ทางเดินใหม่ของ “ผู้กองเบนซ์”

ใช่ว่าจะมีนายตำรวจนักวิชาการมากคุณภาพอย่าง รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 51 คนเดียวที่อำลาชีวิตราชการไปเดินตามวิถีชีวิตตัวเอง

เป็นเพชรที่หลุดจากเบ้าหลอมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ไล่เลี่ยกันยังมี  พ.ต.อ.จเร สุปิรยะ ผู้กำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 37 ตัดสินใจลาออกอ้างเหตุผลกลับไปดูแลแม่บังเกิดเกล้าที่อยู่ในวัยชรา

ตามที่เจ้าตัวโพสต์

“เรียน หน.สภ.ทุกท่าน ผมต้องลาออก เพราะมีภารกิจที่ให้ใครทำแทนไม่ได้ จะรอเกษียณแล้วค่อยไปดูแล ก็กลัวจะเสียใจภายหลัง ผมถึงดวงดาวแล้ว เพราะเลือกดาวที่อยู่ใกล้ ขอให้ทุกท่านโชคดี มีความสุขครับ

ท่ามกลางคำชื่นชมสดุดีการตัดสินใจครั้งนี้ในโลกออนไลน์

ขณะที่ ร.ต.อ.อมรพันธุ์ ฉิมอิ่ม รองสารวัตรฝ่ายตรวจคนเข้าเมืองขาออก ด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หรือรู้จักกันดีในนาม “ผู้กองเบนซ์” นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 66 นายตำรวจหนุ่มวัยเพียง 29 ปี

ขอจรลีจากเครื่องแบบสีกากีไปด้วยเช่นกัน

สมัยเรียนอยู่ชั้นปี 4 เขาเคยหนึ่งเดียวของตำรวจไทยที่ได้ถ้วยพระราชทานด้านการพูดสุนทรพจน์ตามโครงการ “ถวายงานผ่านภาษา” จากในหลวงรัชกาลที่ 9

ถือเป็นเวทีที่นักพูดทุกคนใฝ่ฝัน

พื้นเพเป็นคนจังหวัดชัยนาท แต่เติบโตที่ลพบุรี จบระดับประถมศึกษาโรงเรียนตันติวัฒน์ มัธยมโรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย ก่อนสอบเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 50 ตามความใฝ่ฝันที่จะเดินตามพ่อที่เป็น “วีรบุรุษสงครามเวียดนาม”

ทว่าเลือกเหล่านักเรียนนายร้อยตำรวจ อีกทั้งยังมีวุฒินิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เป็นเนติบัณฑิตไทยสมัยที่ 68 ปริญญาโท สาขาอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม มหาวิทยาลัยรังสิต

รับราชการครั้งแรกตำแหน่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรสำโรงเหนือ จังหวัดสมุทรปราการ แล้วโยกมาเป็นรองสารวัตรฝ่ายตรวจคนเข้าเมืองขาออก ด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

ตำแหน่งสุดท้ายที่กลายเป็นอดีตในปัจจุบัน

นายตำรวจหัวคิดใหม่ที่กำลังมีอนาคตสดใส เป็น “กระบี่มือระดับต้นเรื่องกฎหมาย” ของหน่วยตรวจคนเข้าเมือง

เขามีความสามาถด้านการกล่าวสุนทรพจน์จากที่เคยเป็น “นักโต้วาที” สมัยเรียนมัธยม ได้รับรางวัลมาทั้งในระดับจังหวัด และระดับภูมิภาค

ได้รับการคัดเลือกให้เป็น นักเรียนรางวัลพระราชทาน ประจำปี 2548 จาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

คือ ความภาคภูมิใจสูงสุดในชีวิตการเป็นนักเรียนมัธยม

ระหว่างศึกษาอยู่รั้วสามพรานได้สร้างชื่อเสียงแก่สถาบันในเวทีประกวดสุนทรพจน์ โครงการ “ไทยโปร่งใส – ไทยเข้มแข็ง”  รับรางวัลโล่เกียรติยศของนายกรัฐมนตรี

นำไปสู่แรงบันดาลฝ่าอุปสรรคจนรับถ้วยพระราชทานจากในหลวงรัชกาลที่ 9

ทักษะทางด้านการพูดของนายตำรวจหนุ่มนำไปมาประยุกต์ใช้งานประชาสัมพันธ์ และงานมวลชนเพื่อสร้างภาพลักษณ์แก่องค์กร แสวงหาความร่วมมือกับประชาชนในการป้องกันอาชญากรรม

 “ถึงแฟนจะทิ้งคุณไป แต่ตำรวจไทยไม่ทิ้งคุณ”

เจ้าตัวยังใช้เอาความรู้ทางกฎหมายผ่านสื่อต่าง ๆ เช่น รายการ ทอล์กโชว์ โซไซตี้ ทางสถานีข่าว อสมท รายการ สนามข่าว เสาร์-อาทิตย์ ช่อง 7 สี และเป็นผู้ดำเนินรายการ “เปิดประตูเมืองไทย” ทาง Police Radio

รับเป็นวิทยากรบรรยายตามหน่วยงานรัฐและภาคเอกชน

ส่งให้เขาเลือกทางเดินเป็น “ติวเตอร์” สอนกฎหมาย หาความท้าทายใหม่ดีกว่าเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์

 

 

 

 

RELATED ARTICLES