“ยิ้มไว้ หัวเราะไว้ ไอ้อุ้ม”
พล.ต.ต.ภาสกร สถิตยุทธกร ผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เขียนให้กำลังใจตัวเองกับอีก47 วันที่คงเหลือในชีวิตราชการตำรวจ
นายตำรวจรุ่นใหญ่ชีวิตไม่ธรรมดาวนเวียนอยู่กับสนามยิงปืน เป็น “ครูอุ้ม” ที่ลูกศิษย์หลายคนเคารพรักนับถือ
ตัวเล็ก แต่ใจใหญ่
เจ้าตัวเคยเปิดประวัติยาวเหยียดไว้ในเพจ policenewsvarieties สรุปความเป็นหลานปู่ของ พล.อ.หลวงสถิตยุทธการ ลูกชาย พล.ต.ต.สกล สถิตยุทธการ อดีตผู้บังคับการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 1
จบโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร ก่อนเข้าเตรียมทหารรุ่น 21 แต่ไปขึ้นเหล่าพร้อมเตรียมทหารรุ่น 22 กลายเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 38 เดินตามรอยผู้พ่อ ส่วนหนึ่งของแรงบันดาลใจสำคัญในการเลือกเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์
ทำไปทำมาจบพร้อมนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 39 บรรจุหน่วยตำรวจตระเวนชายแดนเขต 3 อุบลราชธานี อย่างที่ตัวเองหวังไว้ เป็นนายเวร พล.ต.ต.ดิเรก สงคศิริ ผู้บังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 2 ขึ้นสารวัตรอยู่โรงเรียนนายร้อยตำรวจทำหน้าที่ครูฝึกยุทธวิธีเกี่ยวกับการใช้อาวุธปืนเพื่อพัฒนาศักยภาพขีดความสามารถนักเรียนนายร้อยตำรวจในอนาคต
ขยับเป็นรองผู้กำกับการอารักขาและรักษาความปลอดภัย กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ เป็นรองผู้กำกับการสายตรวจ ขึ้นผู้กำกับทำหน้าที่ครูฝึกยิงปืนอีกรอบ ควบคู่กับการพัฒนายุทธวิธีตำรวจให้เทียบเท่าต่างประเทศ
สุดท้ายย้ายออกภูธรนั่งเก้าอี้รองผู้บังคับการศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 4 ก่อนคืนกรุงเป็นรองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 7 และติดยศ “นายพล” ตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก่อนเกษียณอายุราชการสิ้นเดือนกันยายนนี้
“ทำงานมา 34 ปี ไม่เคยได้รับอะไรจาก ตร.” พล.ต.ต.ภาสกรรำพัน
“ไม่เคยมีอะไรนอกจากผลงานที่ได้ทำไว้ แล้วแต่มุมมองของแต่ละคน จะมองไหม จะเห็นให้ แต่ที่ผมทำมันเป็นรูปธรรม สัมผัสได้ เห็นได้”
นายบางท่านบอกว่า”คนอย่างมึงก็ทำได้แค่นี้ มึงทำอะไรไม่เป็น”
“ใช่ครับ เพราะผมไม่เคยหาเงินให้ใคร เอาแค่ตัวเองและครอบครัวใช้มีครบเดือนก็บุญหัวแล้ว”
“ไม่เคยลง สน. สภ. มาลงที่ บก.น. 7 เพียง 6 เดือน ผมก็ทำงานตามที่ ผบก.สั่งการ”
ใบประกาศเกียรติคุณ ก็ไม่ได้ทำงานตรงจุดที่กำหนด แล้วคนอย่างมึงทำเหี้ยอะไรวะ
คนอยู่รับราชการต่อไปคิดเอาเอง
“ขอโทษ เอามาก็รกบ้าน ไร้สาระ ให้เพราะจำใจ ไร้ค่า” เจ้าตัวว่า
“ยิ้มไว้ หัวเราะไว้ ไอ้อุ้ม”