ปฏิวัติด่านตำรวจหัวปิงปอง

ปลุกกระแสดราม่าบนโลกโซเชียลเกี่ยวกับร่างกฎหมายใหม่เรื่อง “ค่าปรับ” กรณีไม่มีใบอนุญาตขับขี่

หลายคนว่าโหดเกินไป

โทษหนักปรับไม่เกิน 5 หมื่นบาท มีจำคุกด้วย

ตั้งข้อวิพากษ์วิจารณ์สาดโครมใส่ “ตำรวจหัวปิงปอง” จะใช้เป็นช่องทางรีดไถหากินผู้ใช้รถใช้ถนนต้นเหตุมาจาก “ใบขับขี่”

 โยนขี้ไปก่อน หัวร้อนกันเป็นแถว

ทั้งที่คนทำถูกกฎหมาย มีใบอนุญาตขับขี่ส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องเดือดร้อนตีโพยตีพาย เมื่อกฎหมายกำหนดบทลงโทษสำหรับผู้กระทำความผิดเท่านั้น

ไม่ได้กระทำผิดแล้วไยต้องหวั่นวิตก

ถึงกระนั้นก็ตาม พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตระหนักในเรื่องภาพลักษณ์ขององค์กรไม่ต่างกัน เพราะทุกวันสังคมออนไลน์จ้อง “พ่นน้ำลาย” ใส่แป้นคีย์บอร์ดกอดเอาความคิดเต็มไปด้วย อคติ เกลียดชัง คนในเครื่องแบบสีกากี

สะท้อนให้เห็นภาพ “ผู้คนร้องยี้” เวลาเจอตำรวจปฏิบัติหน้าที่ แม้จะตรงไปตรงมา ทว่าราคาของ “ต้นทุนต่ำ” เกินกว่าจะยอมรับ

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จึงออกคำสั่งด่วนที่สุด ผ่านวิทยุในราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไปถึงผู้ปฏิบัติ มีนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) รองผู้บัญชาการตรำวจแห่งชาติ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในงานป้องกันและปราบปราม งานความมั่นคง และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รับทราบ

อ้างถึงการกำชับการปฏิบัติในการแก้ไขปัญหาการจราจรและบริหารจัดการจราจรในภาพรวมให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

ตามบัญชานายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2561

เนื่องจากการบังคับใช้กฎหมายเพื่อแก้ไขปัญหาจราจรที่ผ่านมาพบมีการนำภาพนิ่ง/ภาพเคลื่อนไหวไปเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ในทางที่อาจเกิดความเสียหายต่อการปฏิบัติหน้าที่ในภาพรวมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ดังนั้นเพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจหลายคนทุกสายงานเป็นไปด้วยความถูกต้องโปร่งใส สอดคล้องกับข้อสั่งการ จึงกำชับการปฏิบัติดังนี้

ผู้ปฏิบัติหน้าที่โดยเฉพาะสายงานป้องกันและปราบปราม งานจราจรทุกนาย ต้องแต่งเครื่องแบบให้เรียบร้อยขณะปฏิบัติหน้าที่ในกรณีต้องสื่อสารกับประชาชน ไม่ว่าทั้งการบริการช่วยเหลือ การตรวจค้น และ/หรือจับกุมบังคับใช้กฎหมาย

 ต้องใช้กริยาวาจาที่สุภาพเหมาะสมแสดงตนโดยเปิดเผยห้ามปกปิดใบหน้า สวมหมวกผ้า / ไหมคลุมทั้งศีรษะ (หมวกโม่ง)

สำหรับเจ้าหน้าที่สายตรวจและจราจรสามารถสวมผ้า/หน้ากากกันฝุ่นในขณะปฏิบัติหน้าที่เพื่อความปลอดภัยจากมลภาวะทางอากาศได้ แต่เมื่อต้องสื่อสารกับประชาชนให้แสดงตนโดยเปิดเผย

ผู้บังคับบัญชาทุกระดับ โดยเฉพาะสายป้องกันและปราบปราม และจราจร ต้องกวดขันกำชับการปฏิบัติให้ถูกต้องอย่างจริงจังต่อเนื่อง

กรณีพบการกระทำผิดหรือพฤติการณ์ไม่เหมาะสมของตำรวจในสังกัด โดยเฉพาะกรณีที่มีการเผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อสังคมออนไลน์ทำให้เกิดความเสียหายให้เร่งรัดตรวจสอบข้อเท็จจริง หากพบความบกพร่องให้พิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่

หากเป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อนไม่ตรงกับข้อเท็จจริงให้รายงานโฆษกกองบัญชาการ หรือกองบังคับการ แล้วแต่กรณีทราบ เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงตามอำนาจหน้าที่และรายงานกองสารนิเทศ หรือโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติทราบโดยด่วน

 

 

 

 

RELATED ARTICLES