เกียรติยศและศักดิ์ศรียังมีอยู่หรือเปล่า

เริ่มต้นการทำงานวันแรกของปี เกียรติยศและศักดิ์ศรีของตำรวจยังอยู่มากน้อยแค่ไหนในโลกปัจจุบันที่มีระบบการตรวจสอบจากสังคมมากขึ้น

โลกที่ตำรวจถูกมองภาพเป็น “ฝ่ายผิด” มากกว่าฝ่ายถูก

ความจริงข้าราชการที่ต้อง “มลทิน” ทุจริตกระทำผิดต่อหน้าที่มีอยู่เกือบทุกกระทรวงทบวงกรม แต่สังคมตั้งเป้าจับผิดไปที่องค์กรตำรวจ

แถมยังต่างจากเหล่าทัพอื่นที่โดน “ตัดตอน”การตรวจสอบ

แล้วไหนใครว่า ประเทศไทยอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน

ปัจจุบัน ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เข็ดขยาดสื่อโซเชียล เข็ดเขี้ยวกับกล้องโทรศัพท์มือถือ ถือปืนยังไม่กล้ายิง บางคนต้องวิ่งหนีคนบ้าคลั่งถือไม้ไล่ฟัน หลายคนยอมนิ่งเฉยละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่

ปล่อยวัยรุ่นบุกอาละวาดบนโรงพักตีกันต่อหน้าต่อตา

หลายคดีตำรวจโดนผู้ต้องหาร้องเรียนเป็นแบบเรียนความเจ็บปวด ถูกออกจากราชการทั้งที่เกิดจากการปฏิบัติงานตามหน้าที่ เหตุเพราะ “นายบางคน” สาละวนกลัวเสียหน้า ไม่ยอมสอบสวนให้เสร็จสิ้นกระบวนความ

เลือกทำตามกระแส ไม่แยแสผู้ใต้บังคับบัญชา

ปีที่ผานมา ยังจะเห็นพฤติกรรมของผู้บังคับบัญชา “เลือดเย็น” โกงเงินสหกรณ์ของลูกน้อง หากไม่ร้องขอความเป็นธรรมผ่านสื่อ ไม่รู้จะสื่อถึงผู้มีอำนาจให้จะออกมาจัดการเด็ดขาดได้หรือไม่ เพราะปล่อยเรื้อรังเป็นไฟลามทุ่ง ชั้นผู้น้อยต่างเดือดร้อนลุกลามไปถึงครอบครัวลูกเมีย

ขณะที่ตำรวจหลายคนยังรู้สึกอ่อนเพลียกระปลกกระเปลี้ยเสียขาจากปัญหาการแต่งตั้งโยกย้าย ท่ามกลางเสียงลือสะพัดเกี่ยวกับการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่ง แย่งพื้นที่ทำเลทอง ยอมเสียเงินเสียทอง หยิบยื่นเป็นข้อต่อรอง “ประมูลเก้าอี้”

กลุ่มคนทำงานไม่มีเส้นสาย ไม่มีผู้เป็นนายหนุนนำ ชอกช้ำระกำมากสุด นอกจากไม่ได้ผุดได้แจ้งเกิดยังเลยเถิดเจอย้ายระเนระนาด

เป็นปลาผิดน้ำ ไปอยู่หน้างานไม่ถนัด

เริ่มศักราชใหม่ ฝุ่นยังไม่หายตลบ เมื่อยังไม่จบบัญชีระดับ รองผู้บังคับการ-สารวัตร ไม่นับถึงระดับล่าง รองสารวัตรและชั้นประทวน ยังค้างเติ่งข้ามปี ไมได้ฤกษ์แต่งตั้งเสียที ทว่า “เสียงยี้” เรื่องเรียกรับ “ของกำนัล” ยิ่งดังมากขึ้น แม้ไม่ได้ขึ้น “ป้ายปักราคา” ไม่ได้บอกว่ามูลค่ามากหลักใด

หากอยู่ “วงใน” ย่อมรู้ความเคลื่อนไหว รู้ขั้นตอนต้องทำอย่างไร และใคร “อยู่เบื้องหลัง” จัดทำบัญชี

ถึง “ตั๋วดี” แต่ไม่มีตังค์ติด อาจมีสิทธิตกกระป๋อง

ระบบการบริหารองค์กรพิทักษ์สันติราษฎร์ถึงพังพินาศย่อยยับ ผู้เป็นนายหลายคนจ้อง “ถอนทุนคืน” บวก “ปันผล” โกยขนเข้ากระเป๋า อีกไม่น้อยไม่ใส่ใจเนื้องาน สนแต่ “เนื้อเงิน” นั่งนับเพลิดเพลิน ปล่อยลูกน้องเดินเก็บเบี้ยบ้ายรายทางเล่นเอาพุงกางหน้าตาเฉย

สุดท้ายทิ้งลูกน้องอดตาย เบี้ยเลี้ยงหาย กลายเป็นชนวนให้ชั้นผู้น้อยหันเดินทางผิด คิดค้ายาเสพติด ทำธุรกิจสีเทา เพื่อเอาตัวรอด

เกียรติยศและศักดิ์ศรีของตำรวจไทยวันนี้ถึงถูกขยี้ “เละเป็นโจ๊ก” เพราะใคร !!!

RELATED ARTICLES