ยุติธรรมอำพราง

อัตวินิบาตกรรมของ นายศุภชัย ทัฬหสุนทร อายุ 52 ปีที่ตัดสินใจกระโดดจากดาดฟ้าชั้น 8 อาคารศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เมื่อหลายเดือนก่อน

ภายหลังศาลชั้นต้นพิพากษา “ยกฟ้อง” นายณัฐพงศ์ เงินคีรี อายุ 19 ปี จำเลยคดีฆ่า นายธนิต ทัฬหสุนทร อายุ 23 ปี ลูกชายที่เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย

เรื่องราวของหัวอก ผู้เป็นพ่อ เฝ้ารอความยุติธรรมมานานกว่า 2 ปี ถึงขั้นยอมลาออกจากงานช่วยตามหาพยานหลักฐานหวังมัดตัวผู้กระทำความผิด

สุดท้ายผิดหวังไม่อาจทวงความเป็นธรรมให้แก่ลูกชายได้

ครั้งนั้น นายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม รีบแจงรายละเอียดคำพิพากษา

“คดีนี้ ศาลอาญามีคำพิพากษายกฟ้อง เนื่องจากประจักษ์พยานที่อ้างว่าเห็นเหตุการณ์และให้การไว้ในชั้นสอบสวน ไม่อาจมาเบิกความในชั้นศาลได้ เพราะอยู่ระหว่างรักษาอาการป่วยทางจิตที่โรงพยาบาล จึงต้องรับฟังคำให้การชั้นสอบสวนที่นำส่งในชั้นศาลประกอบพยานหลักฐานอื่น…”

ทว่า พยานหลักฐานอื่นยังมีน้ำหนักไม่เพียงพอที่จะฟังลงโทษจำเลยได้ เช่น ภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิดที่ปรากฏ ในชั้นศาลนั้นเห็นเเต่เพียงเหตุการณ์ปากทางเข้าซอยที่เกิดเหตุ ไม่สามารถบันทึกภาพบริเวณจุดเกิดเหตุไว้ได้

เมื่อพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว จึงมีคำพิพากษายกฟ้อง

ขณะที่ นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ยืนยันว่า อัยการเจ้าของสำนวนสั่งคดีและฟ้องคดีไปโดยครบถ้วนทำหน้าที่ไม่มีข้อบกพร่อง พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 4 ที่ร่วมเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยรับสำนวนตอนแรกเห็นแล้ว

สำนวนมีข้อบกพร่อง ขาดภาพกล้องวงจรปิดที่บันทึกภาพขณะผู้ตายถูกทำร้าย

แม้จะมีประจักษ์พยานคือ นายพีรวัชญ์ ปุตตะจินารักษ์ อายุ 24 ปี เห็นเหตุการณ์เบิกความในชั้นสอบสวน

ทว่าพยานปากสำคัญปากเดียวกลับป่วยมีอาการทางจิต รักษาอยู่โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา พร้อมมีใบรับรองแพทย์มายืนยัน

ไม่ได้มาขึ้นเบิกความให้ทนายฝ่ายจำเลยซักค้าน

 พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการให้รื้อสำนวนเก่ามาทบทวน ในขณะนั้น มี พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล มอบหมาย พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เป็นหัวหน้า ร่วมกับ พล.ต.ต.เสนิต สำราญสำรวจกิจ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บังคับการสืบสวนตำรวจนครบาล เป็นคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริง

หาข้อบกพร่องในสำนวนการสอบสวนที่เป็น “ช่องโหว่” ของพยานหลักฐานจนไม่มีน้ำหนักน่าเชื่อถือเพียงพอจะพิสูจน์ได้ว่า

จำเลยกระทำความผิดจริงตามที่เสนอสั่งฟ้องต่อพนักงานอัยการ

ปรากฏดูเหมือนว่า “ช่องโหว่” เพิ่งมาโผล่เอาตอนที่ตำรวจโรงพักประเวศร่วมกันจับกุมแก๊งคนร้ายปล้นทรัพย์ และทำร้ายร่างกาย นายนรพร พรหมบุตร อายุ 39 ปี วิศวกรยานยนต์ หน้าร้านถ่ายภาพสปายดิจิตอล ถนนศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร

หนึ่งในคนร้ายคือ นายพีรวิชญ์ ปุตตะจินารักษ์ อายุ 24 ปี พยานปากเดียวในคดีฆ่า นายธนิต ทัฬหสุนทร อายุ 23 ปี ลูกชายที่เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย

พยานที่ถูกระบุ ป่วยทางจิต รักษาอยู่โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา มีใบรับรองแพทย์ยืนยัน

ไม่สามารถขึ้นเบิกความในชั้นศาลได้

แถมตำรวจประเวศขยายผลยังพบมีประวัติก่อคดีปล้นทรัพย์มาโชกโชน  7 คดีในท้องที่สถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน

ตอกย้ำกระบวนการยุติธรรมอำพราง สร้างความปวดร้าวแก่ครอบครัว “ทัฬสุนทร” ขึ้นมาอีกครั้ง

 

 

 

 

RELATED ARTICLES