ที่สุดก็เจอโรคเลื่อน
ฝุ่นพิษตลบอบอวล ไม่เท่าอาการ “วิ่งเต้น” ของเหล่าบรรดานายตำรวจที่ลุ้นเข้าหลักชัย “ใจจดใจจ่อ” รอค้างเติ่งมานานข้ามปี
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นั่งเป็นประธานประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ เคาะมติของขยายเวลาการแต่งตั้งโยกย้ายระดับสารวัตรถึงรองผู้บังคับการออกไปอีก 30 วัน
ผิดหวัง แต่ไม่ได้ผิดคาด
นับเป็นการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายที่อืดอาดสุดของหน่วยราชการเมืองไทย ผ่านไปกี่ยุคกี่สมัยน่าแปลกใจทำไมองค์กรสีกากีไม่มีทางเปลี่ยนแปลง
กฎเกณฑ์ กฎเหล็กและเงื่อนไขมากมาย ขีดเส้นใต้ กำหนดเส้นตาย สุดท้ายก็ยังเข้าอีหรอบเก่า หาความแน่นอนชัดเจนไม่ลงตัว เสียเวลา เสียสิทธิ เสียโอกาส กระทบกระเทือนเดือดร้อนถึงครอบครัวลูกเมีย
เหตุเพราะการแต่งตั้งยืดเยื้อข้ามฤดูกาลลามไปถึงปัญหา “บ้านแตก”
ลูกอาจต้องย้ายโรงเรียน เมียอาจต้องลาออกจากการงาน หากต้องระเห็จตามสามีไปอยู่สถานีแห่งใหม่ ที่อยู่อาศัยจะต้องหาใหม่ด้วยอีกหรือเปล่า
ถ้าเลือกไม่หอบครอบครัวติดตามไปอยู่ด้วยก็เท่ากับพ่อไปทาง แม่อยู่อีกทาง ลูกอ้างว้างขาดความอบอุ่นมะรุมมะตุ้มให้เกิดมรสุมชีวิตครอบครัว
พังทลายมาแล้วเป็นจำนวนไม่น้อย
ผู้หลักผู้ใหญ่ ใครที่กุมอำนาจไม่เคยคิด
นี่แหละ คือ “พิษ” ของการแต่งตั้งโยกย้ายชนวนของการทำลายขวัญกำลังใจคนทำงาน
ไม่สามารถสู้อำนาจ “หอมกรุ่น”ที่ทำฝุ่นตลบอยู่แน่นซอย พากันทยอยกัน “เข้าคิว” ต่อแถวเรียงเดี่ยวยาวเป็นกิโลเมตร
ไร้ไม้เมตรวัดคุณค่า ตีราคาผลงานการปฏิบัติหน้าที่ มีเพียง “ตาชั่ง” ตีค่าเครื่องบรรณาการ เสมือนจานเสิร์ฟอาหารรสเลิศบนโต๊ะ “มื้อโปรด” ในคฤหาสน์ท่ามกลางขุนพลพลอยพยักคอยเอาอกเอาใจ “ใส่ไฟ” คู่แข่งที่ไม่มีแรงแก้ต่าง
มีแต่ “บ่างช่างยุ” หวังยืดอายุเก้าอี้ ทำเลทอง พวกพ้องของตัวเอง
เป็นบรรยากาศคล้ายเข้าโค้งสุดท้ายก่อนอำนาจย่อยสลาย เตรียมกระโดดกระจายหาซุ้มเกาะใหม่
เพราะฉะนั้นหากมือใครยาวสาวได้ต้องสาวก่อน
สะท้อนสัจธรรมวงการผู้พิทักษ์สันติราษฎร์
ทว่าระลอกนี้อาจต้องจับตาอำนาจกำลังจะเปลี่ยนมือ ฟ้ากำลังจะเปลี่ยนสี
องค์กรสีกากีอาจถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลง !!!