โลกไม่ใช่ละคร แต่บางครั้งสะท้อนฉากจากภาพความเป็นจริง
มันคือ การแสดงบนเวทีที่ไม่มีบทท่อง เสมือนนักร้องที่ไม่จำเป็นต้องอาศัยไมค์และแสงไฟส่องหน้า
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล นายพลหนุ่มดาวรุ่งกำลังขึ้นไปยืนอยู่จุดนั้น ภาพอดีตที่เคย “เนื้อหอม” ปัจจุบันอาจไม่มีลูกน้องรุมตอม
อาจเป็นวันที่ไร้ “แสงแฟลช”ของช่างภาพและนักข่าวรุมล้อมหน้าล้อมหลัง
ทิ้งให้เผชิญชะตากรรมเพียงลำพัง
เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ถือเป็นนายพลตำรวจหนุ่มอนาคตไกล ขยับนั่งเก้าอี้ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ควบภารกิจสำคัญมากมายที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลตามคำสั่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ส่งดาบให้ทำหน้าที่ “ผู้ช่วยโฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี”
สุดท้ายถูกมองเป็น “ผู้มากบารมี” อยู่เบื้องหลัง เป็น “ไอ้โม่ง” ยำตั๋ว จัดโผเหนืออำนาจของผู้นำหน่วย
“เราเปลี่ยนความคิดคนไม่ได้ ห้ามคนพูดถึงเราในทางแย่ไม่ได้ แต่เราทำในสิ่งที่เป็นแก่นแท้ของเราต่อไปได้โดยไม่ต้องสนคำคนเหล่านั้น” เจ้าตัวเคยระบายความในใจเมื่อสมัยนั่งรองแม่ทัพกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว
ยืนยันว่า ไม่ใช่เป็นผู้มีบารมีสีกากี
เพราะการแต่งตั้งเป็นการพิจารณาของผู้บังคับบัญชาเลือกคนทำงานตามความเหมาะสม
กระทั่งมรสุมผ่านเข้ามาในชีวิต ทันทีที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงนามคำสั่งเด้งเข้ากรุไปปฏิบัติราชการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
จ่อเข้าที่ประชุมย้ายขาดพ้นเก้าอี้ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
ท่ามกลางกระแสข่าว “เขาเล่าว่า” เกิดขึ้นมากมายในโลกออนไลน์
ถึงตอนนี้ต้องจับตา พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล จะยอมเป็น “หนังหน้าไฟ” ฉายเดี่ยว “เละเป็นโจ๊ก” คนเดียวหรือไม่
หากปมร้อนถูกโยงพัวพันถึงการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจระดับ รองผู้บังคับการ-สารวัตร ประจำปี 2561 ที่เพิ่งคลอดทะลักเกือบหมื่นตำแหน่งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 แล้วมีกระแส “ก้อนเงิน” เดินสะพัดตัดเข้าสู่กลุ่มอำนาจที่เกาะกินในทุ่งปทุมวันนานหลายปี
ต่อรองราคา “ค่าเก้าอี้” มากมายมหาศาล
คนทำงานไม่มีเส้นสาย โดนย้ายกันระแนนระนาดแบบ ผิดฝา ผิดตัว เป็น “ปลาผิดน้ำ”
นักสืบถูกจับโยกลงงานสอบสวน งานอำนวยการ กับงานที่ไม่ถนัด นักรบเสียสละเสี่ยงตายอยู่ชายแดน 3 จังหวัดภาคใต้ ไม่มีโอกาสย้าย เพราะไม่มีเส้นสายต่อรอง
มีนายตำรวจระดับ “มันสมอง” เพียงหยิบมือได้ถือสิทธิเลือกความเจริญก้าวหน้า แต่ต้องแลกเวลาเสนอหน้าผู้เป็นนาย
นำไปสู่ความเสียหายเป็น “โดมิโน”ล้มพังกันเป็นแถบ
บางคนแอบนั่งจิบกาแฟหอมกรุ่นเพลินใจ
เช่นเดียวกับ “คู่นายพลคนดัง” ที่มีส่วนปู้ยี่ปูยำบัญชีแต่งตั้งโยกย้าย ยังคงนั่ง “น้ำลายสอ” รอเวลาสูบเลือด เชือดเงินเพื่อนร่วมอาชีพต่อไป
แน่นอนว่า ระบบวิ่งเต้นใช้เส้นสายและคนของนายมีมาทุกยุคสมัย
แต่ไม่เคยหิวกระหายทำลายคนทำงานเท่าพวกเหลือบไรเหล่านี้