“ตำรวจเป็นอาชีพที่เขารัก เพราะฉะนั้นเราก็ต้องรักในอาชีพของเขา”

ากชีวิตคู่ล้มเหลวคงไม่เลวร้ายที่จะลุกขึ้นมาเริ่มปลูกต้นรักใหม่

คุณดา- ชลลดา ลิ้มสังกาศ กลายเป็นสาวคู่ทุกข์ผู้ดูแลหัวใจ พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอ่างทอง นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 41 พ่อม่ายลูกติด สร้างชีวิตครอบครัวให้มั่นคงด้วยรักยืนยงตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา

เริ่มต้นจบโรงเรียนสาธิตสถาบันราชภัฏเทพสตรี สอบติดมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สาขาส่งเสริมนิเทศศาสตร์เกษตร มาทางสื่อสารมวลชน

พอเรียนจบปริญญาตรี เข้าเรียนต่อหลักสูตรนานาชาติ ปริญญาโทบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยรามคำแหง คุณดาเล่าว่า ชีวิตทำงานมาตั้งแต่อยู่ปี 3 แล้ว รับเป็นเอ็มซี เดินแบบแนะนำสินค้าแบรนด์เนม เพราะเราตัวสูงใหญ่ ช่วงเวลานั้นได้รับการติดต่อจาก พ.อ.พิเศษ สุทัศน์ ลิ้มสังกาศ พ่อของเขาที่สนิทสนมกับที่บ้านให้มาทำความรู้จักกับลูกชาย ซึ่งขณะนั้นเป็นตำรวจอยู่โรงพักบางเขน

“ไม่เคยรู้จักเขามาก่อน แต่คุณพ่อเขาเป็นผู้ใหญ่ที่ดาเคารพนับถือ แนะนำว่า ลูกแกเป็นคนขยัน แต่ก็ยังไม่เคยเจอหน้ากันจนแกขอให้ไปฝึกงานกับลูกชายที่โรงพักบางเขน” คุณดารำลึกความหลัง เธอยอมรับว่า ตอนแรกยังงง ทำไมต้องไปฝึกงานกับตำรวจ ไม่รู้เลย ตำรวจ คือ อะไร พ่อเขาก็จะอธิบายว่า อาชีพตำรวจ เป็นอะไรที่ต้องการคนที่เข้าใจ ทั้งที่ชีวิตเราไม่ได้พัวพันกับตำรวจ กับข้าราชการ ไม่ได้สนใจว่า ตำรวจเป็นอะไรยังไง แต่พ่อเขาจะปลูกฝังตลอดว่า อาชีพตำรวจ เป็นอะไรที่ต้องการความเข้าใจจากครอบครัว แปลกมาก เราก็คิดว่าทำไมต้องเป็นเรา

กระทั่งมีโอกาสไปฝึกงานนั่งพิมพ์คอมพิวเตอร์ตามที่ฝ่ายชายมอบหมาย ครั้งนั้นเธอก็ไม่รู้เหตุผล เพราะคุยกันน้อยมาก เนื่องจากฝ่ายชายเป็นตำรวจหนุ่มไฟแรงเอาแต่ก้มหน้าก้มตาทำงาน แทบไม่มีเวลาให้ครอบครัว

“คุณพ่อเขาจะพูดตลอดว่า ลูกชายงานเยอะ เราก็ไม่รู้ว่า เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ คือ ใคร ก็มีโอกาสได้เจอตอนฝึกงานแล้วก็กลับไปเรียนต่อจนจบ ครั้งแรกที่เจอรู้สึกเฉยๆ ไม่ได้คิดอะไร ทุกวันนี้ก็ยังงง ไม่รู้ว่ามาได้ยังไง ตัวเขาเองปฏิกิริยาก็เฉยๆ เหมือนกัน คบกันได้ เพราะคุณพ่อเขาหมดเลย ทุกวันนี้ต้องขอบคุณพ่อเขาที่ทำให้ได้เรียนรู้เขา ก่อนที่จะได้มาใช้ชีวิตร่วมกัน เพราะยังไง ดาก็รู้อยู่แล้วว่า เขา ยังไงก็จะชอบทำงานในอาชีพที่เขารัก คือ อาชีพตำรวจ ดาเข้าใจตั้งแต่ยังไม่ได้เจอเขา”

วันหวานของเดทครั้งแรก คุณดายิ้มจำวีรกรรมของสามีแม่นว่า เป็นวันเคาต์ดาวน์ส่งท้ายปี 1999 ตอนรับปี 2000 เขาเป็นตำรวจรถไฟ นัดไปที่ อ.ต.ก. เพราะต้องไปตรวจความเรียบร้อยสถานบริการ มันไม่ได้พิเศษอะไร เนื่องจากเขาไปทำงานเลยนัดเราทานข้าว ปรากฏว่า มีวัยรุ่นยกโขยงตีกัน เขาจับมือเราออกจากร้านก่อนผลักไปอยู่เสาไฟแล้วตัวเขาก็หายไปเลย ทิ้งให้เรานั่งแท็กซี่กลับหอพักของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แต่ก็โทรมาถามว่า ถึงที่พักหรือยัง

“นี่คือนัดครั้งแรก ไม่ได้สวยหรูอะไรนะ แต่ก็ประทับใจมิรู้ลืม แล้วก็ยังคิดว่า ตลอดเวลาที่เจอกันมา ไม่มีหวานแหวว แต่ว่าก็อยู่ด้วยกันก็มีความสุข ไม่ได้คิดว่า เขาจะต้องเป็นยังไง คบกันมาวันนี้ ก็ 16 ปีแล้ว  เรียนรู้กันมาตลอด ตัดสินใจใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ตามเขาไปทุกที เพราะเปลี่ยนงาน ย้ายตำแหน่งเกือบทุกปี สุดท้ายตามขึ้นไปอยู่เชียงใหม่ วางแผนตั้งรกรากอยู่ทางภาคเหนือกันเลย”

ภรรยาสาวผู้บังคับการหนุ่มสารภาพว่า ยอมไม่เรียนต่อปริญญาโทเพื่อไปดูแลเขา ได้เห็นชีวิตจริงๆ คือ อะไร เกี่ยวกับตำรวจ ไม่เคยได้กลับตรงเวลา เวลาที่คนอื่นนอนกัน คือ เวลาที่เขาทำงาน เวลาที่คนอื่นเขาอยู่เป็นครอบครัว ก็มีงาน ก็เป็นเรานี่แหละ เราพยายามจะบอกว่า วันเกิดเรานี่เป็นวันสำคัญ แต่เขาก็ไม่เคยมองว่า มันสำคัญ แต่ถามว่าระยะเวลาที่ผ่านมา จนวันนี้ กลายเป็นวันเกิดเราจะเป็นวันที่ได้อยู่ร่วมกัน เพราะเราเกิดวันที่ 30 ธันวาคม ถามว่าดีไหม มันก็ดีนะ เพราะถ้าเป็น 31 ธันวาคม กับ 1 มกราคม คงไม่มีโอกาสที่ได้อยู่กับครอบครัว

ชีวิตที่ผ่านมา คุณดาว่า เคยถามสามีเหมือนกัน ทำไมต้องทุ่มเททำงานมาก บางครั้งเกือบมีจุดเปลี่ยนของอาชีพ เมื่อถูกทาบทามให้ไปอยู่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินด้วยผลงานของเขา แต่ผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือเตือนสติว่า ถ้าไป แล้วใครจะอยู่ตรงนี้ “ดาก็ถามอีกว่า ที่เหนื่อยอยู่ ทำไปเพื่ออะไร เขาพูดมาคำเดียวว่า ตำรวจเป็นอาชีพที่เขารัก เพราะฉะนั้นเราก็ต้องรักในอาชีพของเขา ครอบครัวก็ต้องเข้าใจ ไม่อย่างนั้นมันคงลำบาก และเมื่อไรที่เขาเหนื่อย ไม่สบายใจ ดาก็จะอยู่เฉยๆ รับฟัง แต่เขาเป็นคนไม่เคยพูด ไม่เคยเอาเรื่องงานมาบอก แต่เราสัมผัสได้ เวลาเขานิ่ง เขาเงียบ เราก็ไม่ได้อยากรู้ และไม่คิดจะไปรู้ สิ่งที่เราต้องทำ คือ ดูแลบ้านให้ดี ดูแลลูก”

อะไรที่ทำให้เธอเลือกเขา เจ้าตัวบอกว่า คงเพราะพ่อเขา ที่บอกเราก่อนที่จะได้เจอกันตั้งหลายปี เรายังคิดว่า ผู้ชายคนนี้ คือใคร ทำไมพ่อเขาถึงพรีเซนต์จนแบบเราเห็นภาพ พ่อเขาจะเลี้ยงลูกชายทั้งสองคนด้วยความรัก เพราะแม่เขาเสียตั้งแต่เล็ก กลายเป็นว่า มีความคาดหวังในตัวลูกทั้งสองเยอะ พอเขาสอบติดนายร้อย ทำให้ความคาดหวังของพ่อเขาสูงขึ้นไปอีก ทั้งเรื่องอนาคต เรื่องครอบครัว ก่อนเจอเขา พ่อเขาจะบอกก่อนเลยว่า ที่ทำงานอย่าไปยุ่ง ให้ดูแลที่บ้านให้ดี หนังสือแม่ศรีเรือน อะไรพวกนี้ เราเรียนก็ต้องอ่านพวกแม่ศรีเรือน ตอนแรกเราก็ไม่เข้าใจ แต่เราก็ทำจนมีทุก

คุณดารับว่า ทะเลาะกันบ้างก็ด้วยความที่เราอายุห่างกัน ความเป็นเด็กในตัวเรามี แต่ความที่เป็นผู้ใหญ่ในตัวเขาสอนให้เราคิด เขาจะไม่ได้บอกให้เราเดินตาม แต่จะพยายามสอนให้เราคิดเป็น ว่า วันหนึ่งที่ไม่มีเขา เราก็จะอยู่ได้จะพยายามทำให้เราอยู่ได้ด้วยตัวเอง ไม่ได้หวือหวา ชีวิตจะต้องสวีทหวาน ไม่มีเลย แต่ก็แบบพยายามให้เราเรียนรู้ ไม่รู้สึกเหนื่อยกับการที่เป็นหลังบ้านตำรวจ เพราะสิ่งที่เราทำไม่ได้พยายามทำ เราเรียนรู้กันมากกว่า เหนื่อยแทนสามีไหม ไม่เลย เราชอบ เราภูมิใจ เวลาเขาได้แสดงฝีมือ เราคิดว่าต้องเป็นเขา ในหลายๆ ครั้งที่เขาแสดงฝีมือ วิสัยทัศน์

สำหรับหลักประคองชีวิตครอบครัว แม่บ้านสาวมองว่า คงไม่ถึงกับไปแนะนำใครได้ แต่เรารู้ว่า เราอยู่กันด้วยความเข้าใจ เชื่อใจกัน หลายๆ ครั้งที่ประสบปัญหา หรือว่า เขาเหนื่อยจากที่ทำงาน ก็จะเป็นคนที่เขากอดได้อย่างสบายใจ

เธอกับเขามีลูกเป็นพยานรัก 2 คน คนแรก น้องกัน-กันยกร ลิ้มสังกาศ อายุ 5 ขวบ และน้องวีกิจ-ฉัตรชนก ลิ้มสังกาศ  อายุ 2 ขวบ 7 เดือน ปัจจุบันทั้งคู่เรียนอยู่โรงเรียนอัสสัมชัญลพบุรี ขณะเดียวกันยังมีลูกติดจากฝ่ายชายอีกคนที่อยู่ด้วยกัน คือ เบิร์ธ-ภานุรุจ ลิ้มสังกาศ กลายเป็นสายใยผูกผันครอบครัวที่อบอุ่น  “ชีวิตเขาเคยมีครอบครัวมาแล้ว แต่เลิกกัน ดาสัมผัสได้ว่า เขารักลูกมาก เป็นสิ่งหนึ่งที่ดามองว่า ผู้ชายคนหนึ่งที่รักลูกเขาได้มากขนาดนี้ แปลว่า คนรอบข้างเขาก็ต้องได้รับความรักแบบนี้ไม่น้อยไปกว่ากัน”

 

 

 

 

RELATED ARTICLES