ก้าวที่ 48 แค้นต้องชำระ

ทิ้งเงินเดือน 13,000 บาท เพื่อมารับเงิน 5,500บาท ไม่รวมโอที ผมเลือกสถานที่ที่ทำงานแล้วสบายใจ เหมาะสมกับตัวเองมากกว่าค่าความเปลี่ยนแปลงของเม็ดเงิน

ไม่อย่างนั้นคงลำบาก

ยึดหลัก คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก

อากาศเย็นยะเยือกยามเช้า ลมหนาวกระทบร่างให้ขนลุกชูชันเล็กน้อย กรุงเทพมหานคร คืนหลังผ่านการเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เริ่มต้นศักราช 2539 รถราโล่ง ผู้คนส่วนมากออกเที่ยวเทศกาลปีใหม่ตามต่างจังหวัดกันคึกคัก

ส่วนผมได้ของขวัญชิ้นใหญ่ด้วยการที่บริษัท วัชรพล จำกัด บรรจุเป็นพนักงานหนังสือพิมพ์ไทยรัฐเต็มตัว

ใช้เวลานาน 4 เดือนเต็มกับช่วงทดลองงาน ได้รับการปรับฐานเงินเดือนขยับขึ้นมา 8,500 บาท

“เอาเถอะ บวกโอที โบนัสปลายปีอีก 6 เดือน เอ็งก็สบายแล้ว” รุ่นพี่คนหนึ่งปลอบขวัญ เขามีส่วนทาบทามให้ผมเข้ารังสำนักข่าวหัวเขียว ยักษ์ใหญ่แห่งทุ่งวิภาวดีรังสิต

ผมยิ้มสูดลมหายใจเต็มปอด กอดไอหนาว ในสภาพอากาศที่แห้งแล้ง ก้อนเมฆบางตา ท้องฟ้าสีครามสวย

นึกถึงสมัยเรียนมัธยม บรรยากาศผ่านพ้นปี หลายคนใส่เสื้อกันหนาวหลากสีมาอวดเพื่อน นักกีฬาโรงเรียนโดดเด่นกว่าใคร ชุดวอร์มแสดงความยอดเยี่ยมเกรียงไกรในความสามารถของการเป็นดาวเตะลูกหนังประจำทีมบ่งรัศมีความเป็นซุปเปอร์สตาร์ เสียดายที่เป็นสถาบันชายล้วน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงมีนักเรียนหญิงรุมตอม

ขอหอมและล้อมอยู่ในอ้อมกอดให้หายหนาว

สะบัดหน้าลืมอดีต กลับเข้าไปนั่งรถตระเวนข่าว ชีวิตประจำวันเปลี่ยนไปมาก อยู่กับคนขับรถวันละอย่างน้อย 8 ชั่วโมงนานกว่าคนรักที่บ้านด้วยซ้ำ เผชิญข่าวอาชญากรรมนานาประเภท ทำให้เราต้องหลอมดวงใจเป็นหนึ่งเดียวกัน

เพื่อให้งานตามหน้าที่ในแต่ละเวรไม่ขาดตกบกพร่อง

“เอ็งจำไว้อย่าง เอ็งต้องขี่มันให้ได้” กิจจา ทองเกลา คนข่าวรุ่นพี่กำชับ ทำเหมือนผมจะไปออกรบควบม้าพยศทำศึกซะงั้น

“จำไว้นะโว้ย” เขาบอกกับผมในวันสุดท้ายของการเป็นนักข่าวตระเวนเลื่อนชั้นไปประจำกรมตำรวจ ทิ้งภาระสำคัญให้ผมรับไม้ผลัดแทน

“603 เรียก 08” ผมวิทยุเข้าศูนย์

“08 ว.2”

“ขอทราบ ว.1 803”

“08 เรียก 803 เรียก 803 ว.2 เปลี่ยน” พนักงานวิทยุหนังสือพิมพ์ไทยรัฐเสียงเข้ม “เรียก 603 …803 ไม่ ว.2 เปลี่ยน”

“603 ทราบ ว.61”

ผมเริ่มกระเดือกข้าวเช้าไม่ลงคอ นาฬิกาบอกเวลาสายมากแล้ว ข้าวแกงร้านประจำหน้าสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 ที่อยู่หลังสำนักงานหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เป็นที่รวมสมัครพรรคพวกตระเวนข่าวตอนเช้าก่อนแยกย้ายไปตามความรับผิดชอบของแต่ละเขต

“มันไปไหนวะ” สุรชัย นิโครธานนท์ ตระเวนข่าวผลัดเดียวกันตักไข่พะโล้เมนูโปรดเข้าปากก่อนถาม

“แม่ง… คงไปตามเมียมันแหละ” ผมถอนหายใจ

“รามาแจ้งเหตุชายพยายามกระโดดจากที่สูงเพิ่มเติม รับแจ้งจากบางเขน 20 ชายคนดังกล่าวกระโดดลงมาแล้ว เจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังนำ ว.25 โรงพยาบาลใกล้เคียง”

ยิ่งเร่งเร้าให้อาการผมร้อนรุ่มและร้อนรน

ผ่านไปนานกว่า 30 นาที คนขับรถตัวดีเพิ่งถ่อสารถีมาถึง ผมขึ้นรถบอกให้ไปโรงพยาบาลวิภาวดีทันที เป็นประโยคคำสั่งเดียว บรรยากาศในรถเงียบสนิทตลอดระยะเวลาการเดินทาง

เวลา 08.20 นาฬิกาของวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2539 พลตำรวจอนันต์ อินทรโชติ เจ้าหน้าที่สายตรวจ สถานีตำรวจนครบาลบางเขน กำลังตรวจพื้นที่อยู่ในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รับแจ้งจากศูนย์วิทยุของโรงพัก มีเด็กนักเรียนกำลังจะกระโดดตึกฆ่าตัวตายที่หอพักนิสิตชายที่ 14 ตรงข้ามโรงอาหารกลางของมหาวิทยาลัย

พบจักรกฤษณ์ วงษ์วรรณ อายุ 17 ปี นักเรียนชายชั้นมัธยม4 โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สวมชุดนักเรียน นั่งร้องไห้อยู่บนดาดฟ้าชั้นที่ 5 ของหอพัก ร้อยตำรวจเอกสุพัฒน์ ลิ้มอิ่ม ร้อยเวรสอบสวนเดินทางไปสมทบ พร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย พลตำรวจอนันต์ตัดสินใจขึ้นไปเกลี้ยกล่อมเจรจาปลอบประโลมให้นักเรียนหนุ่มเปลี่ยนใจ

เหตุการณ์กับคาดไม่ถึง เมื่อจักรกฤษณ์เห็นตำรวจก็รีบลุกขึ้นยืนก้าวถอยหลังไปยืนขอบระเบียบดาดฟ้า ความตึงเครียดทำให้นักเรียนขาดสติ ก่อนดีดตัวเองถอยหงายหลังลอยลงจากดาดฟ้าอาคารร่างละลิ่วกระแทกพื้นคอนกรีตด้านล่าง ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของนิสิตมหาวิทยาลัยชื่อดังกว่า 100  คน

เจ้าหนุ่มหมดสติ เจ้าหน้าที่กู้ภัยช่วยกันพาส่งโรงพยาบาล

ผมก้าวเหยียบห้องฉุกเฉินภายหลังเหตุวิกฤติคลี่คลาย นักเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นอนอยู่บนเตียงสายระโยงระยางเต็มไปหมด อาการสาหัสเป็นตายเท่ากัน เจ้าหน้าที่กันไม่ให้นักข่าวถ่ายภาพ ความเก๋าประสบการณ์ของผมไม่ดีพอ ยอมเก็บกล้องใส่กระเป๋าสะพายกลับขึ้นรถ

“ไปบางเขน” เสียงแข็งแสดงอารมณ์ขุ่นต่อ

“ขอโทษที” โชเฟอร์หนุ่มอายุมากกว่าเอ่ยปากคำแรก “เมื่อเช้าผมไปส่งเมียมา”

ผมไม่ตอบ รู้รสความสัมพันธ์ของเขากับเมียรักที่เพิ่งขายที่ดินแปลงใหญ่ในย่านวังหินรับเงินก้อนโตแล้วเกิดระแวงฝ่ายหญิงจะนอกใจ เพราะมีนายตำรวจหนุ่มเข้ามาพัวพัน

ผมเห็นใจ แต่ไม่ใช่เวลาคับขันเช่นนี้

“มีใครได้รูปหรือเปล่า” ถึงโรงพักมีนักข่าวหลายฉบับรออยู่ เกือบทุกคนส่ายหัวตอบเป็นเสียงเดียวกัน ทำเอาผมชื้นขึ้นมาบ้าง

ครอบครัวของเด็กหนุ่มวัย 17 ปี ให้ข้อมูลกับตำรวจว่า จักรกฤษณ์ เป็นลูกชายของวสันต์ วงษ์วรรณ ปมเหตุที่คิดสั้นฆ่าตัวตาย เนื่องจากถูกพ่อแม่ดุด่าที่ผลการเรียนตกต่ำจนติด “ร” และได้เกรด 0 ตั้งแต่เปิดเทอมเป็นต้นมา

จันทร์ศรี วงษ์วรรณ ผู้เป็นย่าบอกเพิ่มเติมว่า สังเกตเห็นหลานชายอาการซึมเศร้าตลอดเวลา เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ วันเกิดของอา ตนโทรศัพท์ชวนไปร่วมงานด้วย แต่หลานชายปฏิเสธ อ้างว่า ไม่สบาย รู้ล่าสุดว่า ก่อนมาโรงเรียนยังถูกพ่อแม่ดุด่าอีก เป็นเหตุให้เกิดความเครียดจนทนไม่ไหวตัดสินใจฆ่าตัวตายก็ได้

ส่วนวสันต์ วงษ์วรรณ ผู้พ่อใบหน้าเงียบขรึม ไม่ยอมพูดอะไร

ด้านนายแพทย์เกษียณ พัวพานนท์ เผยอาการของเด็กว่า อยู่ในขั้นน่าวิตก สมองได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ทำให้ฐานสมองแตก ม่านตาขวาขยายเกินปกติ หน้าอกมีรอยช้ำ มองดูแล้วมีโอกาสรอดน้อยมาก แต่แพทย์จะพยายามช่วยชีวิตอย่างเต็มที่

เรียบเรียงรายละเอียดส่งข่าวเสร็จ นั่งรถประจำทางกลับบ้าน มีความรู้สึกขาดหายอะไรหลายอย่าง ทั้งข้อมูล และภาพถ่าย ยอมรับว่า อารมณ์บูดจากคนขับรถเป็นเหตุตั้งแต่เช้า มีส่วนให้ทำข่าวแบบซังกะตาย ไร้จุดหมายเมื่อรู้ว่า ไปไม่ทันที่เกิดเหตุแล้ว

ถ้าทีมพร้อมตั้งแต่ได้ยินวิทยุแจ้ง อาจได้ลุ้นมากกว่านี้

“ฉบับอื่นก็ไม่ทันเหมือนกัน ไม่ใช่หรือ” สุรชัย นิโครธานนท์ว่า

“กูก็หวังไว้เช่นนั้น”

รุ่งขึ้นระหว่างเดินทางเข้าโรงพิมพ์ วิทยุติดตามตัวโชว์หมายเลขให้โทรศัพท์กลับหารีไรเตอร์ ผมรอถึงแผนกรีบโทรกลับ

“เอ่อ …โต้ง อยู่ไหนวะ”

“เพิ่งถึงโรงพิมพ์ครับ”

“รีบเดินมาหาหัวหน้าด่วน” น้ำเสียงดูท่าจะไม่สู้ดีนัก

หัวหน้าสุชิน ติยะวัฒน์ เงยหน้ามาเห็น กวักมือเรียกไปกระซิบ “ไอ้ห่า มึงไม่ได้รูปหรือ” ผมสะดุ้ง หัวใจหล่นตุบ “รูปอะไรครับ”

“ไอ้เด็กนักเรียนสาธิตที่มันกระโดดตึกเมื่อวานไง”

ยังไม่ทันได้แก้ตัว เสียงคำรามก้องจากผู้เป็นนายลั่น

“คุณสุชิน ผมหงุดหงิดมากเลยนะเรื่องนี้” สราวุธ วัชรพล หัวหน้ากองบรรณาธิการนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่โต๊ะข้าง ๆ จ้องจนผมต้องหลบสายตา

“นาย นี่ครับ เด็กตระเวนข่าว” หัวหน้าสุชินว่า “เฮ้ยเอ็ง เดินไปคุยกับนายเลย”

“มันยังไง ทำไมเราไม่ได้รูป”

“ผมไปไม่ทันครับ” แก้ตัวเสียงสั่น

“แบบนี้มันใช้ไม่ได้”

“ครับ”

“ทำไมฉบับอื่นเขามี แล้วเราไม่มี” แกกางหน้า 1 หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ให้ดู “คุณดูซิ”

ภาพข่าวนักเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ถูกตีขึ้นใหญ่โตเป็นชอตต่อชอต ตั้งแต่ยืนบนดาดฟ้าหอพักก่อนถอยหลังกระโดดลงมา

ผมอึ้งพูดไม่ออก สมองชา หูตึง เหงื่อตก

“นายครับ” หัวหน้าข่าวหน้า 1 พยายามลดโทนอารมณ์ทายาทตระกูลวัชรพล ” แต่ผมว่า คนอื่นถ่ายมามากกว่า ไม่น่าใช่นักข่าวถ่ายเอง”

“มันไม่นาน ไม่ใช่หรือ” สุชินถามมายังผม

“ครับ แป๊บเดียวก็โดดลงมาแล้ว ผมเลยไปไม่ทัน”

“ผมว่า น่าจะมีคนถ่ายมาให้เดลินิวส์” ผู้มากประสบการณ์ข่าวออกตัวให้

“แล้วทำไมไม่ให้เราล่ะ” คุณสราวุธหัวเสียต่อ “ก็เพราะเราไม่ขวนขวายใช่ไหม”

ผมก้มหน้ายอมรับชะตากรรม “ครับ”

“ทีหลังอย่าให้พลาดอีก”

ผมยกมือไหว้กึ่งจะเอ่ยขอโทษ แต่น้ำเสียงไม่ออก

“ไป ออกไปทำงานได้แล้ว” หัวหน้าสุชินชิงตัดบท

กลับมานั่งที่แผนก มึนไปหมด เปิดอ่านหนังสือพิมพ์คู่แข่งหลายฉบับ นำเสนอข่าวพร้อมภาพเด็กสาธิตเกษตรน้อยใจพ่อแม่ตำหนิด่วนตัดสินใจลาโลก ตรงกันข้ามกับสังกัดตัวเองลงเป็นแค่ข่าวสั้นทันโลก

แม้จะไม่มีภาพชอตต่อชอตถึงเสี้ยววินาทีสำคัญเฉกเช่นเดลินิวส์ แต่เกือบทุกฉบับมีภาพเด็กนอนโคม่าอยู่ห้องไอซียู โรงพยาบาลวิภาวดี

มติชน หนังสือพิมพ์ที่ไม่เน้นข่าวอาชญากรรมยังลงละเอียดว่า นายกำพล อดุลวิทย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้รับรายงานจากนายจงรักษ์ ไกรนาม อาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พบว่า อาจจะมีสาเหตุ 2 ประการ คือ ปัญหาทางบ้าน ซึ่งยังไม่ได้รับข้อมูลแน่ชัดเกิดจากอะไรหรือไม่ อีกสาเหตุอาจจะมาจากปัญหาด้านการเรียน เนื่องจากแม้เป็นเด็กเรียบร้อย แต่ผลการเรียนไม่ดีนัก ครูเคยเรียกมาพบ และพยายามหาทางแก้ไข แต่เด็กอาจจะคิดมาก

เพื่อนของจักรกฤษณ์คนหนึ่งเผยภายหลังเข้าเยี่ยมว่า พ่อแม่พูดว่า หมอบอกลูกชายคงไม่รอดแล้ว ส่วนสาเหตุ เพื่อนคนนี้คาดว่า จักรกฤษณ์ รับสมุดพกแจ้งผลการเรียนตั้งแต่วันที่ 24 มกราคม ลงทะเบียนเรียนทั้งหมด 10 วิชา ปรากฏว่า ติด “ร” ถึง 5 วิชา อีกวิชาได้คะแนนไม่ดีนัก รวมคะแนนเฉลี่ยไม่ถึง 1.5 อาจต้องเรียนซ้ำ หรือต้องเปลี่ยนแผนการเรียนจากเดิมเรียนสายวิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์ มาเรียนสายศิลป์แทน ทำให้จักรกฤษณ์ไม่กล้านำผลการเรียนให้ผู้ปกครองดู

เขานอนอยู่โรงพยาบาลเพียง 2 วันก็จากไป

หยอดรอยอาลัยให้ผมรู้สึกเจ็บแค้นตัวเอง ทำงานผิดพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย กลายเป็นรอยด่างถูกหัวหน้าและเจ้านายขึ้นบัญชีดำ

ที่สำคัญยังถูกฉบับอื่นหลอกว่า ไม่ได้ภาพ ยิ่งเดลินิวส์ ไม้เบื่อไม้เบาในสนามข่าว ยิ่งทำเอาผมแค้นฝังหุ่น

รอวันคลุกฝุ่นชำระสะสางแค้น

RELATED ARTICLES