สังคมยังคงคาใจถึงแรงจูงใจทำไมต้องก่อเหตุ
“ผมมีปัญหาส่วนตัว” ประสิทธิ์ชัย หรือกอล์ฟ เขาแก้ว ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดโพธิ์ชัย เมืองสิงห์บุรี เลือกที่จะตอบแบบกว้าง
“ทำไมต้องฆ่า”
ข้ออ้างยิงเพื่อเปิดทาง ยิงกระสุนพุ่งเป้ากระจกร้านทอง แต่พลาดไปโดนเหยื่อ ถุงมือขัดกับไกปืนทำให้ลั่นซ้ำพนักงานสาวโอโรร่า รวมถึงกระสุนแฉลบใส่ศีรษะ “น้องไทตัล” หนูน้อยวัย 2 ขวบ มันประจวบเหมาะกับภาพเหตุการณ์สะเทือนขวัญผ่านกล้องวงจรปิดในวันนั้นแค่ไหน เป็นเรื่องที่อาจคลางแคลงใจ
ทำไมภาพของผู้อำนวยการโรงเรียนหนุ่มไฟแรง ลูกชายอดีตนายตำรวจ มีฐานะค่อนข้างไม่อัตคัดถึงวิบัติกลายเป็น “โจรอำมหิต” ฆ่า 3 ศพชิงทองเพียง 28 บาท
มันคือ “ด้านมืด” ของมนุษย์อย่างเขาจริงหรือ
ย้อนกลับไปเมื่อเวลาตีสองของวันที่ 16 กันยายน 2549 น.ส.พัฒนาวดี พรหมศร อายุ 43 ปี เจ้าของร้านขายสินค้าโอท็อปในสวนลุมไนท์บาซาร์ ถูกมือปืนติดกล้องเลเซอร์และท่อเก็บเสียงยิงท้ายทอยเสียชีวิต บริเวณลานจอดรถสวนลุมไนท์บาซาร์ ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร ระหว่างกำลังขึ้นรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า แอคคอร์ด สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ษร 8353 กรุงเทพมหานคร กลับบ้าน
ตำรวจพุ่งเป้าคนร้ายหมายชิงทรัพย์เหยื่อสาวในตอนกลางดึกปราศจากผู้คนพลุกพล่าน
ต่อมาวันที่ 19 ตุลาคม 2549 มีมือปืนยิงจากระยะไกลเข้ากกหู นายรณชัย อุดมวิบูลย์ อายุ 44 ปี เสียชีวิต บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าท็อปส์ ซูเปอร์มาเกต ถนนอาร์ซีเอ แขวงมักกะสัน เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร
ผู้ตายกำลังขึ้นรถเก๋งยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู รุ่น 730 สีดำ ทะเบียน ษว 8999 กรุงเทพมหานคร สอบสวนแล้วไม่พบปัญหาขัดแย้งกับใคร เป็นเพียงพนักงานขับรถให้ลูกชายเจ้าของบริษัทเยลลี่ ยี่ห้อปีโป้ ระหว่างรอเจ้านายทำธุระ ได้ลงจากรถไปสูดอากาศหายใจ
ผ่านไปอีกเดือนคดีไม่มีความคืบหน้า เกิดมือปืนรายเดียวกันสังหาร นายปองคุณ หิรัญญนิธิวัฒนา อายุ 30 ปี ผู้จัดการบริษัทเวสเทิร์น เดคอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ขณะกำลังไขประตูรถเก๋งบีเอ็มดับบลิว รุ่น 525 สีบรอนซ์เทา ทะเบียน ฉล 5888 กรุงเทพมหานคร ที่จอดอยู่หน้าร้านอินดี้บาร์ ถนนเชื้อเพลิง แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร
กระสุน.22 ทะลุท้ายทอยผู้จัดการธุรกิจนำเข้าบล็อกแก้วตายคาที่
จากนั้นคนร้ายเชิดรถเก๋งบีเอ็มดับเบิลยูหายไป พร้อมนาฬิกายี่ห้อโรเล็กซ์มูลค่า 2 แสนบาทของผู้ตาย
ตำรวจนครบาลประมวลเหตุการณ์จากพยานหลักฐานและเปรียบเทียบแผนประทุษกรรมยืนยันคนร้ายมุ่งประสงค์ชิงทรัพย์เหยื่อทั้ง 3 รายด้วยการกระทำอันโหดเหี้ยม ใช้ปืนยาวติดกล้องเลเซอร์และท่อเก็บเสียงตระเวนล่าตอนเวลาดึกตามลานจอดรถใจกลางกรุง
พล.ต.ท.วิโรจน์ จันทรังษี ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล มอบหมาย พล.ต.ต.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น รองผู้บัญชากาตำรวจนครบาล พ.ต.อ.ปรีชา ธิมามนตรี รองผู้บังคับการหัวหน้าศูนย์สืบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.อ.ชาญ แสงเสียงฟ้า ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนนครบาล 5 กับพวกตามแกะรอยจากทรัพย์สินผู้ตายนำไปสู่การจับกุม นายภูริทัต หรือ หนุ่ม คีรีเอกสถิต อายุ 29 ปี นายปิยเกียรติ หรือ ปอม กิติวรนันท์นกุล อายุ 24 ปี
ซัดทอด นายวรเพชร หรือ เพชร สมประเสริฐ อายุ 23 ปี หนุ่มรุ่นน้องเป็น “หัวหน้าแก๊ง” ขับรถล่าเหยื่อด้วยการซุ่มยิงจากในรถตัวเองด้วยการใช้เลเซอร์ติดลำกล้องส่องจากระยะไกล
ปิดแฟ้มคดีฆาตกรต่อเนื่องอำมหิตที่ครั้งนั้นหลายคนยังตกใจ
เพราะ นายวรเพชร หรือ เพชร สมประเสริฐ เป็นถึงลูกชายเจ้าของร้านขายอะไหล่รถมือสองย่านปทุมวัน อยู่ในขั้นฐานะดี เคยถูกส่งไปเรียนที่ประเทศอังกฤษ แต่ไม่จบ กลับมาใช้ชีวิตเสเพล ติดยาไอซ์ และเป็นหนี้พนันฟุตบอล
หลงเข้าสู่ “ด้านมืด” สวมวิญญาณนักฆ่าคนบริสุทธิ์อย่างเลือดเย็น
