การสูญเสีย หน่วยอรินทราช 26 นักรบตำรวจในชุดฟาติกสีกรมท่า เรียกน้ำตาเพื่อนร่วมงานไม่น้อย
ร.ต.อ.ตระกูล ทาอาษา และ ด.ต.เพชรรัตน์ กำจัดภัย จะมีชื่อติดเป็นอนุสรณ์ “วีรบุรุษสีกากี” อยู่ฐาน อนุสาวรีย์ผู้พิทักษ์รับใช้ประชาชน กองบัญชาการตำรวจนครบาล
ทั้งคู่เป็นอีกตำนานความสูญเสียที่ไม่มีใครอยากให้เกิด
“ไม่ขอวิจารณ์ เกี่ยวกับ สถานการณ์ และเกี่ยวกับยุทธวิธี เนื่องจากไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ทว่าการสูญเสียของกำลังพลหน่วยอรินทราช ถือเป็นเรื่องสำคัญ อย่าให้เสียเปล่า ต้องเกิดการเปลี่ยนแปลง ในทางที่ดีให้แก่หน่วยงาน” อดีตนายตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่ดีสุดของนครบาลระบายความรู้สึก
เจ้าตัวยังระลึกถึงหน่วยเสมอ และได้ทำ “ดุษฎีนิพนธ์” เป็นผลงานชิ้นสำคัญให้แก่หน่วย
เรื่องการธำรงบุคลากรของหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายอรินทราช 26
บอกเล่าเรื่องราวการสร้างระบบภายในหน่วยที่จะเสริมสร้างให้หน่วยมีความเข้มแข็งสามารถรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ก่อนโดนพิษ “มารขาว-มารดำ” ย้ายพ้นหน่วยกลายเป็น “ปลาผิดน้ำ”
จากเหตุการณ์จ่าทหารคลั่งกราดยิงชาวบ้านกลางเมืองนครราชสีมากระทั่งเกิดการปะทะ “จับตาย” แต่ต้องแลกชีวิตหน่วยอรินทราช 26 มากประสบการณ์ และยังมี ส.ต.อ.กฤษดา การุณ บาดเจ็บสาหัสนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลอีกคน
ทำให้หลายคนคิดถึงเขา
รำพันผ่านเฟซบุ๊กว่า ถ้าเปรียบหน่วยอรินทราชเป็นบ้านหลังที่ 2 ของพวกเรา ผู้นำหน่วยที่ดี ก็เป็นเหมือนหัวหน้าครอบครัว เป็นเหมือนพ่อของทุกคน
พวกเราโชคดี ที่ได้มีพ่อ คนหนึ่งที่อยู่กับบ้านหลังนี้มาตั้งแต่เป็นผู้บังคับกองร้อย เป็นรองผู้กำกับการ และเป็นผู้กำกับการ
กว่า 10 ปีที่พ่อสร้างบ้านหลังนี้มากับมือ พัฒนาบ้าน ให้เป็นบ้านที่น่าอยู่ สรรหาทุกอย่าง ที่คิดว่าจำเป็นสำหรับบ้านหลังนี้ (พวกอุปกรณ์ และอาวุธยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ) ดูแลลูก ๆทุกคน(กำลังพล) ทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว
ไม่ว่าใครจะอยากออกไปร่ำเรียนหลักสูตร ศึกษาหาวิชาความรู้ พ่อก็จะคอยหางบมาสนับสนุน เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์จริง ผู้ที่ผ่านการฝึกฝนและทำซ้ำ ๆ จึงจะรับมือกับสถานการณ์ที่เลวร้ายเหล่านี้ได้
พ่อทำให้ปากท้องอิ่ม มีกิจกรรมดี ๆร่วมกันอย่างสม่ำเสมอ อบอุ่นสมเป็นครอบครัวอริน
มีการพูดคุย ช่วยเหลือ เมื่อคนในครอบครัวต้องเผชิญกับปัญหาทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว เพราะพ่อเราเป็นนักจิตวิทยา นักเจรจา และนักสังคมสงเคราะห์
สิ่งสุดท้ายที่หัวหน้าครอบครัวคนนี้พยายามทำ คือ เปลี่ยนบ้านของพวกเราให้เป็นหลังใหม่ที่ใหญ่กว่าเก่า ให้พรั่งพร้อมในทุกด้านทั้งการฝึกและกินอยู่หลับ นอน
แต่น่าเสียดายที่ทุกอย่างยังไม่ทันเสร็จสมบูรณ์ พ่อก็ต้องพลัดถิ่นไปดูแลบ้านหลังอื่นแทน
ถึงวันนี้ วันที่ทุกคนเศร้า เสียใจ กับการสูญเสียสมาชิกในครอบครัว คนที่พวกเราระลึกถึงก็คือ พ่อคนนี้ ถ้าไม่มีอุปกรณ์ดี ๆที่มีประสิทธิภาพในการออกไปทำงานจากการพยายามในการสรรหาจากพ่อ ป่านนี้พวกเราอาจบาดเจ็บหรือสูญเสียไปมากกว่านี้
จากใจลูกคนหนึ่งที่เคยอาศัยอยู่ในบ้าน ตอนที่พ่อเป็นหัวหน้าครอบครัวของเรา
เราอยากให้พ่อได้กลับมาดูแล มาให้ความอบอุ่น ปลอดภัย มาสร้างความมั่นคงให้ครอบครัวเราได้เติบโต ได้ขยายใหญ่ขึ้น เพื่อสร้างนักรบที่เชี่ยวชาญทั้งการยุทธ และการให้ความช่วยเหลือเพื่อเป็นที่พึ่งพิงให้กับประชาชน
ลูกน้องเก่าอยากให้เขา “กลับมาทำบ้าน ให้กลายเป็นบ้านอีกครั้ง”
ส่วนตัวเขาเองก็เสียดายที่มีใครบางคนพังบ้านหลังนี้เสียหาย
อีกผลพวงจากพิษแต่งตั้งโยกย้ายหลายปีก่อนไปทำลายระบบการทำงานของบ้านอรินทราชย่อยยับ