เมื่อมิตรภาพจืดจาง คำว่า “เพื่อน” ก็จางหายไป

มิตรภาพมีค่ายิ่งใหญ่มากกว่าชื่อถนนจริงหรือ

คำว่า “เพื่อน” เป็นแล้วรักษาไม่หายจริงหรือเปล่า

เรื่องราวความขัดแย้งแตกคอกันระหว่าง “เพื่อนรัก” มักเห็นกันบ่อยในสังคมทั่วโลก เหตุผลของความไม่ลงรอยนำไปสู่ความบาดหมางล้วนเกิดจากอารมณ์ความรู้สึกที่มี “ความรัก” และ “ผลประโยชน์” เข้ามาครอบงำ

วงการตำรวจก็เช่นเดียวกัน

“เพื่อนจืดจาง” เหมือนต้นไม้เปลี่ยนกระถางทำความสัมพันธ์เปลี่ยนไป ทั้งที่หลายคนเคยร่วมกินนอนบุกฝ่าอุปสรรคความเหน็ดเหนื่อยมาด้วยกันตั้งแต่สมัยอยู่โรงเรียนนายร้อยตำรวจตลอดระยะเวลา 4 ปี บางคนแถมอีก 2 ปีที่มีชีวิตรุ่นอยู่โรงเรียนเตรียมทหาร

ก่อนจะมาชิงหลักจ้องประหัตประหารตอน “ขั้วเก้าอี้” สำคัญในตำแหน่งใหญ่ขององค์กร

มองหน้ากันไม่สนิทใจ

บางคนประกาศ “ไม่เผาผี” ยามเพื่อนซี้ตายจากกัน ลบอดีตความผูกผัน ยากที่จะ “สมานฉันท์”คืนกลับมาดังเดิม

ตัวอย่างมีให้เห็นหลายคู่ และกำลังจะมีให้เห็นอยู่ตลอดในสังคมคนสีกากี ราวกับมี “มนต์ดำ” บางอย่างบังตา

กำหนดมาสร้างปฏิบัติการหักเหลี่ยมในบั้นปลายชีวิต

รอยร้าวระหว่าง เพื่อนรักร่วมรุ่น ที่จืดจางรายล่าสุดและทำท่าจะหยุดฉุดเอาไปอยู่ แม้จะเกิดนอกอาณาจักรปทุมวัน ทว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่รู้กันดีมาตั้งแต่สมัยรับราชการตำรวจ

เพื่อนรักนักกีฬาลูกหนังที่เคยเคียงข้างบนสังเวียนหญ้าตั้งแต่วัยหนุ่มสวมชุดแข่งในนามโรงเรียนนายร้อยตำรวจ

เป็นเรื่องราวขาดสะบั้นของเพื่อนนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 31 ระหว่าง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ที่ประกาศตัดเยื่อใย พล.ต.ท.พิสัณห์ จุลดิลก

อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกับอดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8

ผลพวงปะทุจากความขัดแย้งภายในสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยที่อีกฝ่ายนั่งกุมบังเหียนเป็นนายก อีกฝ่ายเป็นเลขาธิการมือที่เคยทำงานด้วยกัน

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ก้าวขึ้นนั่งประมุขสมาคมลูกหนังไทยคนที่ 17 ด้วยแรงสนับสนุนของ พล.ต.ท.พิสัณฑ์ จุลดิลก เพื่อนที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการฟุตบอลมานาน ถือเป็น “กุนซือ” อยู่เบื้องหลังการโค่น “อำนาจเก่า”ของ “บังยี” วรวีร์ มะกูดี ได้อย่างราบคาบเมื่อปี 2559

ส่งผลให้ พล.ต.ท.พิสัณฑ์ จุลดิลก รับตำแหน่งเลขาธิการสมาคมฟุตบอล เก้าอี้ระดับ “มันสมอง” ที่มีหน้าที่ขับเคลื่อนการบริหารงานขององค์กรลูกหนังชาติ

ผ่านไป 2 ปี รัศมีของอดีตแม่ทัพสีกากีกลับไม่ได้เบ่งบานใน “บทบาทใหม่” ตามแบบที่วาดไว้ เกิดปัญหายุ่งยากมากมายทำลายความน่าเชื่อของการบริหารท่ามกลางคลื่นใต้น้ำที่สะสมก่อตัวขึ้นมาทีระลอก บ่งบอกถึงความล้มเหลว

ส่วนหนึ่งมาจากลูกหนังทีมชาติที่ไร้ความสำเร็จในหลายรายการที่ลงแข่ง

มีแรงสาปแช่งจากแฟนบอลกระเซ็นกระสายเข้ามาไม่หยุด

แต่คนที่หายหน้าไม่ออกมารับ “เผือกร้อน” คือ พล.ต.ท.พิสัณฑ์ จุลดิลก เลขาธิการสมาคม เพื่อนรักของนายกเอง

จุดแตกหักของคำว่า “เพื่อน” ถึงระเบิดขึ้น เมื่อ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ลั่นปลด พล.ต.ท.พิสัณฑ์ จุลดิลก พ้นเก้าอี้เลขาธิการสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย หลังจากร่วมหอลงโรงกันมาเกือบ 3 ปี

อ้างเหตุความไม่พอใจของสภากรรมการและมวลหมู่สมาชิก

พล.ต.อ.สมยศยอมรับว่า ดันทุรังไม่ฟังเสียงค้านที่เลือกเพื่อนมานั่งตำแหน่งตั้งแต่แรก เพราะหวังประสบการณ์จากเพื่อนมาช่วยทำงานด้วยกัน ก่อนจะเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กดดันมากมาย

สุมไฟไหม้ฟางเส้นสุดท้าย

“ผมพยายามแบกมาตลอดอันเนื่องมาจากการบริหารงานที่ทำให้เกิดความแตกแยกในองค์กร จนต้องตัดสินใจ เคยนั่งทานข้าวกันแล้วเสนอเขาว่า ให้ลาออกไหม หรือจะไปเป็นประธานที่ปรึกษาจะได้สง่างาม แต่เขาไม่เอา บอกด้วยว่า สมัยหน้าจะลงชิงนายกเอง ผมเลยต้องแยกทาง” พล.ต.อ.สมยศว่า

สิ้นสุดมิตรภาพความเป็นเพื่อนที่มีมายาวนานเกือนกว่า 45 ปี

RELATED ARTICLES