“หมวดไบโอ “วิ่งออกกำลังกายสะสมพลัง

 

มวดไบโอ-ร.ต.ต.อิศรานุวัฒน์ ภุมรินทร์ รอง สว. ฝอ.8 บก.อก.ภ.5 ผู้หมวดป้ายแดงที่เพิ่งประดับดาวบนบ่า เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2559 ที่ผ่านมา หลังจากได้สอบคัดเลือกบุคคลภายนอกเข้ารับข้าราชการตำรวจ ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรการฝึกอบรมข้าราชการตำรวจและบุคคลที่บรรจุหรือโอนมาเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร (หลักสูตร กอส.) รุ่นที่ 40 สร้างความภาคภูมิใจให้กับผู้เป็นพ่อ พล.ต.ต.ติณภัทร ภุมรินทร์ ผบช.สกบ. และคุณแม่อุไรรัตน์ ภุมรินทร์ เป็นอย่างมาก

ก่อนที่จะมาเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ก้าวเดินตามรอยเท้าพ่อ หมวดไบโอ จบชั้นมัธยมจากโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ หอวัง นนทบุรี และได้เข้าศึกษาต่อที่ระดับอุดมศึกษาในรั้วนนทรี เป็นนิสิตสิงห์เขียว ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ ภาควิชารัฐศาสตร์ สาขาบริหารงานยุติธรรมและความปลอดภัย

เมื่อเรียนจบปริญญาตรีก็เริ่มการทำงานในตำแหน่งนักวิเคราะห์นโยบายและแผนในโครงการจัดทำข้อเสนอประเทศไทยเพื่อผลักดันให้เป็นข้อกำหนดของสหประชาชาติ สำหรับการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังหญิงในเรือนจำตามพระราชดำริของ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิตติยาภา หรือ The Enhancing Lives of female Inmates project (ELFI) เป็นระยะเวลา 2 ปี  โครงการนี้เป็นต้นกำเนิดของข้อกำหนดกรุงเทพฯ หรือ The Bangkok Rules บนเวทีสหประชาชาติ ที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย

ต่อมาสอบคัดเลือกเข้าเป็นพนักงานราชการในกระทรวงยุติธรรม ตำแหน่งนักวิชาการยุติธรรม สำนักงานกิจการยุติธรรม  มีหน้าที่ด้านการสื่อสารองค์กรและการวิจัยพัฒนากฎหมายในกระบวนการยุติธรรม อีกทั้งยังเป็นพิธีกรรายการต่างๆทาง Justice Channel ของกระทรวงยุติธรรมอีกด้วย ขณะเดียวกันก็เรียนต่อระดับปริญญาโทใน สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เรียนไปด้วยทำงานไปด้วย ขณะนั้นยังคงไม่ลืมความฝันในวัยเด็กที่อยากรับราชการตำรวจเหมือนกับพ่อ เขายังคงหาช่องทางติดตามข่าวสาร รอการประกาศรับสมัครบุคคลภายนอกเข้ารับการตำรวจอยู่ตลอด แต่ก็พบความผิดหวังจากการสอบหลายต่อหลายครั้งจนเริ่มท้อ  ทำให้ความฝันที่มีเริ่มจางหาย และอยากออกไปทำงานเอกชน เช่นเดียวกับความรักที่ไม่ประสบผลสำเร็จ ต้องอยู่ตัวคนเดียว

เจ้าตัวเล่าย้อนถึงมรสุมชีวิตช่วงก่อนจะมาติดดาวบนบ่าว่า ปกติเป็นคนฟุ้งซ่าน อยู่กับความไม่สบายใจนานๆไม่ได้ ต้องค้นหากิจกรรมที่เป็นยาสมานใจ และให้กำลังใจตัวเองมากที่สุด ทางออกที่คิดได้ คือ การวิ่ง  วิ่งไปเรื่อยๆ ไปที่ไหนก็จะพกรองเท้าวิ่งไปด้วย สุขภาพก็ดี หุ่นก็ดีขึ้น กำลังใจก็ดีขึ้น จึงฮึดสู้กับการสอบเข้ารับราชการตำรวจ ขอเดินตามฝันอีกสักตั้ง เตรียมตัวเป็นอย่างดี กระทั่งทำสำเร็จสอบผ่าน และผ่านการอบรมจนได้ติดดาวบนบ่าได้เป็นตำรวจสมใจ

“กว่าจะได้เป็นตำรวจดั่งใจฝันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย หากนับย้อนกลับไปในวัยเด็ก จากความฝันที่อยากจะเป็นตำรวจตามรอยคุณพ่อ แต่ฝันต้องสลายจากสภาพร่างกายที่ไม่เอื้ออำนวย เพราะผมมีน้ำหนัก 100 กิโลกรัม และไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย ทำให้สอบเข้าโรงเรียนนายร้อยตำรวจไม่ผ่าน รวมถึงปัญหาทางด้านสุขภาพที่ไม่แข็งแรง ไม่เอาใจใส่ในสุขภาพของตัวเอง และในช่วงเรียน ม.ปลาย ถือเป็นช่วงฮอร์โมนวัยรุ่นพุ่งพล่านต้องการมีความรัก แต่ต้องพบกับความผิดหวังเนื่องจากรูปไม่หล่อ หุ่นไม่เป๊ะ จึงแรงบันดาลใจหันมาออกกำลังกายดูแลสุขภาพอย่างจริงจังด้วยการวิ่ง เป็นการออกกำลังที่สามารถเริ่มต้นด้วยตัวคนเดียวได้ เพราะผมไม่สามารถเล่นกีฬาเป็นทีมร่วมกับเพื่อนๆได้ดี ไม่มีทักษะด้านกีฬา ส่วนตัวเป็นคนชอบฟังเพลง จึงใช้เพลงเป็นเพื่อนเวลาออกกำลังกายมาโดยตลอด”

ผู้หมวดป้ายแดงคนนี้บอกถึงการรักการวิ่งของตัวเองว่า เมื่อไปตามสถานที่ต่างๆ จะพกรองเท้าวิ่งไปด้วยเสมอ  ด้วยเหตุผลที่ว่าการที่ได้วิ่งนั้นเป็นการได้ทำสมาธิไปด้วย เพราะเป็นการได้จดจ่อไปกับการย่างก้าวที่เป็นจังหวะของตนเอง การได้สูดอากาศ กลิ่นไอของสถานที่ที่เราสามารถเลือกได้เอง ไม่ว่าจะเป็นท่ามกลางธรรมชาติ ภูเขา ทะเล หรือตัวเมือง ถนนที่สวยงาม ทำให้รู้สึกได้ใกล้ชิดกับบรรยากาศ ได้เห็นภูมิทัศน์บนท้องถนน เจอผู้คนใหม่ๆ และวัฒนธรรมในที่ต่างๆ ได้อย่างชัดเจน รวมถึงการเปลี่ยนแปลงสถานที่ออกกำลังกายไม่ให้รู้สึกเบื่อหน่ายกับการวิ่ง ขณะเดียวกันเสียเพลงก็ยังคงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เพราะเพลงทำหน้าที่อีกส่วนหนึ่งในการเร้าอารมณ์ เข้าจังหวะกับการวิ่ง เสียงดนตรีก็คือสิ่งกระตุ้นที่ทำให้ร่างกายตื่นตัว แนวเพลงที่ชอบ คือ ดนตรีแนว Trance Music เป็นแขนงในกลุ่มดนตรีประเภท อีเล็คทรอนิกส์ แดนซ์ มิวสิก (EDM) ซึ่งเป็นดนตรีที่เมืองแถบยุโรปนิยมฟังกันมาก และกำลังเป็นที่นิยมสำหรับกลุ่มคนในเมืองไทย ชื่นชอบถึงขั้นร่วมกับเพื่อนจนมี Community ขึ้นมา ใช้ชื่อว่า Trance Music Lovers In Thailand ทางเฟซบุ๊ก เป็นการทำให้เพลงแนวนี้เป็นที่นิยมในประเทศไทย รวมทั้งแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีก

หมวดไบโอ ยังบอกอีกว่า หลังสะสมพละกำลังในการออกกำลังกาย จึงเริ่มท้าทายความสามารถในการวิ่งของตัวเอง โดยเข้าร่วมการแข่งขันวิ่งมาราธอน รายการ Mini Marathon ระยะ 10 กิโลเมตร ในงาน Lady Well Run ที่จัดขึ้นย่านพระบรมหาราชวัง รอบพระนคร กรุงเทพมหานคร เมื่อต้นปี 2558 การวิ่งครั้งนั้นรู้สึกท้าทายและตื่นเต้นมาก เนื่องจากปกติจะซ้อมวิ่งหรือวิ่งออกกำลังกายทั่วไป ระยะทางโดยประมาณอยู่แค่ 4 ถึง 6 กิโลเมตร แต่ในการแข่งขันมีระยะทางถึง 10 กิโลเมตร อยากวัดใจ วัดความสามารถของตัวเองในการเข้าร่วมแข่งขัน ผลในการแข่งขันครั้งนั้นจะไม่ได้รางวัลในการเข้าเส้นชัยในอันดับต้นๆ แต่ก็ภูมิใจที่ชนะใจตัวเองได้ สร้างสถิติใหม่แรกให้กับตัวเอง และสนุกกับการเข้าร่วมการแข่งขัน จนต้องหางานวิ่งมาราธอนเพิ่มขึ้น จาก 10 กิโลเมตร เป็น 16 กิโลเมตร และสถิติล่าสุดในการแข่งขันคือ 21 กิโลเมตร

“ตอนนี้ผมได้หาความท้าทายใหม่ๆนอกจากการวิ่งเพียงอย่างเดียว หันมาปั่นจักรยานและว่ายน้ำ เพื่อที่จะก้าวไปสู่อีกระดับขั้นของกีฬาที่เรียกว่าอึดจริงถึงจะผ่านเข้าไปร่วมแข่งขันได้ คือไตรกีฬา เป็นกีฬามาราธอนที่ต้องใช้การว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน และวิ่ง ในการแข่งขันแต่ละครั้ง ก่อนที่จะได้ทดสอบตัวเองในระดับ Sprint Distance เป็นระยะทางสำหรับผู้ที่เข้ามาแข่งขันใหม่ เป็นจุดเริ่มต้นเข้าไปสู่การแข่งขันระดับ  Olympic distance  บอกได้เลยว่าระยะทางในกีฬาแต่ละประเภท ระยะทางนี่เรียกว่าโหดกันเลยทีเดียว  และถึงแม้การแข่งขันในแต่ละครั้งจะไม่สามารถคว้ารางวัลมาครองได้ แต่ผมจะบอกกับตัวเองอยู่เสมอว่า ได้รางวัลมาแล้ว คือ สุขภาพที่ดี ดีทั้งกายและจิตใจ ผมความแข็งแรง ผมแข็งแกร่ง นี้แหละคือรางวัลที่ภาคภูมิใจ และจากการพาตัวเองเข้าเส้นชัยได้ในทุกการแข่งขัน” ผู้หมวดจอมฟิต เล่ากิจกรรมเพื่อสุขภาพอย่างมีความสุข

ร.ต.ต.อิศรานุวัฒน์ บอกย้ำว่า ความคิดที่เริ่มที่จะเปลี่ยนแปลงตนเองจากเด็กอ้วนอืด สิวเยอะ จนทำให้บุคลิกไม่ดี กระทั่งได้เปลี่ยนแปลงชีวิตด้วยการวิ่งจนทำให้น้ำหนักลด หุ่นเป๊ะขึ้น หน้าเกลี้ยงเกลาสดใสจากสุขภาพที่ดีและแข็งแรงถึงทุกวันนี้ ต้องขอบคุณพ่อ แม่ น้องสาวและญาติพี่น้อง รวมทั้งผองเพื่อนทุกคน ที่คอยให้กำลังใจ รวมทั้งรองเท้าและจักรยานคู่ใจ ที่ทำฝันของเด็กอ้วนๆคนหนึ่งกลายเป็นจริงได้ สำหรับคติประจำตัว คือ เมื่อเราคิดอะไรเเล้วต้องลงมือทำให้ถึงที่สุด จงทำในสิ่งที่ชอบ แล้วเราจะมีความสุขไปกับมัน

RELATED ARTICLES