เมื่อกระทงไม่หลงทางแล้ว

เงื้อดาบกว่าจะฟันอยู่นาน

กระทั่งเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของตำรวจ ส่อเป็น “ไฟไหม้ฟาง” ไม่ยอมสางคดีข่มขู่รีดทรัพย์ลิขสิทธิ์กระทงลายการ์ตูนของเหยื่อเด็กวัย 15 ปีกลางเมืองนครราชสีมา

เมื่อถึงวันนี้ ตำรวจทำดีก็จำเป็นต้องชื่นชม เพราะสังคมส่วนรวมได้ประโยชน์

ขอบคุณ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นหัวหอก “สะพัดแส้” พาคณะทำงานของ พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ที่มี พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 พล.ต.ต.ปวริศ บุญสุทธิ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 และ พล.ต.ต.สุจินต์ นิจพานิชย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ขับเคลื่อนทีมสืบสวนสอบสวน

รวบรวมพยานหลักฐาน “กระชากหน้ากาก” แก๊งมิจฉาชีพรายใหญ่ของประเทศที่ออกตระเวนบิน “ตีกิน” ชาวบ้านตาสีตาสาไม่รู้ข้อกฎหมายด้วยการขู่กรรโชกทรัพย์ค่าละเมิดลิขสิทธิ์ไปเป็นจำนวนเงินไม่น้อย

สุดท้ายตำรวจพบหลักฐานสำคัญว่า ตัวแทนลิขสิทธิ์เถื่อนรู้จักกันในนาม “แก๊งบราโว่” ปลอมลายเซ็นใบมอบอำนาจจาก บริษัท เวอริเช็ค จำกัด เจ้าของลิขสิทธิ์นำไปใช้เป็นหลักฐานแจ้งความเอาผิดกระทงลายการ์ตูนจนกลายเป็นข่าวโด่งดังว่อนโลกโซเชียล

ผู้ต้องหาประกอบด้วย นายประจักษ์ โพธิผล อายุ 56 ปี คอยเจรจาไกล่เกลี่ยผู้ละเมิดลิขสิทธิ์เปิดโอกาสให้ต่อรองนำเงินมาแลกกับการไม่ถูกดำเนินคดีที่มีอัตราโทษสูง  มี นายภูมิภากร ถินสุวรรณ์ อายุ 42 ปี ฉายา “นัน กิ่งเพชร” สวมบทขาใหญ่ข่มขู่ ขณะเดียวกัน ได้ น.ส.วนิสา ถินสุวรรณ์ อายุ 24 ปี ลูกสาวของนายภูมิภากร ทำหน้าที่เป็นผู้ติดต่อล่อซื้อสินค้า

พนักงานสอบสวนนำหลักฐานไปขออำนาจศาลจังหวัดนครราชสีมาออกหมายจับผู้ต้องหา 3 ราย ในความผิดฐาน ปลอมแปลงเอกสาร ใช้เอกสารปลอม แจ้งความเท็จ และ กรรโชกทรัพย์ ก่อนถูกตามจับกุมในเวลาต่อมา

พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติบอกว่า เป็นเพียงแค่เริ่มต้นก้าวแรกที่เตรียมขยายผลไปคดีอื่นเพื่อขุดรากถอดโคนขบวนการนี้ให้สิ้นซาก

แม้ทั้ง 3 คนจะพร้อมใจกันให้การภาคเสธ

แต่หลักฐานการกระทำความผิดที่ตำรวจถืออยู่ในเมื่อระบุถึงพฤติกรรมของนายประจักษ์ โพธิผล ล่อซื้อจับกุมสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ในปี 2562 เฉพาะพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาจำนวน 90 คดี เป็นการใช้เอกสารปลอม 55 คดี ของจริงเพียง 35 ราย ส่วนภาพรวมทั้งประเทศมากถึง 329 คดี  

วันนี้เรื่องราวของกระทงไม่ได้หลงเข้ากลีบเมฆอีกแล้ว

ขึ้นอยู่กับ “แก๊งบราโว่” จะโดนข้อหาต่างกรรมต่างวาระกันกี่กระทง

 

 

RELATED ARTICLES