วงการศาสนาพุทธเสื่อมลงทุกวัน
เพราะหลายคนแอบแฝงเข้าไปใช้ผ้าเหลืองหาผลประโยชน์เป็น “พุทธพาณิชย์” มากกว่าจะเผยแพร่หลักธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ล่าสุดถึงขั้นเข้าไปซุกเขตพัทธสีมา โกนผมบวชเป็นพระภิษุหลบหนีความผิดในคดีอาญาที่ตัวเองก่อขึ้น
เมื่อ พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง มอบนโยบายให้ทุกหน่วยในสังกัดบูรณาการตำรวจท้องที่ตรวจสอบบุคคลที่มีหมายจับทั่วประเทศเพื่อเป็นการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมไม่ให้ผู้กระทำความผิดกลับมาก่อเหตุซ้ำซากขึ้นอีก
พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผู้บังคับการปราบปราม จึงถือโอกาสเปิด “ยุทธการกวาดลานวัด” ติดตามบรรดาผู้ต้องหาที่มีหมายจับติดตัวหลบไปบวชเป็นภิกษุสงฆ์ตามวัดหลายแห่งทั่วประเทศ
หวังอาศัยคราบของผ้าเหลืองปกป้องคุ้มครองไม่ให้ตำรวจตามล่า
แต่ผู้บังคับการปราบปรามมองว่า พวกเหล่านี้แหละที่ทำให้พระพุทธศานาเสื่อม และมัวหมอง
เจ้าตัวได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา ผู้กำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผู้กำกับการ 3 กองบังคับการปราบปราม พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ รักษาราชการแทนผู้กำกับการกองสนับสนุน กองบังคับการปราบปราม และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการกองบังคับการปราบปราม ตรวจสอบข้อมูลหมายจับที่คนร้ายหนีคดีไปบวชทั่วประเทศ
ตามแผน “ ยุทธการกวาดลานวัด ”
เบื้องต้นพวกเขาสามารถคุม “ภิกษุโจร” ลอตแรก 18 รูป “จับสึก” ดำเนินคดีตามหมายจับ แยกเป็น 4 กลุ่มฐานความผิด ประกอบด้วย กลุ่มที่ 1 คดีความผิดเกี่ยวกับชีวิต ร่างกาย และเพศ 4 ราย กลุ่มที่ 2 คดีเกี่ยวกับทรัพย์ 9 ราย กลุ่มที่ 3 คดีความผิดพิเศษ 1 ราย กลุ่มที่ 4 คดีความผิดที่รัฐเป็นผู้เสียหาย อีก 4 ราย
รายสำคัญที่น่าสนใจ อาทิ พระมนัส สุจิตโต อายุ 44 ปี หรือ นายมนัส ชะบา พระลูกวัดแห่งหนึ่งในเมืองหลวง มีหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ จ.446/2561 ลงวันที่ 13 กรกฎาคม 2561 ข้อหา “กระทำอนาจารแก่เด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยเด็กนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้”
ก่อคดีทั้งที่เป็นพระล่อลวงเด็กหญิงวัย 10 ขวบไปกระทำอนาจารภายในกุฏิ ภายหลังหลบหนีไปจำวัดอยู่จังหวัดนครราชสีมา
อีกราย พระบุญชู จำปาศรี อายุ 48 ปี มีหมายจับศาลจังหวัดระยองที่ จ.29/2557 ลงวันที่ 21 มกราคม 2557 ข้อหา “ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น” หลังจากใช้ขวดปากฉลามแทงคู่อริรายหนึ่งจนได้รับบาดเจ็บสาหัส แถมยังพบมีหมายจับคดีฆ่าผู้อื่นที่หนีคดีมานานกว่า 15 ปี
ลอยนวลหลบไปโกนหัวบวชจำวัดอยู่จังหวัดกาฬสินธุ์
ส่วน พระก้องชัชพงษ์ สุวรรณพรรค อายุ 35 ปี มีหมายจับศาลจังหวัดเชียงคำที่ 388/2556 ลงวันที่ 11 ตุลาคม 2556 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน” และหมายจับศาลอาญาที่ 636/2558 ลงวันที่ 30 มีนาคม 2558 ข้อหา “ร่วมกันโฆษณาข้อความที่เป็นเท็จหรือเกินความจริง และร่วมกันฉ้อโกงประชาชน” ตามพฤติการณ์โฆษณาหลอกขายแพกเกจท่องเที่ยวประเทศเกาหลีใต้
หนีคดีหลบกบดานในผ้าเหลืองอยู่วัดจังหวัดสงขลาให้ชาวบ้านหลงกราบไหว้ถวายจตุปัจจัยอยู่นานหลายปี
เที่ยวนี้เจอตำรวจกองปราบปรามบุกจับสึกดำเนินคดีตามกฎหมาย
พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผู้บังคับการปราบปรามฝากประชาสัมพันธ์ไปยังวัดทั่วประเทศด้วยว่า ให้ช่วยกันตรวจสอบประวัติของผู้ที่จะเข้ารับการบวชว่า มีประวัติเคยต้องคดีทางอาญาใดหรือไม่ และมีหมายจับติดตัวอยู่หรือเปล่า
หากพบข้อมูลสามารถแจ้งเบาะแสตำรวจกองปราบปรามได้ทันทีที่ หมายเลข 1195
ช่วยกันเป็นหูเป็นตากวาดลานวัดให้สะอาดบริสุทธิ์ดีกว่า