ก้าวที่  36  เหยียบจวนผู้ว่าฯหญิง

ฝนยังคงพร่ำท่ามกลางอากาศเย็นยามค่ำ ชาวบ้านไม่เลิกขวัญผวาจากน้ำป่าทะลักกลืนนักท่องเที่ยวอุทยานวังตะไคร้ ตราบใดพระพิรุณไม่ยอมขาดสาย

ผมส่งข่าวเสร็จเรียบร้อยตัดสินใจนอนค้างอยู่นครนายกเพื่อปะติดปะต่อความคืบหน้าของโศกนาฏกรรมประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญ

แต่ผมไม่รู้เหมือนกันว่าจะพักที่ใด อาศัยเดินเตร็ดเตร่ในตลาดของชำใกล้น้ำตก เลือกแปรงสีฟัน ยาสีฟันเป็นอาวุธติดกายอันดับแรก ขณะที่เพื่อนยุทธลังเล แต่กลับกรุงไม่ได้ เพราะไม่มีรถจำต้องนอนอยู่กับผม “เราลองเข้าไปในเมืองกันดีกว่า” ผมว่าแล้วก็พาเพื่อนร่วมสำนักขึ้นรถบีเอ็บดับเบิลยูที่ผมควบเสี่ยงความตายพาเรามาถึงตรงนี้เข้าเมืองนครนายก

ที่หมายแรกจวนผู้ว่าราชการจังหวัด คฤหาสน์ไม้ทรงไทยโบราณ เหตุเพราะเหล่านักข่าวทั้งหมดไปออกันอยู่ตรงนั้นเพื่อดักสัมภาษณ์พ่อเมือง

“อ้าว พี่จ๋า มาด้วยหรือ” ผมใจชื้นขึ้นเห็นไชยรัตน์ ส้มฉุน เดอะเนชั่นปรากฏตัวที่จวน

“เออสิวะ” แกหัวเราะเอิ๊กอ๊ากตามสไตล์ ภาพสมัยลุยโรงงานตุ๊กตานรกเคเดอร์ฉายซ้ำเรียกวีรกรรมสารพัดวัยรุ่นแล้วนึกสนุก

“ค้างหรือเปล่าพี่”

“ค้าง” แกว่า “แล้วคุณล่ะ”

“คงค้างแหละ แต่ยังไม่รู้จะพักที่ไหน” ผมสารภาพ

“เออ เดี๋ยวไปหาที่พักด้วยกันก็ได้ จะได้ไปหาเหล้ากินกันด้วย ไม่เจอกันตั้งนาน”

แกเอ่ยจนผมเปรี้ยวปากทันที ลืมด้วยซ้ำว่า ตั้งแต่มาเหยียบที่นี่อาหารเย็นยังไม่ได้หล่นใส่กระเพาะเลย “แต่ต้องรอผู้ว่าแถลงก่อนล่ะกันพี่”

ระหว่างนั้นผมเดินสำรวจจวนพ่อเมืองไปได้ไม่ไกลมาก เพราะละอองฝนยังหล่นรำคาญสร้างความเฉอะแฉะหนาวยะเยือกเพิ่มกลิ่นอับกับเสื้อผ้าที่ยังเปียกชื้นของผม

กลุ่มนักข่าวหลายสำนักทั้งทีวี วิทยุ หนังสือพิมพ์เดินกันขวักไขว่ หญิงสาวคนหนึ่งเดินผ่านหน้าผม ไม่มีการทักทาย ไม่มีหันมาสบตาเหมือนว่า ไม่เคยรู้จักกัน ดูเธอมีความสุขเคียงข้างแฟนหนุ่มช่างภาพทีวีสังกัดเดียวกัน

ผมเห็นแล้วเหมือนตัวเองพ้นโทษจากคำพิพากษาลงทัณฑ์ที่เคยทำผู้หญิงคนหนึ่งเจ็บปวด

“ท่านผู้ว่าฯมาแล้ว” นักข่าวท้องถิ่นส่งสัญญาณ แต่ผมเลือกจะยืนอยู่ข้างนอก “เดี๋ยวผมลอกจากพี่ดีกว่า ตอนนี้ส่งข่าวก็ไม่ทันแล้ว” ผมไหว้วานรุ่นพี่

บรรดาคนข่าวกรูเข้าจ่อไมค์ล้อมวงท่านผู้ว่าฯ ผมนั่งอยู่เชิงบันไดจวนมองไกล ๆเห็นแล้วตะลึงเหมือนเด็กไม่ได้ทำการบ้านส่งครู “ผู้ว่าฯเป็นผู้หญิงหรือเนี่ย”

จรัสศรี ทีปิรัช ผมชื่อจำแม่นในเวลาถัดมา ผู้หญิงคนแรกที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดของประเทศไทย ประเดิมเก้าอี้ถือกุญแจเมืองนครนายก

เธอสรุปความคืบหน้าของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ขณะนี้น้ำเริ่มลดลงบ้างแล้ว ระหว่างเกิดเหตุเจ้าหน้าที่รู้ว่า มีน้ำป่าทะลัก สังเกตจากกระแสน้ำพบว่า มีลักษณะขุ่น ได้เป่านกหวีดเตือนพวกที่เล่นน้ำขึ้นมา แต่กระแสน้ำไหลแรงมาก ทะลักลงมาโดยไม่ทันเตรียมตัว ทำให้มีผู้เสียชีวิตเท่าที่ได้รับรายงานล่าสุดมีทั้งสิ้น 17 ราย

เจ้าเมืองนครนายกระบุว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นครั้งใหญ่สุดในรอบ 40 ปี คิดว่าอาจเกิดจากแหล่งน้ำธรรมชาติบนเขาทะลักลงมาเร็วมาก เพียงเสี้ยววินาทีก็พัดพาคนไหลไปตามกระแสน้ำจนเกิดเหตุสลดใจขึ้นคนที่มาส่วนใหญ่จะมาจากรอบ ๆ นครนายก อย่างไรก็ตาม ผู้เสียชีวิตทางจังหวัดจะจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นก่อนรายละ 1 หมื่นบาท ส่วนผู้บาดเจ็บรายละ 3 พันบาท ในกรณีที่มีการผ่าตัดจะพิจารณาให้การช่วยเหลือด้วย สำหรับผู้จัดการวังตะไคร้คงจะต้องเรียกมาสอบสวนว่า เกิดขึ้นเพราะเหตุใด แต่เท่าที่ทราบคิดว่า คงเป็นเหตุสุดวิสัย

“ดิฉันรู้สึกไม่สบาย” น้ำเสียงดูเศร้า แต่แววตาแสดงความแข็งแกร่งรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่หวั่นไหวสมบทผู้นำแม้จะเป็นผู้หญิงก็ตาม “สงสารผู้ที่มาท่องเที่ยวอย่างมาก นักท่องเที่ยวต้องการมาหาความสนุก แต่ครั้งนี้ถือเป็นเหตุสุดวิสัยจริง ๆ ไม่มีใครอยากให้มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น”

เธอใช้จวนผู้ว่าราชการจังหวัดตั้งเป็นศูนย์ประชาสัมพันธ์ช่วยเหลือผู้เสียชีวิตสูญหายและบาดเจ็บ คอยสั่งการตลอดคืน ระดับเจ้าหน้าที่ค้นหาผู้สูญหายอย่างละเอียดตลอดลำน้ำอุทยานที่สูงถึง 5.60 เมตร เกินกว่าระดับปกติกว่า 4.60 เมตร กระแสน้ำแรงและเชี่ยวมาก ทำให้ส่วนใหญ่ที่เสียชีวิต เพราะศีรษะและร่างกายปะทะกระแทกโขดหิน

เวลาสี่ทุ่มเศษ ความหิวเปลี่ยนเป็นความอ่อนหล้าจากอาการเหน็ดเหนื่อย “เอาไงพี่” ผมถามไชยรัตน์ “ไป ๆ พี่ก็เหนื่อย หาที่พักดีกว่า”

ปรากฏว่า ผมต้องไปเช่าห้องนอนโรงแรมจิ้งหรีดเพียงลำพัง แยกห้องกับทีมข่าวของไชยรัตน์ ส่วนเพื่อนยุทธโชคดีได้รถนักข่าวสำนักอื่นเกาะเข้ากรุงตอนกลางดึก เพราะห่วงพะวงข่าวความคืบหน้าคดีติดตามเพชรซาอุดีอาระเบียที่สืบต่อเนื่องจากคดีสองแม่ลูกศรีธนะขัณฑ์ที่กองบังคับการปราบปราม

ห้องพัดลมท่ามกลางอากาศเย็น ผมนอนกระสับกระส่ายในชุดเก่า ไม่ได้อาบน้ำอาบท่า นับเป็นครั้งแรกที่ออกภาคสนามข่าวต่างจังหวัดแล้วต้องมานอนลำพัง ความมืดทั่วห้องผมต้องข่มตาหลับ อาการความอ่อนเพลียเมื่อก่อนหน้าดันหายไป เปลี่ยนสภาพเป็นความกลัว เหงื่อท่วมตัว หลอนผวาสิ่งลี้ลับวนเวียนเป็นภาพหนังเขย่าขวัญ

ผมคิดถึงยาย ยามที่ตามไปงานบุญทอดกฐิน ผ้าป่าต่างจังหวัดวัยเด็ก ต้องนอนค้างอ้างแรมในโบสถ์ ทุกคนนอนหลับใหลอย่างมีความสุข ยายนอนกรนข้างกาย แต่ผมหลับไม่ลง ผมปวดฉี่ไม่กล้าปลุกใคร ครั้นจะเดินเข้าห้องน้ำข้างล่างโบสถ์อย่าได้หวัง ต้องอดทนอดกลั้นกว่าจะรุ่งสาง

ทว่าเที่ยวนี้ไม่ได้ปวดฉี่ แต่ดันมากลัวผีกลางดึก

พ้นคืนแห่งความกระวนกระวาย ผมเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ ได้ยินเสียงเคาะประตูเล่นเอาสะดุ้ง ฟ้าแจ้งแล้ว ความสว่างมองให้เห็นพัดลมเพดานควงลมเย็นยามสายปะทะกายอันซกมกของผม ลุกขึ้นเปิดประตู

“ตื่นยังวะ” ไชยรัตน์นักข่าวรุ่นพี่มาปลุก “รีบอาบน้ำเลยจะได้ออกไปพร้อมกัน

“ไปไหนพี่” ผมงัวเงียจากพิษที่นอนไม่เต็มตา

“วังตะไคร้ไง”

ผมนึกขึ้นได้ “ถ้าอย่างนั้นผมไปหาซื้อเสื้อเปลี่ยนก่อน กางเกงในด้วย” ว่าแล้วกูลีจอล้างหน้าแปรงฟันเดินลงไปขึ้นรถ “พี่จะไปกับผมหรือเปล่า”

ลังเลไม่นาน นักข่าวหนุ่มค่ายเดอะเนชั่นพยักหน้า “ดีเหมือนกัน ปล่อยคนรถกับช่างภาพไว้ที่ก่อน เราจะได้ไปหาอะไรรองท้องด้วย เมื่อคืนไม่ได้กินอะไร หิวชิบเป๋ง”

“เอาแบบนี้ล่ะกัน พี่ก็ให้ช่างภาพกับผู้ช่วยล่วงหน้าไปก่อนแล้วเราค่อยตามไป” ผมเสนอไอเดีย

เมืองนครนายกปกติเงียบสงบอยู่แล้ว ยิ่งเป็นเช้าวันจันทร์ด้วย ผู้คนต่างออกทำงาน นักท่องเที่ยงโหรงเหรง โศกนาฏกรรมอุทยานวังตะไคร้กลับทำบรรยากาศเสมือนเมืองร้างซ้ำเติมเข้าไปอีก

แดดทอแสงผ่านก้อนเมฆ ไม่ปรากฏเงาทะมึนของกลุ่มก้อนสีดำ ฝนสงบแล้ว ราวกับว่าเทวดาบนฟ้าสุขสำราญกับอาการคำรามส่งร่างมนุษย์จมลงสู่ความพิโรธของสายน้ำ ผมถอนหายใจเดินทอดน่องหาแหล่งช็อปกลางเมือง

“ไม่มีอะไรเลยว่ะพี่”

“เออ คนเงียบเลย”

“เข้าซุปเปอร์ตรงนั้นล่ะกัน”

ถ้าไม่ตัดสินใจ ผมว่าคงอดหาเสื้อผ้าเปลี่ยนแน่นอน เพราะซุปเปอร์มาร์เกตนั้นเป็นแห่งเดียวในเมืองนครนายก สมัยก่อนไม่มีเซเว่นอีเลฟเว่นที่ตั้งกลาดเกลื่อนทั่วทุกซอกทุกมุมของเมืองตลอด 24 ชั่วโมง ผมหยิบเสื้อยืด กางเกงในอย่างละตัว ก่อนลังเลวางแผนว่าจะจำเป็นนอนค้างอ้างแรมอีกหรือไม่ จากนั้นคว้าเสื้อยืดอีกตัวกันเน่า ส่วนกางเกงในใช้สลับหน้าตามสไตล์ผู้ชายสมัยลงค่ายฝึกวิชาทหารที่เขาชนไก่ จังหวัดกาญจนบุรี

“เดี๋ยวแวะซื้อหนังสือพิมพ์ก่อนพี่” ผมเดินผ่านแผงพอดี

ทุกฉบับพาดหัวยักษ์ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เล่นสีสันสะดุดตาน่าสนใจกว่าใครเพื่อน

กลืน 21 ศพ “วังตะไคร้”

“น้ำป่า”พิโรธ ถมจากเขา กวาดเกลี้ยง แดนสวรรค์ ฉิ่งฉบับทัวร์ เป็นนรกทันที

“ฉิบหาย” ผมชะงัก

“อะไรวะ” รุ่นพี่ต่างสำนักสงสัย

“มันนับยังไง 21 ศพ ในเมื่อผู้ว่าฯยันเองมีแค่ 17 ศพ”

“เออ นั่นสิ มั่วเปล่าวะ” ไชยรัตน์ถึงบางอ้อ “แล้วสยามโพสต์ล่ะว่าไง”

แผงหนังสือพิมพ์ต่างจังหวัด หนังสือหัวเล็กไม่ได้หาง่าย แต่โชคดีที่ผมเจออยู่ฉบับเดียว สยามโพสต์ฉบับวันที่ 26 กันยายน 2537 ทำให้ผมรู้ว่า มาไม่เสียเที่ยว “คนนับพันหนีตายน้ำป่า ถล่มวังตะไคร้ดับ-หาย 42” เนื้อหาข่าวส่วนใหญ่มีทั้งที่ผมส่งปากเปล่าทางโทรศัพท์กับของนักข่าวภูมิภาคในพื้นที่

เสร็จสรรพ เราทั้งคู่ไปนั่งซดต้มเลือดหมู กับข้าวสวยร้อน ๆ คนละชามแล้วผมก็ทำหน้าที่โชเฟอร์ขับรถมุ่งหน้าอุทยานวังตะไคร้ใช้เวลาเพียง 15 นาที ความคึกคักจ้าละหวั่นเมื่อวันวานหายไปจากท้องถนน แหล่งท่องเที่ยวดังปิดให้บริการ อนุญาตให้เจ้าหน้าที่เข้าสำรวจความเสียหาย นักข่าวจากส่วนกลางทั้งทีวี วิทยุ และหนังสือพิมพ์ยังปักหลักเกาะติดสถานการณ์อยู่ด้านหน้า

กว่าจะเจรจาเข้าไปข้างในได้ใช้เวลาอยู่พอสมควร

“แม่งยิ่งปิด ก็ยิ่งเน่า” ผมคิดในใจ ประสบการณ์จากโรงงานตุ๊กตาเคเดอร์เป็นอุทาหรณ์ผู้ประกอบการเป็นอย่างดี

“อ้าว เฮ้ยพี่ป๋อม มาตั้งแต่เมื่อไหร่”

“เฮ้ยไอ้ป๋อม” ไชยรัตน์ทักแทบจะพร้อมกัน

ไกรพงศ์ อาทรธำรงค์ นักข่าวหน้าปานหนังสือพิมพ์แนวหน้าประจำกองบังคับการปราบปรามหอบร่างอันผอมเกร็งเดินป้วนเปี้ยนอยู่หน้าอุทยานเช่นกัน เขายิ้มทันทีเมื่อเห็นพวกเรา “เมื่อวานแล้ว”

“แล้วพักที่ไหน” ผมกับเขาและไชยรัตน์เคยร่วมสนามโรงงานตุ๊กตานรกมาด้วยกัน “ในเมือง แล้วโต้งกับจ๋าล่ะ”

“ก็ในเมือง แต่ไม่ยักเจอกันเนอะ” ต่างฝ่ายต่างหัวเราะ

“เข้าไปข้างในกันเถอะ”

สัมผัสแรก ผมนึกถึงงานรับน้องคณะนิเทศศาสตร์ปี 1 ชีวิตแรกรุ่นชั้นอุดมศึกษาของมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ใช้อุทยานแห่งนี้เป็นสถานที่รองรับ นักศึกษาเฟรชชี่หนุ่มสาวถูกรุ่นพี่แกล้งตั้งแต่ลงจากรถบัส ผมสะบักสะบอมกว่าใคร เพราะโดนยัดเยียดข้อหาหมั่นไส้ควงสาวสวยแทบเป็นเงาตามตัว

หน้าตาถูกป้ายสีเละ แถมโดนผูกตาบังคับให้กินอะไรจนแทบอ้วก โดยเฉพาะขนมจีนใส่น้ำมันพืช ให้ผมมโนภาพเป็นตัวไส้เดือนคลุกน้ำมัน แต่ก็ต้องฝืนกลืนลงคอ

“ทำไมไม่ไปประกวดดาวคณะกับเขาล่ะ ตัวเองสวยกว่าคนที่ได้ตั้งเยอะ” ผมถามเธอในตอนค่ำที่มีการประกวดสาวสวยน้องใหม่ไปเป็นตัวแทนคณะเพื่อชิงตำแหน่งดาวของมหาวิทยาลัย

“แล้วตัวเองจะให้ไปประกวดหรือ”

ผมส่ายหน้า

“ไม่หรอก เค้าไม่อยากเด่น ไม่อยากดัง ไม่อยากเป็นดาว ไม่อยากเป็นดารา อยู่แบบธรรมดาดีกว่า และถ้าไปสมัครประกวดเราก็ไม่ได้มานั่งอยู่ด้วยกันซิ” เธอให้เหตุผลปนรอยยิ้มแห่งความจริงใจ

ฉากหนังม้วนเก่ากลับมา ผมมองหาพื้นสนามที่ถูกกางเต็นท์พักแรมของเหล่านักศึกษาปีแรก พวกเขาแยกชายหญิง แต่ผมดันแหวกกฎไปนอนแอบอิงอยู่ด้วยกันตลอดคืน

น่าขำ ผมมันดีเกินไป

“เฮ้ย ตามมา” หนุ่มนักข่าวเจ้าของฉายาสายลับสองหน้าเรียก เหมือนเคาะกะโหลกคืนความเป็นปัจจุบันกลับมา พวกเราเสี่ยงเดินเลาะลำธารขึ้นเขามุ่งสู่ยอดน้ำตกทรัพย์โสภา ชนวนเหตุของแอ่งกระทะที่รับน้ำไม่อยู่แล้วพังทลายลงมา การสำรวจเที่ยวนี้ต้องปีนไต่ตามโขดหิน มีเศษซากต้นไม้ล้มระเนนระนาด ยิ่งชัน เสียงของน้ำยิ่งแรงดังขึ้นจนดูน่ากลัว

เงยหน้าเห็นระยะทางอีกไกล เมฆครึ้มกลับมาเยือนอีกแล้ว

“ลงเหอะ” ทุกคนมีมติ “แค่นี้ก็เอาไปเขียนข่าวได้แล้ว”

ผมนอนค้างอีก 2 วันเที่ยวนี้กองรวมกันกับทีมข่าวเดอะเนชั่นเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย เนื่องจากสำนักข่าวหัวภาษาอังกฤษมีสวัสดิการเบิกจ่ายได้ทั้งหมด

ย่างสู่วันที่ 4 ผมโทรศัพท์เข้าโรงพิมพ์เพื่อจะถามว่า อนุญาตให้ผมอยู่ต่อหรือไม่ เสียงเอ็ดตะโรก้องมากระแทกหู “ไม่ต้องแล้ว รีบกลับมาเลย ปล่อยให้สติงเกอร์ทำไป” หัวหน้าอัมพร พิมพ์พิพัฒน์ลั่นคำบัญชา “งานใหญ่ที่ให้เอ็งทำที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ลืมหรือ”

“ครับ ขอโทษทีพี่ ผมลืมสนิท”

“เออ เพราะเอ็งต้องส่งฉบับวันศุกร์นี้นะอย่าลืมสิ”

ผมมีเวลาเพียงวันเดียวกับสกู๊ปชิ้นสำคัญที่หัวหน้ากำชับไว้ก่อนวังตะไคร้ถูกน้ำป่าถล่ม ผมดันชะล่าใจเที่ยวเพลิน

หรือว่าวังตะไคร้มันมีอาถรรพณ์ ทำผมฝันถึงวันเก่า

 

RELATED ARTICLES