ลุ้นฉากอวสานแก๊ง จ อ ก

เอฟเฟกต์ที่เกิดขึ้นกับมรสุมชีวิต พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล นายพลหนุ่มที่เคยถูกมองอนาคตไกลกำลังกลายเป็นประเด็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ในวงการสีกากี

ลุ้นกันว่าจะมีอาฟเตอร์ช็อกตามมาหรือไม่

ท่ามกลางข่าวลือในโลกโซเชียลหลายทิศทาง แบบไม่มีอ้างแหล่งข่าว ไม่มีที่มาที่ไป อาศัยจินตนาการ  “มโน” กันไปตามปมร้อน

สับสนวุ่นวายกันอยู่บนกะลาไซเบอร์

เหตุผลที่มีน้ำหนักมากสุด ทำให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล พ้นเก้าอี้ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ถอดเครื่องแบบเป็นข้าราชการพลเรือนตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี(นักบริหารระดับสูง)

ผู้สันทัดกรณีฟันธงมาจาก “ดุสิตโมเดล” โยงไปถึงปัญหาการแต่งตั้งโยกย้ายระดับ รองผู้บังคับการ-สารวัตร เหยียบหมื่นตำแหน่งที่ยื้อแย่ง “เก้าอี้ทำเลทอง” ทว่าบางคนไร้สมองความเป็น “ผู้หน่วย” ก่อเหตุเกิดปัญหาความเสียหายในการบริหารราชการ

ภารกิจสำคัญของประเทศกลับไม่เลือกบุคลากรที่เหมาะสมมาทำหน้าที่ตามถนัด

เช่นเดียวกับ “ทัพอรินทราช” ที่ขาดความยั้งคิดในการจัดการวางตัว “ขุนพล” ด้วยเพราะสาละวนอยู่กับพี่น้องและผองเพื่อน

เป็นหนึ่งในฟางเส้นสุดท้ายเชือด พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล หมดอาการ “หวานเจี๊ยบ” ละเมียดความเจ็บปวดเพียงลำพัง

ทั้งที่บางครั้งมี “ใบสั่ง” ของผู้กุมอำนาจทุบโต๊ะเด็ดขาดประกาศต้องเอาคนของตัวเองจับจ้องตำแหน่งทองไม่สนใจใคร

ถามว่า พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ได้สิทธิ “ปู้ยี่ปู้ยำ” บัญชีแต่งตั้งโยกย้ายบรรดาชาวสีกากีกว่าหมื่นชีวิตคนเดียวได้หรือ

วงใน “ยุทธจักรโล่เงิน”  รู้กันดีว่า มีใครอยู่เบื้องหลัง “เผาทุ่งปทุมวัน” พังพินาศ

อะไร คือ “แก๊ง จ อ ก” และ ใครคือ “มารขาว-มารดำ” กุมชะตากรรมในบัญชียำใหญ่แบบผิดฝา ผิดตัว “ยัดไส้ตั๋วฝาก” สร้างความบอบช้ำแก่คนทำงาน ระรานไปถึงครอบครัวลูกเมียตลอดหลายปีที่ผ่านมา

อาณาจักรของ “พี่ใหญ่ พี่รอง และน้องเล็ก” เต็มไปด้วยบริวารและเครื่องบรรณาการอัดแน่นเต็มโต๊ะ จัดแจง “โละ” คนไม่มีเส้นสาย คนไม่มีนายฝากมา แต่ยังต้องมี “อัตราค่าเก้าอี้” เป็นเครื่องการันตีความเจริญก้าวหน้า  

ไม่รู้เหมือนกันว่า “คำสั่งฟ้าผ่า” เด็ดอำนาจ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล จะช่วยประหัตประหาร “เหลือบไร” ของคนหิวกระหายกลุ่มนี้ได้มากน้อยแค่ไหน

หลายคนกำลังสาปส่งภาวนาให้ “ล้างบาง” ขบวนการที่ทำลายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำไปสู่วงจรอุบาทว์ในการแต่งตั้งโยกย้าย

อันตรายสุด คือ “จ อ ก”

เสมือนการรวมตัวกันของวัชพืช สามารถพบได้ทั่วไปในบริเวณที่มีน้ำ (ลาย)  จากประโยชน์ที่ใช้เป็น “ยาเย็น” กลับสร้างความ “เย็นชา” ให้แก่คนทำงาน ขับพิษไข้ใจ ขับเหงื่อ (นักวิ่ง)

พร้อมเป็น “ยาเบื่อ” ไปในตัว แต่ไม่ได้แก้อาการบิด (เบี้ยว) ผิดฝา ผิดตัว แถมเพาะฝีหนองภายนอก ตอกอาการบอบช้ำภายใน (หัวใจ)

การเกิดตัวของ “ จ อ ก” ยังบ่งบอกถึงการรุนรานปิดทางไหลของคนทำงาน ส่งให้บางคนอาศัยไม่ได้ต้องจรลี “ลาออก” จากท้องทุ่งปทุมวัน

ทำลายเก้าอี้ท้องถิ่นภูธรยันเมืองหลวง

“จ อ ก” ถึงกลายเป็น “วัชพืชอันตราย” แก้ไข้ แก้กระหายเฉพาะ “นายบางคน”  แต่กลับวกวนทำ “น้ำเน่าเหม็น” ทุกครั้งที่ “ จ อ ก” รวมตัวกันขยายพันธุ์

หลายคนถึงลุ้นรอวันฉากอวสาน “แก๊ง จ อ ก” อย่างใจจดใจจ่อ

 

 

 

 

RELATED ARTICLES