ตำนานเชอร์ล็อกนู

วันก่อนเกริ่นปฐมบทก่อนเลือกมาสวมเครื่องแบบสีกากีกระทั่งกลายมาเป็น 1 ในตำนานปรมาจารย์สืบสวนของวงการตำรวจไทย

สมัยนั้นไม่มีใครไม่รู้จัก “เชอร์ล็อคนู” พล.ต.ท.ธนู หอมหวล ชาวอำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี เมื่อจบการศึกษาชั้นมัธยม 6 โรงเรียนประจำจังหวัดสิงห์บุรี ได้เข้าโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่น 6 รุ่นเดียวกับ พล.ต.อ.มนัส ครุฑไชยยันต์ พล.ต.อ.ชาญ รัตนธรรม พล.ต.ท.ชัยสิทธิ์ กาญจนกิจ  

ทว่าปัจจุบันตำรวจรุ่นใหม่คงรู้จักเขาน้อยมาก นอกจากฟังคำบอกเล่าจากนักสืบรุ่นพี่ที่เหลือน้อยเต็มที

จุดพลิกผันของเส้นทางชีวิตเกิดขึ้นระหว่างกำลังเรียนอยู่ชั้นปี 2 ได้รับข่าวร้าย เมื่อ “เสือมเหศวร” จอมโจรชื่อดังภาคกลางบุกปล้นบ้านกวาดทรัพย์หมดเกลี้ยง แถมทำร้าย นางทองย้อย หอมหวล มารดาบังเกิดเกล้าได้รับบาดเจ็บสาหัสตาพิการ

สร้างความเจ็บแค้นฝังลึกในใจของเขา

พอจบติดยศ ร.ต.เข้าสังกัดประจำกองพลทหารม้า จังหวัดสระบุรี เพียง 6 เดือนตัดสินใจโอนย้ายมาสวมเครื่องแบบสีกากีมาเป็นตำรวจยศ ร.ต.ท. บรรจุลงสถานีตำรวจนครบาลพระราชวัง

  ด้วยความหวังจะตามล่าขุนโจรตัวฉกาจ

เพียงแค่ 4เดือนของอาชีพตำรวจ ผู้หมวดธนู หอมหวล เจอคดีสำคัญในท้องที่ เมื่อคนร้ายบุกเข้าไปโจรกรรมพระพทุธรูปล้ำค่าในหอสวดมนต์ พระบรมมหาราชวัง พร้อมเครื่องลายครามสมัยรัชกาลที่ 5 รวม 83 รายการ แต่เขาสามารถสืบสวนติดตามจับกุมได้ยกแก๊ง

ยึดของกลางคืนได้ครบถ้วน

นับเป็นความภูมิใจครั้งแรกในชีวิตตำรวจ

ด้วยบุคลิกเป็นคนช่างสังเกตและจดจำ ทำให้นายตำรวจหนุ่มเมืองสิงห์บุรี เรียนรู้วิชาสืบสวนจับกุมคนร้ายจากประสบการณ์อย่างรวดเร็ว ก่อนขยับขึ้นเป็นสารวัตรอยู่สถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้ง พิชิตคดีอุกฉกรรจ์สำคัญได้ถึง 31 คดีจาก 32 คดีที่เกิดขึ้นในพื้นที่

เข้าตา พล.ต.อ.มนต์ชัย พันธุ์คงชื่น ขณะนั้นเป็นผู้บังคับการตำรวจนครบาลพระนครเหนือ เรียกเอามาใช้เป็น “มือขวา” ช่วยคลี่คลายไขคดีสำคัญจนเลื่อนชั้นเป็นสารวัตรใหญ่ สถานีตำรวจนครบาลพญาไท สารวัตรใหญ่ สถานีตำรวจนครบาลพระโขนง  และสารวัตรใหญ่ สถานีตำรวจนครบาลทุ่งมหาเมฆ

หลังจากนั้นขึ้นเป็นรองผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนนครบาลพระนครใต้ และเป็นผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนนครบาลพระนครใต้ พาลูกน้องติดตามล่า “เสือมเหศวร” หวังสางแค้นบัญชีเก่าถึงรังอำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี แต่พบอดีตเสือร้ายรุ่นเดอะถอดเขี้ยวเล็บ บวชเป็นพระอยู่ในวัดอย่างสงบ จึงสิ้นสุดรอยแค้นด้วยการเลิกจองเวรกันตั้งแต่บัดนั้น

ต่อมาเป็นรองผู้บังคับการตำรวจสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ แล้วคืนถิ่นเก่าเป็นรองผู้บังคับการตำรวจนครบาลพระนครใต้

กระทั่งติดยศ “นายพล” ตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจนครบาลพระนครใต้

ขึ้นผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล  ก่อนข้ามห้วยนั่งเก้าอี้ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ไปเกษียณอายุราชการในตำแหน่งผู้ช่วยอธิบดีกรมตำรวจ เมื่อปี 2537

พล.ต.ท.ธนู หอมหวล ติดทำเนียบเป็นนายตำรวจมือปราบและนักสืบชั้นครู ฝากผลงานการสืบสวนคลี่คลายคดีสำคัญไว้มากมายตลอดชีวิตข้าราชการตำรวจ เทียบคล้ายกับนักสืบดังในภาพยนตร์ “เชอร์ล็อคโฮล์ม” กลายเป็นที่มาของ “เชอร์ล็อคนู”

อาทิ ปิดคดีสังหาร ดาร์เรลล์ เบอริแกน บรรณาธิการหนังสือพิมพ์บางกอกเวิลด์ ชาวอเมริกัน อดีตเคยเป็นหัวหน้าสืบราชการลับ ตายอยู่ในรถโฟล์กสวาเกน ซอยลือชา ถนนพหลโยธิน ตำบลสามเสนใน อำเภอดุสิต กรุงเทพมหานคร ตามจับกุม เสือบุญมี เชี่ยวบางยาง สู่หลักประหาร ปิดแฟ้มคดีฆ่า นายณรงค์ สุนทรวร ผู้แทนราษฎรจังหวัดสมุทรสาคร สังกัดพรรคประชาธิปัตย์

คดีฆาตกรรมวิศวกรชาวญี่ปุ่น คดีจับนักธุรกิจไทยไปเรียกค่าไถ่ที่ประเทศอินโดนิเซีย ไปจนถึงคดีฆาตกรรมชิงมรดกซอสตราภูเขาทอง อีกทั้งคดีคนร้ายปล้นเงินลาว 50 ล้านบาท สามารถนำทีมติดตามเงินคืนได้ทุกบาททุกสตางค์

หรือแม้แต่ คดีปล้นร้านทองแม่มะลิยานบางนา แกะรอยติดตามคนร้ายได้จาก “กางเกงในเพียงตัวเดียว” เปิดเกมจับกลุ่มคนร้ายยกแก๊ง

เมื่อครั้งคุมศูนย์ป้องกันปราบปรามการโจรกรรมรถ กองบัญชาการตำรวจนครบาล เปิดยุทธการ “เด็ดหัว” โจรลักรถตายนับ 10 ศพในช่วยระยะเวลาไม่กี่เดือน ทำตัวเลขสถิติรถหายลดลงทันตาเห็น

พาเอาพวกหัวขโมยรถตัวเอ้ไม่กล้าแหยมในถิ่นนครบาล

“นักสืบที่ดีต้องตัดปัญหาส่วนตัว สละทั้งเวลาและทรัพย์สิน มีเพื่อนมาก สร้างความสัมพันธ์ที่ดี ไปที่ไหนอย่าให้คนเมินหน้าหนี จึงจะเป็นนักสืบที่แท้จริง” เป็นคำพูดที่ พล.ต.ท.ธนู หอมหวล สอนรุ่นน้องไว้เสมอ

หลังเกษียณ เขาคอยทำหน้าที่ “ครู” ที่คอยให้คำปรึกษา “ลูกศิษย์”นักสืบรุ่นน้องในยามเกิดคดีสำคัญระดับประเทศ ขณะเดียวกัน ได้ลงเล่นการเมืองสังกัดพรรคนำไทยที่บ้านเกิดจนได้รับเลือกเป็นผู้แทนจัดหวัดสิงห์บุรี เขต 1 บ้านเกิดเมื่อปี 2538

ปีถัดมาย้ายสังกัดพรรคความหวังใหม่เป็นผู้แทนอีกสมัย

สุดท้ายเมื่อเลือกตั้ง 6 มกราคม 2544 เข้าสมัครในนามพรรคไทยรักไทย

แต่สอบตก

กระทั่งมาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตเมื่อวันที่ 20 มิถุนายนปีเดียวกัน

ปิดตำนานปรมาจารย์นักสืบของกรมตำรวจก่อนเวลาอันควร !!!

   

 

RELATED ARTICLES