หลังจากนโยบายการทำงานชูมอตโต้ “มืออาชีพ เป็นกลาง เคียงข้างประชาชน” เพื่อพัฒนาศักยภาพของหน่วยให้ดีขึ้นกว่าเดิม
สมกับเป็นหน่วยที่พึ่งสุดท้ายของประชาชน
พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช รักษาราชการแทนผู้บังคับการปราบปราม เริ่มต้นขับเคลื่อนหน่วยด้วยการส่งมอบปืนกล็อก 9 มิลลิเมตร จำนวน 477 กระบอก ให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดเพื่อใช้ในการปฏิบัติหน้าที่
เป็นปืนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดซื้อแล้วส่งมอบให้กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางนำมาใช้ “เสริมเขี้ยวเล็บ” ให้ตำรวจกองปราบปรามที่ต้องปฏิบัติภารกิจพิเศษปราบปรามอาชญากรรมเพื่อดูแลความปลอดภัยประชาชนได้อย่างเต็มความสามารถ
บรรจุอยู่ในยุทธศาสตร์งานพัฒนาด้านบุคลากรและสวัสดิการของตำรวจ
เพื่อให้ตำรวจกองปราบปรามมีชีวิตที่ดีขึ้น มีความสุขในการปฏิบัติงาน จำเป็นต้องเริ่มต้นจากการพัฒนาเครื่องไม้เครื่องมือ อาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัย ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
รุกไล่ทันโจรและแข่งกับโจรตลอดเวลา
ได้ “กองกำกับการสนับสนุน” เป็นหน่วยใหม่ตั้งขึ้นมารองรับงานจัดหาเครื่องมือพิเศษ อาวุธปืน เสื้อเกราะ อุปกรณ์ต่าง ๆ รวมถึงยานพาหนะสำหรับทำงานนอกเครื่องแบบออกสืบสวนคดีทั่วประเทศ
ผู้กองกองปราบคนใหม่มองว่า ตำรวจกองปราบปรามไม่ควรต้องเอารถส่วนตัวไปทำงาน อยากจะให้เบิก ให้ใช้รถหลวง เบิกค่าน้ำมัน เบิกค่าใช้จ่ายอะไรได้
“งบประมาณหลวง ผมคิดว่าจะทุ่มให้ลูกน้องทั้งหมดที่เราได้มา ผมอยากจะให้ไปทำงานแล้วไม่ต้องเข้าเนื้อตัวเอง” พ.ต.อ.จิรภพว่า
เจ้าตัวยังเดินหน้าสานต่อโครงการ โรงเรียนนักสืบกองปราบปราม ที่เป็นคนริเริ่มมาตั้งแต่กลับมานั่งเก้าอี้ผู้กำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม รวมถึง โรงเรียนยุทธวิธีกองปราบปราม เพื่อพัฒนาศักยภาพกำลังพลของหน่วย
เน้นการเรียนรู้ที่ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางควบคู่ไปกับการปฏิบัติ เพิ่มประสิทธิภาพในการสืบสวนจับกุมอย่างยั่งยืน คัดเลือกตัวแทนตำรวจทั่วประเทศเข้าร่วมฝึกอบรมในหลักสูตรการเรียนรู้ของกองปราบ ทำบันทึกข้อตกลงร่วมกับหน่วยงานอื่นทั้งในและต่างประเทศเพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ตามมาตรฐานระดับสากล
ตำรวจสืบสวนต้องเก่ง 2 ด้าน คือ งานสืบสวนกับยุทธวิธีเพื่อความปลอดภัยในการทำงานลดความสูญเสีย
ถือเป็นหลักปฏิบัติของตำรวจสืบสวนกองปราบปรามยุคใหม่
“ตำรวจกองปราบปรามต้องทำได้ทุกอย่างที่ในโลกนี้เขาทำกันได้ ด้วยประสบการณ์ และด้วยการทำงานเป็นทีมเวิร์ก” พ.ต.อ.จิรภพย้ำในวันมอบนโยบายหน่วย “ผมไม่ได้เก่งคนเดียว อยู่ที่ทีมงานที่เป็นกำลังหลัก ช่วยให้งานประสบความสำเร็จ”
เพื่อสร้างตำนานกองปราบปรามขึ้นมาเกรียงไกรอีกครั้ง