“ตราบใดที่ตำรวจกลัวอิทธิพลแล้วประชาชนจะอยู่กันได้อย่างไร”

 

หากจะเอ่ยชื่อ “คงเดช ชูศรี” ในวงการตำรวจรุ่นเก่าหลายคนคงไม่มีใครกล้าปฏิเสธฝีมือและชื่อชั้นระดับอาจารย์นักสืบ มือปราบท่านนี้ ถึงขนาดถูกตั้งฉายาว่า “อาจารย์คง”  นายตำรวจผู้ไม่เคยหวั่นเกรงอิทธิพล สามารถเป็นต้นแบบของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ยุคใหม่ได้อย่างดี เด็ดหัวโจรร้ายในเมืองหลวงมานักต่อนัก

จากเด็กนักเรียนหนุ่มโรงเรียนโยธินบูรณะเบนเข็มเลือกสอบเข้าเรียนโรงเรียนเตรียมทหาร สมัครเหล่านายร้อยตำรวจสามพรานจนจบรุ่นที่ 17 รุ่นเดียวกับ พล.ต.ท.ล้วน ปานรศทิพ พล.ต.ต.ธวัชชัย พรหมประสิทธิ์ พล.ต.ต.นุกูล โสมทัต

รับราชการครั้งแรกเป็นผู้บังคับหมวด ทำหน้าที่หัวหน้า นปพ.สภ.อ.เมืองราชบุรี เป็น สวญ.สน.สน.ห้วยขวาง และ สวญ.สน.ชนะสงคราม ก่อนขยับขึ้น รอง ผกก.สส.น.เหนือ ซึมซับวิชานักสืบนานกว่า  6 ปี ถึงเลื่อนเป็น ผกก.น.3 และ รอง ผบก.น.เหนือ ตามลำดับ นั่งเก้าอี้ รอง ผบก.อยู่หลายปีกว่าจะติดยศ “นายพล” ตำแหน่ง ผบก.ภ.จ.ชลบุรี แล้วกลับถิ่นเก่านครบาลเป็น ผบก.น.1 กระทั่งย้ายขึ้น รอง ผบช.ก. ตำแหน่งสุดท้ายก่อนเกษียณอายุราชการเมื่อปี 2543

ผลงานของ พล.ต.ต.คงเดช มีมากมาย เริ่มตั้งแต่ เป็นหัวหน้าคณะสืบสวนจับกุมคดีทุจริตเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เมื่อปี 2530  คลายปมตามจับนายวิศณุ เทพเจริญ กับพวกที่ใช้อาวุธสงครามถล่มฆ่า พ.ต.ท.ขจรเดช พวงสงวนวงศ์ ที่ จ.อุดรธานี สืบสวนจับ จ.ส.ต.ธีระชัย ป้อมปิด กับพวก ในคดีปล้นฆ่านายรุ่งโรจน์ สังข์อุไร แก๊งคนร้ายข้ามชาติส่งผู้หญิงไปทำงานญี่ปุ่น จับกุม ด.ต.ศรีเดช ตุ้ยศักดา กับพวกร่วมกันฆ่านายศุภกร จรัสเสถียร หรือ กำนันตง อดีต ส.ส.มหาสารคาม บิดา นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ อีกทั้งสืบสวนคลายคดีฆ่านายไชยศิริ เรืองกาญจนเศรษฐ หรือตั้งฮั้ว อดีต ส.ส.อุบลราชธานี ที่มีนายนิรันดร เรืองกาญจนเศรษฐ ลูกชายแท้ ๆ อยู่เบื้องหลัง

เป็นคณะทำงานสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีสังหารนายแสงชัย สุนทรวัฒน์ ผอ.อสมท. จนกระชากโฉมหน้าทีมนักฆ่าและผู้บงการ คือ นางอุบล บุญชโลทร เจ้าแม่รายการวิทยุชื่อดังฝั่งภาคอีสาน แกะรอยคดียิง พ.ญ.นิชรี มะกรสาร สามารถรวบตัวนายสุขุม เชิดชื่น อดีต ส.ว.กับพวก เป็นผลสำเร็จ รวมถึงคดีฆ่าชำแหละศพน.ส.เจนจิรา พลอยองุ่นศรี นักศึกษาแพทย์ ที่นายเสริม สาครราษฎร์ แฟนหนุ่มนักศึกษาแพทย์เป็นฆาตกรโหด

“ผมคลุกคลีงานนักสืบจริง ๆ สมัยเป็นรองผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนนครบาลเหนือ มีลูกน้องที่ปัจจุบันเติบโตอยู่ในวงการมากมาย อาทิ  ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา พีระ บุญเลี้ยง บรรดล ตัณฑไพบูลย์ ปรีชา ธิมามนตรี สมศักดิ์ แสนชื่น และ สฤษฎ์ชัย เอนกเวียง ” พล.ต.ต.คงเดช เริ่มต้นเล่าความหลัง

คดีแรกที่ทำ กลายเป็นตำนานมรดกตระกูลเลือดอันโด่งดังในคดียิง น.ส.กุสุมา ธรรมวัฒนะ ลูกสาวนางสุวพีร์ ธรรมวัฒนะ เจ้าของตลาดยิ่งเจริญ ที่เข้าไปสืบสวนคลี่คลายปมจนสามารถจับกุมมือปืนและผู้จ้างวานเป็นอาแท้ๆ ของเธอเองตลอดระยะหลายสิบปีในชีวิตนักสืบ พล.ต.ต.คงเดช บอกว่า แทบไม่มีเวลาให้กับครอบครัว บ้านต้องกลายเป็นที่ทำงาน ทำเป็นเซฟเฮาส์ ลูกเต้าต้องคอยหลบ เพราะคนเต็มบ้านไปหมด หลายต่อหลายครั้งต้องเผชิญหน้ากับผู้มีอิทธิพล เจ้าพ่อ นายบ่อน หรือแม้กระทั่งนายของตัวเอง

“แต่ผมไม่เคยหวั่น เพราะคิดอยู่เสมอว่า ตราบใดที่ตำรวจกลัวอิทธิพลแล้วประชาชนจะอยู่กันได้อย่างไร” 

เขาเคยได้รับมอบหมายให้ติดตามจับกุมนายโส ธนวิสุทธิ์ ผู้กว้างขวางคนดังที่ตกเป็นผู้ต้องหาพัวพันคดีฆ่าผู้จัดการส่วนตัวของพระเอกหนุ่มทูน หิรัญทรัพย์ และคดียิงนายทวีพงศ์ มณีนิล นักแต่งเพลงชื่อดัง กับอีกหลายคดีติดตัว ผู้ต้องหารายนี้หนีไปอยู่ประเทศสหรัฐอเมริกากับ “เสี่ยโต้ง” นายกำพล ตันสัจจา  พล.ต.อ.ณรงค์ มหานนท์ อ.ตร. จึงส่ง พ.ต.อ.ประยูร โกมารกุล ณ นคร เป็นหัวคณะ พร้อมด้วย พ.ต.ท.โรจนา นาเจริญ เป็นล่าม และ พ.ต.ท.คงเดช ชูศรี ซึ่งดำรงตำแหน่งรอง ผกก.สส.น.เหนือ เดินทางไปประสานงานกับเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจตำรวจสากลของสหรัฐอเมริกา จัดโรงแรมให้พักเรียบร้อยเพื่อรอไปจับกุมตอนเช้า

“ด้วยความใจร้อนของผม กลัวมันไม่อยู่แล้วจะทำอย่างไร ผมตื่นเช้าจึงใส่ชุดวอร์มออกไปวิ่งออกกำลังกายเพื่อดูอพาร์ตเมนต์ที่นายโสกับเสี่ยโต้งพักอยู่ บังเอิญไปถึงทั้งคู่ลงมาขึ้นรถขับออกมาเติมน้ำมันด้านหน้าอพาร์ตเมนต์พอดี คิดอยู่นานว่า หากปล่อยไปเดี๋ยวหนีเลยตัดสินใจเข้ายึดกุญแจรถเอาไว้ก่อน” ทั้งคู่โวยวายลั่นปั๊ม“ผมเลยบอกไม่มีอะไร เราเป็นคนไทย เป็นตำรวจด้วยจะมาจับมึง” ทำเอานายโส ยืนงง ไม่คิดว่าจะเจอตำรวจไทยบ้าดีเดือดนั่งเครื่องบินมาตามจับถึงอเมริกา แต่ยังไม่ทันที่จะเข้าล็อกตัว ตำรวจลอสแองเจอลิสยกกำลังมาพอดีจัดแจงรวบคู่ความทั้งหมดใส่กุญแจมือผลักเข้ารถไปโรงพัก “กว่าจะเจรจากันรู้เรื่อง เล่นเอาเกือบชั่วโมง ด้วยวิญญาณความเป็นนักสืบของเราแท้ ๆ” พล.ต.ต.คงเดช ย้อนภาพแบบติดตลก

อดีตนายตำรวจมือปราบชั้นครูยังเล่าเรื่องสมัยนั่งเก้าอี้ ผกก.น.3 คุมพื้นที่หลายโรงพักทำเลทอง ตั้งแต่ ดุสิต สามเสน มักกะสัน ห้วยขวาง ชนะสงคราม และพญาไท ที่ยุคนั้นบ่อนการพนันกำลังเลื่องชื่อโดยเฉพาะบ่อน “ปอ ประตูน้ำ” การเข้าจับกุมไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะเจ้าของบ่อนสร้างประตูเหล็กกั้นอย่างดี มีวงจรปิดจับตาดูความเคลื่อนไหว แถมมีตำรวจบางคนคอยเป็น “สายข่าว” พอจะรวมกำลังเข้าจับกุมก็ข่าวรั่วอยู่เป็นประจำ

“เขาเคยเสนอให้เดือนตั้ง 2-3แสน แต่เราเอาไม่ได้ เพราะขืนเอา มีหวังเปิดกันเป็นตลาดนัด  ไม่เกรงใจตำรวจ ผมเลยบอกว่า เฮ้ยกูไม่เอานะ กูไม่ยุ่ง ส่วนคนอื่นจะเอา สารวัตร นายสิบ พลตำรวจ ใครจะเอาเรื่องของมัน แต่อย่าให้มีเรื่อง บางทีเราก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นมันบ้าง ลำพังเราเองเป็นผู้กำกับคงไม่มีเงินไปแจกจ่ายลูกน้องได้มากขนาดนั้น”แต่ก็มีผลงานจับกุมเดือนละหลายร้อยคน “ช่วงไหนชักแรง บอกให้หยุด ต้องหยุด จะมีอะไรกับเด็ก ๆ ไม่ว่ากัน ให้หยุด ต้องหยุด เลิกเป็นเลิก ถ้าขืนขัดขืน ก็อยู่ร่วมโลกกันไม่ได้” พล.ต.ต.คงเดชบอกแล้วก็มาถึงวันเหตุการณ์ที่เกือบจะกลายเป็นความบาดหมางระหว่างนครบาลกับกองปราบปรามที่นายพลตำรวจมือปราบชื่อดังท่านนี้ไม่เคยลืมวันนั้น

มีคดีนักศึกษาพยาบาล รพ.รามาธิบดี รับจ้างเฝ้าไข้แล้วกลับเข้าหอพักของโรงพยาบาลตอน 5-6 ทุ่ม ลงสถานีรถไฟจิตรลดาจะเข้าด้านหลัง แต่ประตูดันปิดต้องเดินเลาะทางรถไฟไปเข้าด้านหน้า กลับเจอคนร้ายติดยาเสพติดแถวริมทางรถไฟยมราชลากไปข่มขืนเสร็จแล้วเอากระเป๋าตังค์ไปด้วย มีบัตรเอทีเอ็ม และเบอร์โทรศัพท์ ต่อมาคนร้ายโทรศัพท์ไปหาเหยื่อถามว่า อยากได้บัตรคืนไหม ให้เอาเงินมาไถ่ 2 หมื่นบาท พยาบาลสาวไม่กล้าบอกใคร เครียดมาก คนร้ายยิ่งโทรมาเซ้าซี้ บอกถ้าไม่ให้จะเอาบัตรไปติดประกาศหน้าโรงพยาบาล เธอจึงไปปรึกษาอาจารย์ฝ่ายปกครองของโรงพยาบาลพามาหา น.พ.สุชาติ อินทรประสิทธิ์ ผอ.รพ.รามาธิบดี ศิษย์เก่าโรงเรียนโยธินบูรณะรุ่นเดียวกันจึงพาผู้เสียหายและอาจารย์ฝ่ายปกคองเข้าหารือเป็นการส่วนตัวที่บ้าน

“บอกมีเรื่องเดือดร้อนมาก ไม่ให้อื้อฉาวได้ไหม เป็นคดีขึ้นศาล เบิกความก็อายเขา ผมก็เลยวางแผนต่อรองให้เหลือ 8 พันบาท เนื่องจากเป็นนักเรียนแพทย์ไม่มีเงิน คนร้ายยอมตามข้อเสนอจึงนัดหมายกัน 5 ทุ่มเพื่อส่งเงินที่ด้านหลังสถานีรถไฟจิตรลดาผมนำกำลังฝ่ายสืบสวนโรงพักพญาไทไปซุ่มดัก พอพยาบาลเห็นคนร้ายออกมาก็ส่งสัญญาณเอามือจับหูขวาว่า ใช่แน่ ตำรวจจึงวิ่งเข้าชาร์จ มันวิ่งหนีไปตามทางรถไฟ ชักปืนลูกซองยิงใส่มา  สารวัตรโกสินทร์ หินเธาว์  วิ่งกวดไปเลยยิงสวนตอบโต้กลับไป ส่งผลให้คนร้ายตายคาที่”

ระหว่างกำลังชุลมุนพิสูจน์ศพวิสามัญฆาตกรรม ก็มีรายงานเข้ามาว่า บ่อนปอ ประตูน้ำถูกกองปราบปรามบุก จึงยกกำลังทั้งหมดที่อยู่ในที่เกิดเหตุเดินทางไปพร้อมทีมสนับสนุนจาก 5 โรงพักร่วม 200 นายไปล้อมอีกฝั่งอาคารที่พวกนักพนันเดินทะลุได้ ผลสุดท้ายกว่ากองปราบปรามจะเจาะประตูเหล็กเข้าไปจับผู้ต้องหาได้แค่คนแถวนั้นเพียง 18 คน แต่ตำรวจท้องที่ที่ชำนาญจุดมากกว่าสามารถจับได้ 138 คน การยื้อแย่งผู้ต้องหาของตำรวจ 2 หน่วยจึงเกิดขึ้น เนื่องจากผู้บังคับบัญชาฝั่งกองปราบปรามอ้างว่านครบาลชุบมือเปิป ปะทะคารมกันพักใหญ่ ก่อนรอมชอมตกลงนำผู้ต้องหาทั้งหมดไปดำเนินคดีลงประจำวันร่วมกันจับที่โรงพักพญาไท

พอรถบัสขนนักพนันมาถึงหน้าโรงพัก ตำรวจกองปราบปรามกลับเอารถสายตรวจมาจอดขวางประตูและสั่งให้เอาผู้ต้องหาไปกองปราบฯให้หมด“ผมบอกไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของผู้ต้องหาที่เราจับตามอำนาจหน้าที่ กองปราบฯ ไม่มีสิทธิเอาผู้ต้องหาไปสอบที่อื่น เพราะยังไม่ได้เช็คว่าใครชื่ออะไร ถ้าเกิดเอาไป 10 คนแล้วหายไป 5 คนใครจะรับผิดชอบ”เจ้าหน้าที่ตำรวจคอมมานโด 50 นายพร้อมอาวุธยืนคุมสถานการณ์เครียด ขณะที่ ฝ่ายนครบาลประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ 191 ตามมาสมทบ

“คืนนั้นถ้าปืนลั่นนัดเดียวสงสัยยิงกันเละ” 

บรรยากาศกำลังหน้าสิ่วหน้าขวาน พล.ต.ต.คงเดช เล่าว่า “มีนายพลตำรวจคนหนึ่งนั่งรถเบนซ์แซงหน้ารถตำรวจสายตรวจเข้ามาจอด พอลงจากรถก็ตรงเข้าผลักอกผม บอกลื๊อมาขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงาน ผิดคดีอาญานะ ผมปัดมืดทันที บอก ผมไม่ได้ตำรวจเจ๊ก มาลื๊อ อั๊วกับผมได้ไง ผมเป็นตำรวจในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คุณแหละไปใคร ใส่รองเท้าแตะมาลื้ออั๊วกับผม”นายพลตำรวจนอกเครื่องแบบท่านนั้นโกรธตัวสั่น เพราะโดนจวกต่อหน้าคนนับร้อย ต่อหน้านักข่าวอีกหลายสำนัก

“ผมย้อนไปว่า คุณไม่รู้ข้อเท็จจริง คุณกลับไปเลย แต่ถ้าคุณจะเอาผู้ต้องหาไป แค่ล้อหมุน คุณจะรู้เองว่าอะไรจะเกิดขึ้น” นายพลระดับผู้บัญชาการท่านนั้นสวนทันทีว่า “คุณจะยิงผมเหรอ”“ผมบอกว่า ไม่ได้จะยิง แค่ว่า ถ้าล้อหมุนแม้แต่นิดเดียว อะไรจะเกิดขึ้น ไม่เชื่อคุณสั่งซิ เอาให้รถเคลื่อน เขากลับไม่กล้าสั่ง ปากสั่น เดินงุ่นง่านขึ้นรถปิดประตูไปหารัฐมนตรีมหาดไทยใส่ไฟให้ย้ายผม ภายใน 24 ชั่วโมงข้อหากระด้างกระเดื่อง กร้าวร้าวขัดขวางการจับกุม มีผลประโยชน์กับบ่อนการพนัน คงคิดว่า ผมไปขวางเพราะรับเงินอยู่ ทั้งที่จริงมันคนละเรื่องกัน”

“มันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีมากกว่า” อดีตมือปราบนครบาลชื่อดังพูดอย่างภาคภูมิใจเรื่องราวที่ตกเป็นข่าวครึกโครมคืนวันนั้น พล.ต.อ.เภา สารสิน อ.ตร.เรียก เข้าไปชี้แจงข้อเท็จจริง มีการตั้งกรรมการสอบสวน ก่อนมีคำสั่งว่าไม่มีความผิด ให้ยุติเรื่อง “ปรากฏว่า ผมถูกอาฆาตมาตลอด พอนายตำรวจคนนั้นมีอำนาจจะเสนอย้ายผมจากตำแหน่งรองผู้การเหนือ ไปเป็น รองผู้การดับเพลิง แต่บอร์ด ก.ตร.ไม่เห็นด้วยที่จะย้ายมือสืบสวน มือปราบ ประธาน ก.ตร.ยังท้วงว่า ผมมีความเชี่ยวชาญทางด้านการสืบสวนปราบปราม ไม่ได้มีความรู้ด้านเทคนิค จะให้ไปอยู่ดับเพลิงไม่ได้ จำเป็นต้องเอาคนที่มีความรู้ด้านดับเพลิงไปอยู่”

ผลสุดท้ายโหวตแล้วไม่ผ่านบ่อนดังประตูน้ำยังเป็นชนวนสำคัญให้มือปราบนครบาลต้องเผชิญหน้ากับเจ้าพ่อเมืองกรุง ชนิดที่หัวหน้ามาเฟียใหญ่ในยุคนั้นต้องยอมสยบ พล.ต.ต.คงเดชบอกว่า บ่อนประตูน้ำ หลังทลายกันมาหลายยก เม้ง ท่าดินแดง มาเช่าทำเป็นเจ้าของขอน มี ปุ่น ประตูน้ำ กับนายแคล้ว ธนิกุล ไปเล่นพนัน เมื่อแทงถูกเอา แต่เสียลงบัญชีไว้ พอหนักเข้าเลยทะเลาะกันมีผู้ใหญ่ระดับนายทหารนัดเคลียร์ ให้ไปเจอกันที่ลานจอดรถหลังบ่อนประตูน้ำ เจ้าพ่อเมืองหลวงขนกำลังไป 3-4 คันรถ ส่วนใหญ่เป็นตำรวจ-ทหาร ฝ่ายตรงข้ามมี ส.ห. ขณะที่อีกกลุ่มเอานักเลงจากเมืองชลบุรีมาเตรียมฉะกันให้รู้ดำรู้แดงกันไปข้างหนึ่งตำรวจได้ข่าวพอดีจึงยกกำลังไปซุ่ม พอนายแคล้วกับพวกมาจึงตัดสินใจปิดล้อมตรวจค้นจับกุมทั้งลูกพี่และลูกสมุนดำเนินคดีข้อหาอาวุธปืนและซ่องโจรนำควบคุมตัว ไปขังไว้ สน.ดุสิต มีนักการเมือง นายทหาร คนดังวงการมวยมาเยี่ยมกันเต็มโรงพัก

“เราบอกแคล้วว่า ที่จับครั้งนี้เพื่อสั่งสอน ไม่ให้ซ่าส์ ในพื้นที่นี้ คนที่ใหญ่สุดคือผู้กำกับ นักเลงจะมาใหญ่กว่าตำรวจได้อย่างไร เจ้าพ่อตัวจริง คือกู ไม่ใช่มึง ถ้าจะมาแบบนอบน้อมถ่อมตน ถ้อยทีถ้อยอาศัยเราไม่ว่า เล่นมากร่างใหญ่กว่า อย่างนี้อยู่ร่วมโลกกันไม่ได้”

เจ้าพ่อใหญ่คนดังก้มหน้ารับปากยอมเลิกรา “หลังจากนั้นเพียงแค่ 3 เดือน เขาไปจัดงานวันเกิด จัดเวทีใหญ่ยิ่งกว่าเวทีคอนเสิร์ต ขึ้นไปร้องเพลง พี่มีแต่ให้ ร้องเสร็จคงเมา ประกาศลั่นว่า ถนนสายนี้กูยังเดินไม่ได้ หากไอ้คงเดช ยังมีชีวิตอยู่” กล้าประกาศบนเวทีต่อหน้าแขกนับร้อย “มีลูกน้องมาเล่าให้ฟัง ผมยังนั่งคิดเล่น ๆ เลยว่า โจรมันจะฆ่าตำรวจ หรือตำรวจจะฆ่าโจรดีว่ะ” นายพลมือปราบรำลึกเหมือนเหตุการณ์เพิ่งผ่านมาไม่นาน

ไม่กี่เดือนต่อมาก็ถึงวันดับเจ้าพ่อเมืองหลวง แคล้ว ธนิกุล

ถามว่าประทับใจการสืบสวนคดีไหนมากที่สุดตำนานนักสืบรุ่นเก่าตอบไม่ลังเลว่า เป็นคดีสังหาร นายแสงชัย สุนทรวัฒน์ ผอ.อสมท. ที่สืบสวนกันมานาน มีตำรวจหลายหน่วยระดมกันทำ แต่ด้วยความฟลุกของนครบาล โดยการขยายผลมือปืนจากคดียิงเจ้าของร้านขายเครื่องสุขภัณฑ์ ท้องที่ สน.บางชัน กระทั่งประสบความสำเร็จพิชิตคดีประวัติศาสตร์เมื่อปี 2539 ชนิดที่นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ยังจะไม่เชื่อ  เพราะพวกเขาสืบกันแทบพลิกแผ่นดิน“ประทับใจที่ร่วมกันทุ่มเททำงาน ตามกันมาตลอด”

อีกคดี คือ มือปืนยิง พ.ญ.นิชรี มะกรสาร รู้แต่แรกว่าใครเป็นคนบงการ แต่ต้องใช้เวลาสืบสวนไล่หาพยานหลักฐานกว่าจะตามจับกุมกลุ่มมือปืนก่อนสาวไปถึงนายสุขุม เชิดชื่น อดีต ส.ว. ผู้จ้างวานได้เป็นผลสำเร็จเชื่อไหมว่า ก่อนจะถึงจุดไคล์แมกซ์วันจับผู้ต้องหา“สมเด็จพระเทพฯ เรียกผมเข้าเฝ้า รับสั่งว่า คนตายเป็นอาจารย์ฉันเองนะ ทุกคดีทำกันได้ แล้วทำไมคดีนี้เอาไม่ได้ ก็รู้ ๆ กันอยู่ไม่ใช่เหรอ ช่วยกันหน่อยนะ หากยังจับคนร้ายไม่ได้ อีกหน่อยก็จะกำเริบก่อคดีอื่นอีกมากมาย”

“ผมกลับมานอนคิดหนักเลย แล้วถึงเรียกลูกน้องทั้งหมดประชุม บอกต้องทำงานถวายชีวิต  เอาตัวมาดำเนินคดีให้ได้  ในที่สุดก็ประสบความสำเร็จ” 

ทั้งหมดคือตำนานแค่เศษเสี้ยวของชีวิตอดีตนักสืบมือปราบนครบาลชื่อดังที่ไม่เคยสยบก้มหัวให้แก่อิทธิพลเถื่อน

คงเดช ชูศรี !!!

RELATED ARTICLES