ชง”เก้าอี้พิเศษ”เพื่อให้คนพิเศษนั่ง

การแต่งตั้ง “นายพลสีกากี” ประจำปี 2561 ใครว่าจบแล้ว

หากคิดแบบนั้น คงไม่ใช่ “คนวงใน” ผู้สันทัดอยู่อาณาจักรโล่เงิน

สำนักงานตำรวจแห่งชาติยังคงเน้นประติมากรรมงานปั้น “หุ่นตัวโต แต่ตัวลีบ” ผลักดันตำแหน่งใหญ่ด้ายเหตุผลความจำเป็นเพื่อรองรับ “ภารกิจใหม่” ที่สำคัญ เพื่อเปิด “ทำนบ” อัตราที่อัดแน่นสำหรับ “กลุ่มมีเส้นสาย มีนายหนุน” ดุนให้นั่งเก้าอี้สมใจคนฝาก

ล่าสุด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางไปนั่งเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจที่ใช้เวลานานเกือบ 2 ชั่วโมง

นานกว่าการเคาะบัญชีแต่งตั้งนายพลตำรวจระลอกที่แล้วด้วยซ้ำ

วาระสำคัญ

พิจารณาตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษยศ พล.ต.อ. ปรับลงเป็นยศ พล.ต.ท. เพื่อรับผิดชอบงานในฐานะหัวหน้าศูนย์เฉพาะกิจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 5 ตำแหน่ง

ไม่ให้อำนาจและมีบทบาทเทียบเท่าระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

อีกเรื่องที่ผู้ตกรถไฟขบวนที่ผ่านมาลุ้นระทึก

เป็นการกำหนดตำแหน่งผู้บัญชาการประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพิ่มขึ้นอีก 3 เก้าอี้ มีหน้าที่ประสาน รัฐสภา ศาลยุติธรรม และ อัยการ

จ่อเปิดอัตรา พล.ต.ท. เป็นพิเศษให้เหล่านักวิ่งสีกากีแก้ตัวอีกครั้ง

ทว่าสุดท้ายที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ “ไม่ผ่านไฟเขียว” ทั้ง 2 วาระสำคัญที่ชงเสนอขึ้นมา โดยตีกลับให้ไปพิจารณาในการประชุมบอร์ดบริหาร ที่มี พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานเพื่อหาข้อสรุป

เก็บแช่ตู้เย็นไว้รอเอามา “อุ่นใหม่” ในที่ประชุม

ถึงกระนั้น คณะกรรมการข้าราชการตำรวจยอมผ่านโครงสร้าง “กองบังคับการแผนงานกิจการพิเศษ” ขึ้นตรง สำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ ดูแลภารกิจพิเศษ เช่น ภารกิจจิตอาสาทั้งหมด รวมถึงเรื่อง การถวายความปลอดภัย

ยกระดับ กองแผนงานพิเศษ ขึ้นเป็น “กองบังคับการ” ปรับอัตรากำลังพลทั้งหมด 112 ตำแหน่ง แบ่งเป็น รองผู้บัญชาการสำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ 1 ตำแหน่ง ผู้บังคับการ 1 ตำแหน่ง รองผู้บังคับการ 2 ตำแหน่ง  ผู้กำกับการ 6 ตำแหน่ง รองผู้กำกับการ 12 ตำแหน่ง สารวัตร 17 ตำแหน่ง รองสารวัตร 35 ตำแหน่ง และ ผู้บังคับหมู่ 37 ตำแหน่ง

เป็นอีก “เก้าอี้พิเศษ” เพื่อเหล่าคนพิเศษนั่ง

 

RELATED ARTICLES