ผู้กำกับคอนโด “โบดำ”ตอกย้ำวิกฤติพนักงานสอบสวน

หัวใจของตำรวจโรงพัก คือ งานสอบสวน

แต่ปัจจุบันขาดแคลน ขาดความสำคัญ เมื่อผู้ใหญ่มองข้ามกลายเป็นวิกฤติที่เกิดจาก “โบดำ” ทำลายแท่งความเจริญก้าวหน้าในเส้นทางพนักงานสอบสวนเมื่อ 2 ปีก่อน

ปิดทางไม่ให้โตในสายอาชีพที่ผู้บังคับบัญชาในอดีตวาดโอกาสให้เป็นการป้องกัน “ภาวะสมองไหล”เนื่องจากทราบดีว่า งานสอบสวนต้องอาศัยความรับผิดชอบสูง จำเป็นต้องใช้ผู้ชำนาญเพื่อสะสางสำนวนที่คั่งค้างเต็มโรงพักปัดเป่าบรรเทาทุกข์ของชาวบ้าน

วันนี้ถึงต้องมานั่งหวานอมขมกลืนแก้ปัญหาเป็นลูกโซ่วุ่นวายกันยกใหญ่

พนักงานสอบสวนทั่วประเทศขาดหายจำนวนหลายอัตรา

ทั้งที่ความจริงมีนายตำรวจสอบสวนฝีมือดีอยู่นับร้อยถูกแขวน “ขึ้นหิ้ง” เข้าไปอยู่ตามกรุ โดยเฉพาะระดับ “ผู้กำกับการ” ล้วนสะสมประสบการณ์มากว่าครึ่งชีวิตในเครื่องแบบ

ภาษาตำรวจยุคเก่าที่เคยมีกรุเรียกเป็น “ผู้กำกับคอนโด” แต่ต่างกันตรงที่สมัยนั้นเป็นเก้าอี้เปิดว่างระบายความอัดอั้นระดับรองผู้กำกับที่ไม่มีบันไดทางขึ้นติดยศ พ.ต.อ.ถึงเสกตำแหน่งลอยให้เอาชื่อไปแขวนกองบังคับการตำรวจนครบาลพระนครเหนือ กองบังคับการตำรวจนครบาลพระนครบาลใต้ และกองบังคับการตำรวจนครบาลธนบุรี  

แต่ตัวไปช่วยราชการตามหน้างานที่ถนัด

ผิดกับ “ผู้กำกับคอนโด” ยุคใหม่ที่ถูกแขวนหายไปจากสารบบยิ่งกว่าไปนั่ง “ตบยุง” ไม่ได้มายุ่งเกี่ยวกับงานตามตำแหน่งที่เรียกอย่างสวยหรูน่าภาคภูมิใจ “ผู้กำกับการกลุ่มงานสอบสวน” 

ผู้บังคับบัญชาน้อยรายจะเรียกใช้ เมื่อไปวางโครงสร้าง “แปะร่างผิดที่”

ผู้กำกับการกลุ่มสอบสวนฝีมือดีหลายคนที่ไต่ขึ้นมาจากสายงานถนัดเมื่อหลายปีก่อนถึงต้อง “กัดก้อน”ความเจ็บปวด

อยากทำงาน แต่ไม่มีงานให้ทำ

ถูกบังคับให้เป็นคนเช้าชามเย็นชาม ไม่มาทำงานยังได้เงินเดือนเต็มเม็ดเต็มหน่วย

ไล่เรียงรายชื่อยาวเป็น “หางว่าว” ยิ่งน่าเศร้าใจว่า เกิดอะไรขึ้นกับองค์กรสีกากีเอาคนทำงานดี ทำงานได้ ไปไว้บนหิ้ง

เป็นความจริงที่ผู้ใหญ่ไม่เคยมอง

เริ่มต้นที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล กำหนด “ผู้กำกับการกลุ่มงานสอบสวน” ประจำกองบังคับการตำรวจนครบาล 1-9  กองบังคับการสืบสวนตำรวจนครบาล และกองบังคับการตำรวจจราจร รวมจำนวนมากถึง 78 ตำแหน่ง

กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ให้ “ผู้กำกับการกลุ่มงานสอบสวน” ขึ้นตรงกองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 1 จำนวน 74 นาย ขึ้นกับกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดในพื้นที่รับผิดชอบอีก 31 นาย ส่วนกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 มี “ผู้กำกับการกลุ่มงานสอบสวน” ขึ้นตรงกองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 2 จำนวน 43 นาย ขึ้นกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดในพื้นที่รับผิดชอบ 19 นาย

กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 มอบ “ผู้กำกับการกลุ่มงานสอบสวน” ไปแปะกองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 3 จำนวน 51 นาย แขวนในกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดในพื้นที่รับผิดชอบอีก 21 นาย ขยับไป กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4  มี “ผู้กำกับการกลุ่มงานสอบสวน” อยู่กับกองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 4 จำนวน 73   นาย อยู่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดในพื้นที่รับผิดชอบ 27 นาย ขณะที่ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5  โยน “ผู้กำกับการกลุ่มงานสอบสวน” แปะไว้ที่กองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 5 จำนวน 56 นาย แปะกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดในพื้นที่รับผิดชอบจำนวน 27 นาย

กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 6  ยก “ผู้กำกับการกลุ่มงานสอบสวน” ไว้กองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 6 เป็นจำนวน 42 นาย กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดในพื้นที่รับผิดชอบ 18 นาย กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 มี “ผู้กำกับการกลุ่มงานสอบสวน” ขึ้นอยู่กับกองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 7 จำนวน 54 นาย ขึ้นตรงกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดในพื้นที่รับผิดชอบอีก 25 นาย กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ให้ “ผู้กำกับการกลุ่มงานสอบสวน” อยู่กองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 8 จำนวน 29 นาย กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดในพื้นที่รับผิดชอบ 11 นาย

ขณะที่ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ที่ควบรวมเอาศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ไปด้วยกำลังเกิดวิกฤติปัญหาขาดแคลนพนักงานสอบสวนระดับผู้กำกับการไปทำคดีความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนด้ามขวาน กลับมี “ผู้กำกับการกลุ่มงานสอบสวน” ขึ้นตรงกองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 9 เพียงนายเดียว ขึ้นกองบังคับการสืบสวนศูนย์ปฏิบัติการจังหวัดชายแดนภาคใต้เพียง 5 นาย และกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดในพื้นที่รับผิดชอบที่เหลือแค่ 10 นาย

รวมกระจายแขวนตามกรุเป็นคอนโดมิเนียมอย่างน้อย 612 ชีวิต ที่ถูก “พิษมรสุม” ผลงานความยอดเยี่ยมของผู้มีอำนาจ

ทุบโต๊ะยุบแท่งพนักงานสอบสวน

ยังไม่รวมถึงระดับรองผู้กำกับการและสารวัตรที่อัดยัดทะนานจำนวนไม่น้อย

นั่งรอคอยเวลาผู้บังคับบัญชากดปุ่มเรียกใช้งานจนเหนียงยานหมดแล้ว !!!

 

RELATED ARTICLES