับการ 1 กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ชาวกรุงเก่าพระนครศรีอยุธยา เข้าโรงเรียนเตรียมทหารรุ่น 48 โรงเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 64 มีผลการเรียนโดดเด่นเป็นอันดับ 1 ของรุ่น

รับทุนมูลนิธิบุณยะจินดาเพื่อข้าราชการตำรวจและครอบครัว บินไปศึกษากฎหมาย ประเทศอังกฤษ ขณะเดียวกัน ยังมีคุณวุฒิปริญญาโทนิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง บรรจุเป็นพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรพระนครศรีอยุธยา บ้านเกิดอยู่พักใหญ่ ตัดสินใจย้ายเข้ากองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ตำแหน่งรองสารวัตรกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว

เขาบอกว่า ตำรวจท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวทุกคนรู้จักอยู่แล้วว่า เป็นตำรวจที่คอยดูแลนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ตำรวจหน่วยนี้จะมีความเชี่ยวชาญในการดูแลและอำนวยความสะดวก รวมถึงการปราบปราอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับนักท่องเที่ยว รู้สึกดีใจที่ผู้บังคับบัญชาไว้วางใจให้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของตำรวจท่องเที่ยวมาทำหน้าที่คอยประชาสัมพันธ์ให้ตำรวจท่องเที่ยวมีบทบาทขึ้นมาในสังคม และให้ประชาชนทั่วไป รู้จักหน้าที่ต่างๆ ของตำรวจท่องเที่ยวหลากหลายแง่มุม ทั้งการทำงาน การบริการประชาชน การปราบปรามอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว

“เป้าหมายหลักที่ผมเลือกเข้ามาเป็นตำรวจท่องเที่ยว เพราะมีความใฝ่ฝันเป็นทุนเดิม อยากมาเป็นตำรวจท่องเที่ยว เพราะได้ยินชื่อเสียงอยู่แล้วว่า ตำรวจท่องเที่ยวเป็นหน่วยที่มีความเชี่ยวชาญในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ หรืออาชญากรรมที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เมื่อได้เข้ามาอยู่จริงๆ รู้เลยว่าตำรวจท่องเที่ยวทำงานในหลากหลายมิติ ทำงานทุกหน้าเพื่อประชาชน ให้นักท่องเที่ยวได้รับความสงบสุขและปลอดภัย”

คุณสมบัติที่ได้รับเลือกจากผู้บังคับบัญชาให้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของตำรวจท่องเที่ยว เจ้าตัวมองว่า ผู้บังคับบัญชาอาจโฟกัสตรงที่เป็นกลุ่มนายตำรวจรุ่นใหม่ มีความคิดก้าวหน้า และมีทักษะในเรื่องการประชาสัมพันธ์ที่จะนำเสนอรูปแบบการทำงานของตำรวจท่องเที่ยวให้ประชาชนทั่วไปได้รับทราบ และจากประสบการณ์การทำงานที่เคยทำงานอยู่หน้าพระบรมมหาราชวัง อีกทั้งรับผิดชอบพื้นที่ในกรุงเทพมหานครตอนเหนือทั้งหมด เป็นโซนที่นักท่องเที่ยวอยากจะเข้ามาท่องเที่ยวอยู่แล้ว เราสามารถให้ข้อมูลข่าวสารและแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้ทันท่วงที

“สำคัญที่สุด คือ ตำรวจท่องเที่ยวต้องทำความเข้าใจกับปัญหาของพวกเขา และเร่งแก้ปัญหาให้ตรงจุดตามที่พวกเขาต้องการ รวมไปถึงการบริการความช่วยเหลือในด้านอื่น เพื่อให้นักท่องเที่ยวรู้สึกอุ่นใจและประทับใจจะเห็นได้ว่า การขอความช่วยเหลือแก้ปัญหาของนักท่องเที่ยว ตำรวจท่องเที่ยวสามารถดูแลให้ครอบคลุมเกือบหมดทุกเรื่อง แถมมีอยู่ทั่วทุกจังหวัดท่องเที่ยวในประเทศไทย”  ร.ต.อ.คณิสรว่า

 

“ดีใจที่ผู้บังคับบัญชาให้ความไว้วางใจ ให้มาทำหน้าที่ตรงนี้”

ผู้กองเฟี๊ยต-ร.ต.อ.จิรโชติวัจน์ คล้ายคลึง รองสารวัตรสถานีตำรวจท่องเที่ยว 1 กองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 1 กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ลูกชาย พ.ต.อ.พงศ์อานันต์ คล้ายคลึง รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 9 หลานปู่ “ฉอ้อน คล้ายคลึง” อดีตพันตำรวจโทมือปราบไฮเวย์ของตำรวจทางหลวง  หนุ่มหล่อนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 66 พ่วงดีกรีปริญญาโทรัฐศาสตรมหาบัณฑิต สาขาความมั่นคงระหว่างประเทศ การเมืองและการก่อการร้าย มหาวิทยาลัยเคนต์ ประเทศอังกฤษ

ฝันอยากเป็นตำรวจมาตั้งแต่เด็ก เพราะอยู่ในครอบครัวเลือดพิทักษ์สันติราษฎร์ ทำให้เกิดความฝังใจและมีพ่อเป็นฮีโร่ แม้ปีแรกสอบไม่ติดโรงเรียนเตรียมทหาร แต่กลับมามุ่งมั่นใหม่ กระทั่งประสบความสำเร็จเป็นจุดเริ่มต้นสู่รั้วสามพราน อยากทำงานด้านสืบสวนปราบปรามเหมือนปู่กับพ่อ ทว่าโลกปัจจุบันเปลี่ยนไปเมื่อคนร้ายไม่กลัวตำรวจ ชาวบ้านรู้กฎหมายกว่าขึ้น ฉากบู๊ในวาดหวังคงไม่ง่ายเหมือนสมัยก่อน

“เรามีหน้าที่รับใช้ประชาชน ไม่ใช่เป็นนายประชาชน ต้องทำเพื่อประชาชน ไม่ใช่แสวงหาผลประโยชน์จากประชาชน ทุกอย่างต้องเปลี่ยนแปลง ในความรู้สึกส่วนตัวของผม ชาวบ้านอาจมองตำรวจไม่ดี แต่ผมในฐานะเป็นผู้มาใหม่ ต้องเลือกที่จะเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่มันถูก อะไรที่มันไม่ดีควรหยุดไว้แค่ตรงนี้ อย่าให้มันมากไปกว่านี้ แต่อาจค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนไป คงไม่สามารถเปลี่ยนมันได้ทันที” ทายาทมือปราบรุ่น 3 ของบ้านคล้ายคลึงว่าไว้

เป็นเหตุผลที่เขาต้องเปลี่ยนเส้นทางจากนครบาลข้ามมาสังกัดตำรวจท่องเที่ยวเปิดโอกาสรับใช้ประชาชนได้อย่างเต็มที่ เจ้าตัวยึดอุดมการณ์ว่า เราเหมือนตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน เมื่อต้องเข้ามาเป็นตำรวจ ต้องทำให้ดีที่สุด ตำรวจท่องเที่ยวก็มีความสำคัญไม่แพ้หน่วยอื่นแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทยมีแหล่งท่องเที่ยวที่ชาวต่างชาติหลากหลายประเทศต้องการเดินทางเข้ามา จำเป็นต้องมีตำรวจท่องเที่ยวคอยบริการดูแลตลอด 24 ชั่วโมง

“มันเป็นเหตุผลที่ทำไมต้องมีตำรวจท่องเที่ยว ส่วนความรู้สึกที่ได้มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ผมถือว่า เป็นโอกาสที่ดี และดีใจที่ผู้บังคับบัญชาให้ความไว้วางใจ ให้มาทำหน้าที่ตรงนี้ ส่วนตัวแล้วยอมรับว่า อาจจะไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่ แต่เมื่อผู้บังคับบัญชามอบหมายให้ทำก็ต้องทำให้เต็มที่ สิ่งที่อยากทำมากที่สุดเมื่อได้รับตำแหน่งมาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ คือ อยากทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ รวมถึงชาวไทยด้วย เป็นตัวแทน เป็นหน้าเป็นตาของหน่วย เหมือนเป็นทูตทางการท่องเที่ยวอีกส่วนหนึ่ง”

ผู้กองหนุ่มบอกอีกว่า ความจริงหน้าที่ตรงนี้เป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนที่จะต้องช่วยกันประชาสัมพันธ์ในฐานะเจ้าบ้านที่ดีแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ  สร้างความพึงพอใจแก่นักท่องเที่ยวให้มากที่สุด  ส่วนตำรวจท่องเที่ยวจะทำหน้าที่ช่วยแก้ปัญหาบรรเทาความเดือดร้อน ยิ่งถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับคดีความ เราต้องประชาสัมพันธ์ชี้แจ้งทำความเข้าใจให้พวกเขาเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม เชื่อมั่นในกฎหมายที่ดำเนินการตามขั้นตอนอย่างตรงไปตรงมาและรวดเร็วว

 

“สิ่งจำเป็นในการทำงานคือ เราต้องมีหัวใจบริการ”

ผู้กองบี-ร.ต.อ.หญิง ศรัญญา วิริยะ รองสารวัตรฝ่ายอำนวยการ กองการสอบ ช่วยราชการกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว นายตำรวจสาวสวยรุ่นใหม่แนวคิดกว้างไกล หลังจากเรียนจบปริญญาตรีคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ได้บินไปเรียนต่อปริญญาโทด้านการจัดการและการตลาด มหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ

ความใฝ่ฝันวัยเด็กอยากเป็นแอร์โฮสเตสแต่งตัวสวยเหมือนนางฟ้าอยู่บนเครื่องบิน ทว่าครอบครัวอยากให้รับราชการ เธอจึงเลือกสอบบรรจุเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตรของกองบัญชาการศึกษา มีความรู้ความสามารถเชี่ยวชาญหลายภาษา บวกกับรูปร่างหน้าตา และบุคลิก ยิ้มแย้มสดใสเป็นเหตุให้โดนทาบทามมาช่วยราชการกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ก่อนได้รับคัดเลือกเข้าสู่ทีมแบรนด์แอมบาสเดอร์นายตำรวจหนุ่มสาวประจำหน่วย

เธอคิดว่า ตำรวจท่องเที่ยว มีความสำคัญ เพราะประเทศไทย ถือเป็นประเทศที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว คือรายได้หลัก แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก จึงมีปัญหาตามมา จำเป็นต้องมีตำรวจท่องเที่ยวเข้าไปดูแลช่วยเหลือแก้ปัญหาบรรดานักท่องเที่ยวหลากหลายเชื้อชาติ รู้สึกดีใจที่ได้มาเป็นส่วนหนึ่งในการมาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ได้ช่วยทำหน้าที่หลายรูปแบบ

“คนส่วนใหญ่จะมีความเข้าใจว่า ตำรวจท่องเที่ยวจะมีหน้าที่ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวอย่างเดียว คอยประชาสัมพันธ์ให้บริการ แต่จริงๆ หน้างานของตำรวจท่องเที่ยว ยังมีอีกหลายอย่าง เช่น ปราบปรามพวกอาชญากรรมที่เป็นความผิดเกี่ยวกับนักท่องเที่ยว มีอีกหลายงานที่น่าสนใจ ส่วนงานที่บีอยากทำ คือ นำความรู้ความสามารถในด้านภาษาของตัวเองไปปรับใช้ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว อาจไม่ต้องพูดได้ทุกภาษา เพราะสิ่งจำเป็นในการทำงานคือ เราต้องมีหัวใจบริการ”

จุดสำคัญที่ทำให้ถูกเลือกเป็นทีมแบรนด์แอมบาสเดอร์ นายตำรวจสาวมองว่า ผู้บังคับบัญชาอาจดูจากบุคลิกเราเป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ดี ใครเห็นแล้วกล้าเข้ามาคุย กล้าที่จะเข้ามาระบายความในใจ เหมาะสำหรับภาพลักษณ์ของตำรวจท่องเที่ยว สามารถสร้างความอุ่นใจเป็นที่ปรึกษาแก่นักท่องเที่ยวไม่ให้พวกเขาเผชิญปัญหาตามลำพัง และเชื่อว่าจะสามารถช่วยพวกเขาแก้ไขปัญหาบรรเทาความเดือดร้อนให้ผ่านพ้นไปได้ไม่มากก็น้อย

 

“พิมพ์คิดว่าตำรวจท่องเที่ยวมีความสำคัญ”

มวดพิมพ์-ร.ต.ท.หญิง พิมพ์พัชริยา ประวัติงาม รองสารวัตรฝ่ายอำนวยการ กองบังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ชาวจังหวัดชลบุรี จบปริญญาตรีคณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาตัดต่อภาพยนตร์ ดิจิทัลมีเดีย มหาวิทยาลัยบูรพา อดีตนักกีฬาขี่ม้ากระโดดข้ามเครื่องกีดขวาง แม้จะเป็นมือสมัครเล่น แต่มีความสามารถเป็นครูสอนขี่ม้าให้เยาวชนตามคอกเอกชนหลายแห่ง

หลังเรียบจบมหาวิทยาลัยไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่งมองอาชีพครูสอนขี่ม้าอย่างเดียวไม่แน่นอน เธอตัดสินใจเบนเข็มไปเรียนภาษาที่เคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ และทำงานอยู่ครัวร้านอาหารไทยในแดนผู้ดี ใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศปีเศษกลับมาเป็นกราวด์สตาฟฟ์ของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ ทำหน้าที่คอยประสานงานให้กับลูกค้าวีไอพี

ทำงานเป็นกะ ปรับตัวไม่ถูก เธอเลยลาออกจากงาน เป็นช่วงที่มีการเปิดรับสมัครสอบบุคคลภายนอกเข้าเป็นตำรวจชั้นประทวนพอดี ก่อนบรรจุที่กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยวประมาณไม่กี่เดือน ใช้วุฒิปริญญาตรีเข้าการฝึกอบรมหลักสูตรการฝึกอบรมข้าราชการตำรวจและบุคคลที่บรรจุหรือโอนเข้ามาเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตรรุ่น 36 บรรจุลงกองกำกับการอำนวยการที่เดิม สวมเครื่องแบบนายตำรวจติดอาร์มกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว

ผู้หมวดสาวได้รับโอกาสจากผู้บังคับบัญชาให้เป็นพรีเซ็นเตอร์ของหน่วยช่วยสร้างภาพลักษณ์แก่องค์กรบ่อยครั้ง สุดท้ายกลายเป็นแรงผลักดันสู่ตำแหน่งแบรนด์แอมบาสเดอร์กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ตรงกับแนวคิดตั้งแรกอยากเป็นตำรวจท่องเที่ยวช่วยเหลือนักท่องเที่ยวให้มากที่สุด  “เราสามารถแนะนำสิ่งที่ถูกต้องในเมืองไทย เมื่อเขาเข้ามาแล้ว วัฒนธรรมของเราเป็นยังไง หรือเวลานักท่องเที่ยวถูกเอารัดเอาเปรียบ จะช่วยเหลือเขายังไง ยิ่งเราเป็นตำรวจเราก็จะสามารถตัดสินใจได้ มีอำนาจสิทธิมากกว่าประชาชนทั่วไป ใช้อำนาจช่วยเหลือประชาชนให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

“พิมพ์คิดว่าตำรวจท่องเที่ยวมีความสำคัญ คือ มีหน้าที่ในการช่วยเหลือนักท่องเที่ยว ช่วยเหลือด้านภาษา การที่ได้มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ก็รู้สึกภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่หลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแนะนำสถานที่ต่างๆ ให้กับนักท่องเที่ยว ในเรื่องกฎข้อห้ามในการปฏิบัติตัวเมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศไทย เป็นหน้างานถนัดที่พิมพ์เคยทำมาอยู่แล้ว”

ร.ต.ท.หญิง พิมพ์พัชริยา ยอมรับว่า ส่วนหนึ่งอาจ เพราะเรามีประสบการณ์ที่ได้ไปอยู่ต่างประเทศมาระยะหนึ่ง ตัวเองเคยเดือดร้อน แต่หาคนช่วยไม่ได้ และยากมากในเรื่องของภาษา อารมณ์ตรงนั้นเองที่มาเป็นแรงบันดาลใจในการที่อยากจะทำอะไรสักอย่างหนึ่ง เพื่อจะได้เป็นอีกหนึ่งกำลังเล็กๆ เพื่อประเทศชาติ ในการได้ช่วยเหลือหน่วย เป็นตัวแทนกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวคอยช่วยแก้ปัญหาให้นักท่องเที่ยว สร้างภาพลักษณ์แก่องค์กรตำรวจไปด้วยพร้อมกัน

 

 

 

 

RELATED ARTICLES