นิตยสาร COP’S ประจำเดือนมกราคม 2562

นิตยสาร COP’S ฉบับเดือนมกราคม 2562

สัมผัส “ผู้นำตำรวจป่า” ได้เวลา พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง นั่งเก้าอี้ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน พยายามปลุกขวัญกำลังใจให้รู้สึกภูมิใจในศักดิ์ศรีของหน่วย ด้วยวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนว่า “กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน เป็นหน่วยงานหลักของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่มีความเชี่ยวชาญในการเฝ้าระวังและแก้ไขปัญหาความมั่นคงของรัฐในพื้นที่ชายแดน”

แม้ตัวเองไม่ได้เป็น “ลูกหม้อ” ของเหล่านักรบเครื่องแบบฟาติก แต่ได้พิสูจน์ความเป็น “ผู้นำ” ให้ลูกน้องเห็นถึงบทบาท “ผู้บังคับบัญชาเบอร์หนึ่ง” คำนึงถึงหัวจิตหัวใจของผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นสำคัญ พร้อมแก้ปัญหาและให้คำปรึกษา เสริมเขี้ยวเล็บแสดงศักยภาพของหน่วยที่ “ปิดทองหลังพระ” มาตลอดเปิดให้สังคมเห็นประสิทธิภาพการทำงานตามแบบฉบับนักรบชายแดน

แม่ทัพนักรบชายแดนมองว่า  จริงๆ แล้วตำรวจตระเวนชายแดนมีความเข้มแข็ง เพราะอยู่กับป่า อยู่กับชายแดน แต่เราจะนำความรู้เรื่องการสืบสวน การสะกดรอย การติดตาม การขยายผล และการประสานหน่วยข้างเคียง หรือใช้เทคโนโลยีที่จะมาใช้ประโยชน์ในการสืบสวนได้เพิ่มเข้าไป เสริมเขี้ยวเล็บให้ตำรวจตระเวนชายแดนมีประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มขึ้น

 

ตำนานนักสืบฉบับนี้พาย้อนเรื่องราวคดีดังจากเบื้องหลังฝีมือการสืบสวนแกะรอยปิดแฟ้มของ พ.ต.อ.สมภพ พงษ์ฤกษ์ อดีตรองผู้บัญชาการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 7 นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 32 เขาเลือกที่จะสนุกกับบทนักสืบปิดทองหลังพระส่งรุ่นพี่รุ่นน้องเป็นใหญ่เป็นโตบนเก้าอี้ระดับบิ๊กในยุทธจักรสีกากีจำนวนไม่น้อย

“ผมไม่อยากเป็นใหญ่หรอก ไม่มีใครเป็นใหญ่แล้วจะทำงาน ขณะเดียวกัน ผมชอบทำงานโดยไม่ต้องมีใครบังคับขู่เข็ญ หรือมาสั่ง ผมชอบแบบนี้ ทำอะไรตามใจตัวเอง เพราะมั่นใจว่า งานจะออกมาดี” เจ้าตัวว่าถึงสไตล์การทำงานบู๊ล้างผลาญในอดีต

“งานสืบสวนต้องใช้ความพยายามในการจับคนร้ายให้ได้” เขาฝากแง่คิดและขยายความว่า ญาติพี่น้องที่ถูกรังแก ถูกฆ่า ถูกปล้น ถูกลักทรัพย์ หรือว่า มีคดีสำคัญ จะก่อคดีมากี่คดีก็แล้วแต่ เราต้องช่วยจับผู้ต้องหามาลงโทษให้ได้ ถือว่าเป็นการช่วยคน ไม่ใช่ทำให้เสร็จ ๆ แล้วออกเวร ต้องสืบ ต้องจับ ต้องเสียเงินเสียทอง ค่ารถ ค่าน้ำมัน ค่ากิน เป็นสิ่งที่งานสืบสวนต้องเสียสละเหมือนทำงานตลอด 24 ชั่วโมง

ตระเวนโรงพักทำความรู้จัก พ.ต.อ.สถิตพร บุณยรัตพันธุ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรชัยพฤกษ์ จังหวัดนนทบุรี หรือชื่อเดิม “โรงพักคลองข่อย” ยึดนโยบาย “มุ่งมั่นพัฒนา สร้างความศรัทธา บริการปวงประชาอย่างเป็นธรรม”  มุ่งมั่นทำโรงพักเพื่อประชาชน ท่ามกลางโครงการมากมาย ส่งเสริมให้องค์กรเอกชน และภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมการดำเนินกิจกรรมและรับรู้ข้อมูลข่าวสารในหลายช่องทางไม่ว่าทางเทคโนโลยี หรือการเข้ามามีส่วนร่วมในรูปแบบต่างๆ พร้อมสร้างความเจริญก้าวหน้าผู้ใต้บังคับบัญชาให้ยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการปฏิบัติหน้าที่และการดำรงชีวิต เป็นเจตนารมณ์การป้องกันการทุจริตของสถานีตำรวจภูธรชัยพฤกษ์

สัมผัสกิจกรรมยามว่างเว้นจากงานราชการของ พ.ต.ท.อนุศิษฎ์ จงจีรังทรัพย์ สารวัตรป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจนครบาลท่าพระ นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 57 ชื่นชอบการปั่นจักรยาน มีแรงบันดาลใจมาจากต้องการรักษาสุขภาพ เพราะก่อนหน้านี้ เคยเล่นแบดมินตัน แต่มีปัญหาเรื่องของหัวเข่า จึงหันมาลองปั่นจักรยานดู พอได้สัมผัสก็รู้สึกชื่นชอบ และปั่นมาตลอด จนเป็นกิจกรรมในยามว่าง

เคยรวมกลุ่มกับนักปั่นจักรยาน เข้าร่วมปั่นจักรยานทางไกล ระยะทาง 600 กิโลเมตร จากพัทยา ชลบุรี ไปตราด ใช้เวลา 2 วัน 1 คืน เขามองว่า นอกจากเรื่องของการรักษาสุขภาพแล้ว ยังต้องการเอาชนะใจตัวเอง เพราะการปั่นจักรยานทางไกล ไม่ใช่แค่มีแรงแล้วก็สามารถไปปั่นได้ เพราะบางครั้งต้องเจอกับอากาศร้อน ลมแรง หรืออาจจะมีท้อบ้าง ถ้าใจไม่สู้ ก็อาจจะล้มเลิกกลางคันได้ ฉะนั้นการปั่นจักรยานทางไกล ต้องเผชิญกับความเหนื่อย ง่วงนอน การบาดเจ็บบ้าง แต่เราสามารถข้ามผ่านทุกสิ่งอย่างได้ เมื่อเราชนะใจตนเอง

 

กระทบไหล่อีกตำนานคนข่าวอาชญากรรม “ตวงศักดิ์ ชื่นสินธุวล” อดีตประธานชมรมผู้สื่อข่าว-ช่างภาพอาชญากรรม เริ่มต้นอาชีพในวงการนักหนังสือพิมพ์ เพราะบ้านอยู่ตรงข้ามกับ มานะ แพร่พันธุ์ บก.หนังสือพิมพ์ “พิมพ์ไทย” ทายาทคนเดียวของยอดนักประพันธ์เมืองไทย “ยาขอบ” ทำให้ได้รับโอกาสจากลูกชายเจ้าของบทประพันธ์อมตะ “ผู้ชนะสิบทิศ” ชักนำเข้าสู่เส้นทางสายงานสื่อสารมวลชนที่หนังสือพิมพ์บ้านเมือง สื่อไท แล้วย้ายไปอยู่มติชนยาวนานจวบจนเกษียณอายุราชการเมื่อปี 2557

          “การที่ยังได้ทำงานข่าวที่รัก ถึงจะเกษียณแล้ว ถือว่าเป็นกำไรชีวิต  ถ้ามองย้อนกลับไป ยังเคยคิดว่าชีวิตไม่ได้น่าจะมาถึงจุดนี้ได้ ต้องขอบคุณผู้ใหญ่ที่เขาให้โอกาสและส่งเสริม สิ่งที่สำคัญ คือการต้องหมั่นเติมความรู้ให้กับตัวเอง โดยเฉพาะการอ่านหนังสือ ไม่ว่าจะเรียนมาสูงหรือเรียนมาน้อย  ก็ต้องเติมความรู้ให้กับตัวเอง โดยเฉพาะเรื่องของกฎหมาย เพราะนักข่าว ถือเป็นอาชีพที่ได้ช่วยเหลือสังคม ได้ช่วยเหลือคน และยังให้ความรู้กับคน” ตวงศักดิ์ว่า

คอลัมน์ พิราบหลากสี ฉบับนี้ได้สาว “โมโน ทเวนตี้ไนน์” ตามสไตล์ “อิงอิง” ลลิตวดี ตั้งสิริตระกูลบัณฑิตคณะนิเทศศาสตร์ สาขาวิทยุโทรทัศน์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เดินตามล่าหาความฝันที่อยากอยู่ในวงการสื่อมวลชน กระทั่งเริ่มต้นเป็นผู้สื่อข่าวภาคสนามเดลินิวส์ทีวีนาน 7 เดือน แล้วย้ายมาเป็นผู้สื่อข่าวภาคสนามที่โมโนช่อง 29

เธอเชื่อว่า อาชีพนักข่าวที่แท้จริงต้องมีใจรักก่อน แล้วฝึกฝนทักษะของตัวเองให้พร้อมต่อสถานะการณ์ที่จะเกิดขึ้นอยู่เสมอ ควบคู่ไปกับจรรยาบรรณวิชาชีพ และต้องมีความกล้าด้วย  “อย่าไปกลัว ถ้าเกิดว่ากลัวขึ้นมาจะไม่ได้คำตอบจะไม่ได้ข้อมูลจะไม่ได้ข่าวสารที่มาจากแหล่งข่าว และเราจะไม่สามารถส่งสารให้ประชาชนรับสารที่แท้จริงได้ เราต้องมีข้อมูลและข้อเท็จจริงนำเสนออย่างตรงไปตรงมา”   

พร้อมเนื้อหาสาระคุณภาพคับเล่มเช่นเคย

ติดตามได้ตามแผงร้านหนังสือซีเอ็ดบุ๊ก นายอินทร์ และบีทูเอส

 

RELATED ARTICLES