กองกำลังตำรวจประชาชนเวียดนาม

มาถึง สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ประเทศสุดท้ายก่อนชำแหละองค์กรตำรวจเมืองไทย

ถือเป็นหนึ่งใน 5 ประเทศที่ปกครองในระบอบคอมมิวนิสต์ เช่นเดียวกับ จีน เกาหลีเหนือ คิวบา และลาว

ประชากรมีรายได้ต่อหัวไม่มาก แต่อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในระดับสูง ภายหลังรัฐบาล “โต่ย เหมย”ประกาศนโยบายลดผูกขาดและรวมศูนย์กลางที่รัฐบาลกลาง

สภาพปัญหาอาชญากรรมและความสงบเรียบร้อยภายในประเทศเมื่อเปรียบเทียบประเทศอื่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้พบว่า ชาวเวียดนามทั่วไปเป็นคนเคารพกฎหมาย อาชญากรรมรุนแรงเกิดขึ้นน้อย แต่มีมีคดีเล็กน้อยเกิดขึ้นเกี่ยวกับการประทุษร้ายต่อทรัพย์ คดีเกี่ยวกับยาเสพติด การค้าประเวณี

คดีประทุษร้ายต่อทรัพย์เกิดขึ้นมากในกรุงฮานอย เช่น ลักเล็กขโมยน้อย กระชากกระเป๋า ล้วงกระเป๋า ในพื้นที่สาธารณะที่มีคนจำนวนมาก พฤติกรรมในการกระทำผิดคนร้ายมักมี 2 คนขับขี่จักรยานยานต์กระชากกระเป๋าจากเหยื่อที่กำลังเกินหรือโดยสารโดยรถจักรยานยนต์

นอกจากนี้ยังมีเหตุที่คนร้ายใช้มีดหรือของมีคมตัดสายกระเป๋า หรือเจาะรูเพื่อลักทรัพย์ ส่วนคดีลักทรัพย์ในเคหสถานเกิดขึ้นหลายครั้งในย่านที่พักอาศัยตามบ้านมากกว่าอาคารสูงที่มีระบบการรักษาความปลอดภัย

อาชญากรรมรุนแรง เช่น คดีฆ่า ปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธ เรียกค่าไถ่ เกิดขึ้นน้อยมาก หากไม่ใช่พื้นที่ชายฝั่งทะเลจีนใต้ที่มีความเสี่ยงสูงจากกลุ่มโจรสลัดปล้นเรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่ รวมถึงเรือประมง ใช้เรือยนต์เป็นพาหนะแล่นมาที่เรือผู้เสียหายแล้วขู่บังคับให้นำเรือไปยังเกาะบริเวณใกล้เคียง หลังจากนั้นจะมีการเรียกค่าไถ่ หากไม่สามารถนำเงินค่าไถ่มาได้ กลุ่มโจรสลัดจะนำอุปกรณ์ในเรือหรือน้ำมันไปจำหน่ายแทน และบางครั้งรุนแรงถึงขั้นทำร้ายหรือฆ่าเหยื่อ

อาชญากรรมคอมพิวเตอร์เป็นอีกปัญหาที่เกิดขึ้นในเวียดนาม มีความซับซ้อนในการกระทำผิดมากขึ้น มีระดับของคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ติดไวรัสมากในระดับ 7 ของโลก มีการใช้ซอฟแวร์ที่ไม่ได้รับอนุญาต หรือหมดอายุอย่างแพร่หลาย วายร้ายไซเบอร์ไม่ได้มุ่งโจมตีเพียงปัจเจกบุคคลเพื่อข้อมูลส่วนบุคคลเท่านั้น แต่ยังมีเป้าหมายที่เจาะข้อมูลทางเศรษฐกิจภาคธุรกิจ ข้อมูลทางการเมืองของหน่วยงานรัฐบาลต่างประเทศในเวียดนาม

 วิวัฒนาการขององค์กรตำรวจเวียดนาม มีความเป็นมาพร้อมกับประวัติศาสตร์ความเปลี่ยนแปลงางการเมือง การปกครองประเทศ ตั้งแต่ตกเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส กระทั่งการจัดตั้งพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามที่ถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของประวัติศาสตร์การปฏิวัติประเทศ นำไปสู่การกำเนิด “กองกำลังตำรวจประชาชนเวียดนาม”

มีการก่อตั้งหน่วยงานสำคัญ ได้แก่ หน่วยตำรวจลับ หน่วยบริการตำรวจในภาคเหนือ หน่วยบริการสอดส่องเฝ้าระวังในภาคกลาง หน่วยรักษาความปลอดภัยแห่งชาติในภาคใต้ รวมทั้งหน่วยงานตำรวจในเกือบทุกจังหวัดของประเทศที่เป็นหน่วยบริการด้านการข่าว

เมื่อมีการรวมประเทศเวียดนามเหนือและเวียดนามใต้เข้าเป็นผืนแผ่นดินเดียวกัน งานรักษาความมั่นคงภายในรวมถึงตำรวจจึงอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของกระทรวงความมั่นคงสาธารณะเวียดนาม โครงสร้างองค์กรของหน่วยงานตำรวจในเวียดนาม แบ่งออกเป็น 4 ระดับ คือ กรมตำรวจเวียดนาม ตำรวจจังหวัด ตำรวจอำเภอ/เขต มีอำนาจสอบสวนดำเนินคดี ตำรวจตำบล/แขวง ไม่มีอำนาจสอบสวน ทำหน้าที่แค่ป้องกันและรับแจ้งเบื้องต้นส่งให้ตำรวจอำเภอ/เขตไปดำเนินการสอบสวน

กำลังพลตำรวจเวียดนามมีประมาณ 280,000   นาย ชั้นยศแบบทหาร มีสถานการศึกษาและฝึกอบรมหลัก คือ โรงเรียนตำรวจประชาชนเวียดนาม การเกษียณอายุของพวกเขาไม่เท่ากัน แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ตั้งแต่กลุ่มตำรวจทั่วไปในระดับปฏิบัติการ หรือชั้นประทวน ผู้ชายเกษียณที่อายุ 55 ปี ผู้หญิงเกษียณที่อายุ 50 ปี ผู้บริหารระดับกลาง หรือระดับสารวัตรถึงรองผู้บังคับการของไทย ผู้ชายจะเกษียณที่อายุ 58 ปี ผู้หญิงอายุ 53   ปี และผู้บริหารระดับสูง เทียบเท่านายพลขึ้นไปของไทย ผู้ชายจะเกษียณที่อายุ 60 ปี ผู้หญิงอายุ 55 ปี

บทบาทและหน้าที่ของตำรวจเวียดนามในพื้นที่ นอกเหนือจากการปฏิบัติหน้าที่ด้านการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม การสืบสวนสอบสวนแล้ว ตำรวจยังมีหน้าที่เกี่ยวข้องกับงานทะเบียนราษฎร์ งานทะเบียนยานพาหนะทั้งรถยนต์ รถจักรยานยนต์อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม เวียดนามปกครองด้วยระบบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ การสร้างหุ้นส่วนเพื่อความปลอดภัยสาธารณะจึงมิได้เป็นไปตามแนวคิดการตำรวจชุมชนแบบในประเทศประชาธิปไตยตะวันวันตก เวียดนามใช้การตำรวจชุมชนเป็นส่วนหนึ่งของระบบควบคุมสังคมมวลชน มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจต่อประชากรน้อยที่สุด แต่ให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุดในการควบคุมอาชญากรรม

ยุทธศาสตร์การตำรวจชุมชนไม่เพียงแต่เป็นวิธีการควบคุมทางสังคมโดยการสร้างวินัยและให้การศึกษาแก่ประชาชนเท่านั้น แต่ยังเป็นกลไกการเฝ้าระวังที่มีประสิทธิภาพ ตรงนี้เองทำเวียดนามมีอัตราการเกิดอาชญากรรมต่ำ เพราะมีการควบคุมทางสังคมและการตรวจสอบจากรัฐบาลอย่างเข้มงวด

ฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองกับรัฐบาลเป็นสิ่งต้องห้าม ส่วนการบริหารงานยุติธรรมเป็นไปได้โดยพลการและรุนแรง พวกเขามีแนวคิดว่า การปฏิวัติจะต้องได้รับการปกป้อง การจับกุมบุคคลต่อต้านรัฐบาล หรือความเชื่อและการปฏิบัติของรัฐบาลเป็นสิ่งที่ชอบธรรม

รัฐบาลเวียดนามใช้ประโยชน์จากวิธีการอันหลากหลายในการเฝ้าติดตามพฤติกรรมของผู้ที่ไม่เชื่อฟังรัฐและบังคับใช้กฎหมายโดยทันที

ระบบดังกล่าวถือเป็นระบบที่มีประสิทธิภาพในเวียดนาม

RELATED ARTICLES