“การเมืองมันสอนว่า นี่มันไม่ใช่สังคมของเรา”

ผ่านชีวิตมาอย่างไม่ธรรมดา เริ่มต้นจากนักเลงหัวไม้กลายเป็นผู้คุมเรือนจำยันนักโทษ ก่อนคุมวินรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ไต่เต้าทะยานสู่พนักงานบริษัทกำเงินหลายร้อยล้านบาทถึงสวมบทบาทนักการเมืองคนดังระดับประเทศ

ชื่อของ ฉลอง เรี่ยวแรง ถูกตีตราเป็นผู้กว้างขวางจังหวัดนนทบุรี มีดีกรีเป็นนักการเมืองฝีปากร้ายมองคล้ายเป็นผู้มีอิทธิพลทำตัวเป็นเจ้าพ่อด้วยความที่มีนิสัยนักสู้และไม่ยอมใคร แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้เขาถือว่า คุ้มสุดแล้ว

ฉลองเกิดที่บ้านละแวกวัดบางแพรกใต้ เมืองนนทบุรี พ่อเป็นอดีตดาบตำรวจที่ปรับโอนย้ายไปอยู่กรมราชทัณฑ์ เริ่มศึกษาชั้นประถมโรงเรียนวัดทินกรนิมิตรไปจบโรงเรียนช่างกลนนทบุรีบู๊เอาเรื่อง ด้วยความที่อยากเป็นตำรวจเลยไปสมัครโรงเรียนพลตำรวจแต่ดันไม่ผ่านตรวจโรคเลยหันเหเป็นผู้คุมเรือนจำนนทบุรีตามพ่อแถมเป็นนักฟุตบอลฝีเท้าดีประจำคุก ปีแรกมีโอกาสดูแลนักโทษการเมืองยุคกบฏ 26 มีนาคม 2520 อย่าง พล.อ.ฉลาด หิรัญศิริ รวมถึง พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ทำหน้าที่ผู้คุมประมาณ 10 ปี มีอันต้องกลายเป็นนักโทษเพราะถูกจับข้อหาเช็คเด้งแล้วไม่จ่ายหนี้เขา

เจ้าตัวเล่าว่า ชีวิตตอนนั้นปากกัดตีนถีบ ไปกู้เงินนอกระบบเพื่อมาเปิดร้านขายของชำในเรือนจำ อีกทั้งขี่รถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง พอไม่มีเงินจ่ายเจ้าหนี้ก็ไปเอาตำรวจมาจับ แต่คิดว่าเราไม่ผิด เราโดนหาเรื่อง เพราะเราจ่ายทุกเดือน รายวันก็จ่ายหมด จากเดิมจะเป็นผู้คุม ก็เป็นนักโทษเสียเองและเข้าไปมีเรื่องกับนักโทษอีก

ฉลองบอกว่า เราเป็นนักฟุตบอลเรือนจำ เขาก็ไม่ได้ให้เราทำอะไรอยู่แล้ว ให้เราเดาะบอล เตะตะกร้อเล่น ปรากฏว่า พวกนักเลงนนท์เข้ามาหาเรื่อง หาว่า ทำเป็นเด็กเส้น งานการไม่ทำ พูดจายียวนยั่วโมโห รุ่งขึ้นเลยถามไปว่า มีอะไรก็มาเลย เพราะตอนอยู่ข้างนอกก็ไม่เคยทำอะไรให้ เป็นตำรวจว่าไปอย่าง แต่เราเป็นผู้คุมคอยดูแลทุกอย่าง สุดท้ายวางมวยกัน ร่างกายเราแข็งแรงกว่ามันสู้ไม่ได้ กระทั่งหัวหน้าผู้คุมมาห้าม จับมือเราล็อก คู่กรณีฉวยโอกาสหยิบมีดที่เหน็บไว้ข้างหลังแทงเฉี่ยวหน้าพอดี

“ผมโมโหมาก พอผมสลัดมือหลุด ผมก็จับมือมันแล้วก็หักแขนแล้วกระแทกเสาเหล็กอัดจนเละเข้าโรงพยาบาลเลย ผมมือเปล่า เตะมันปางตาย หัวหน้าเอาผมไปตีตรวน ผมบอกว่าไม่เป็นไร แต่หัวหน้าต้องว่า ตามกติกานะ ตีผม เตะผม แล้วหัวหน้าโดนแน่ ผมออกพรุ่งนี้ก็ได้ แค่เอาเงินมาใช้หนี้ ชีวิตผมไม่เหลืออะไรแล้วนี่  ผมก็ย้ำหัวหน้าเก่าว่า ผมก็เป็นลูกน้องหัวหน้า ต้องเจอคนจริงอย่างผม” นักการเมืองคนดังแฉวีรกรรมคนคุก

เขาถูกจับไปขังเดี่ยวอยู่กับมือปืนอันดับ 1 ของประเทศที่ตกเป็นผู้ต้องหายิงไพรวัลย์ ลูกเพชร นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง นั่งมองหน้าคุยกัน นักฆ่าพระกาฬถึงกับยอมสยบ เพราะได้ยินกิตติศัพท์มานาน ฉลองเล่าว่า  มือปืนคนนั้นถามเราว่า เชื่อเรื่องโชค เรื่องดวงไหม เราตอบไปว่า อยากจะเชื่อนะ เพราะมีคนดูไว้ ตอนขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ป้าคนหนึ่งมานั่งดูลายมือบอกว่า ต่อไปประมาณปี 2538-2541 จะมีคนรู้จักกันทั้งประเทศ มีสมบัติมากมาย มีเงินเป็นร้อยล้านบาทยังคิดเลยว่า ป้าแกบ้าหรือเปล่า เพราะเราจน แม่มีลูก 9 คน ไม่มีอะไรเลย บ้านเมียก็มีที่แค่ 4 ไร่

อดีตผู้คุมที่เผชิญชะตากรรมเป็นนักโทษเสียเองเล่าต่อว่า เพื่อนร่วมขังเดียวก็บอกว่า ดวงตัวมันไม่ตายโหง เราหัวเราะว่าจะเป็นไปได้ยังไง ตอนนั้นมันฎีกาประหารรอเวลายิงเป้า มีคดีโทษประหารอีก 2-3 คดี มันก็บอกว่า ถ้ามีโอกาสมันจะหนี เราก็ว่า ถ้าหนีได้ถือว่าโชคดี แต่อย่าไปทำร้ายเจ้าหน้าที่เขา ไม่นานมันก็แหกคุกหนีจริงแล้วยังไปก่อคดีปล้นโดนจับอีก มันก็รอดตายทุกครั้ง หลายปีก่อนตอนเป็นสมาชิกสภาผู้แทนแล้ว มันยังแวะมาหาเลยให้เงินไปซื้อมอเตอร์ไซค์เลย

“ดวงคนมันจริงๆ นะ ผมว่า คุกนี่มันอาถรรพณ์ ผมดูคนโดนยิงเป้ามาตั้งแต่นายพล ยันขอทานเลย ดูเป็นร้อยคน ศพแรกที่ผมดู คือ ท่านฉลาด เห็นแล้วผมปลงชีวิต ดูตั้งแต่เราเป็นคนเบิกออกมาแล้วมานั่งให้พระเทศน์ก่อน ดูกิริยาท่าทาง ดูมันทุกอย่างว่าเป็นไง ไอ้คนที่ทำจริงก็รับกรรมไป แต่ไอ้คนที่ไม่ได้ทำจริง แต่หลักฐานมันแน่น เหมือนอย่างผมที่ก่อนหน้าถูกจับคดีปล้น เพราะหน้าคล้าย ถ้าเจ้าทุกข์ไม่มีคุณธรรมไม่มาชี้ ผมโดนแล้ว”

ติดคุกมาถึงเดือน เมียไปขอเงินพ่อตามาจ่ายผู้เสียหายคดีเช็ค ชีวิตของเขายังลุ่ม ๆ ดอน ๆ หันไปขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ซื้อรถฮอนด้า สปรินเตอร์ ใหม่เอี่ยมออกมา มีลูกน้องชวนไปส่งของลพบุรี แต่เมียทักว่า อย่าไป เพราะไกลมาก กระทั่งประสบอุบัติเหตุถูกรถบรรทุกชนท้ายร่างกระเด็นไปกับพื้นถนนตรงช่วงหินกอง สระบุรี โดนรถปิคอัพตามหลังมาทับขา และเกือบโดนรถพ่วงเหยียบซ้ำ หากลูกน้องที่ไปด้วยกันไม่ช่วยกระชากร่างออกมาหวุดหวิด

หมอให้เข้าเฝือกขา 45 วัน ทนได้แค่ 30 วันไปนั่งพิงเสาศาลหลวงปู่วัดบางแพรกใต้ อธิษฐานว่า ทำเวรทำกรรมอะไรไว้ขอให้ตกที่เขา อย่าตกที่ครอบครัว แต่ถ้าหมดเวรหมดกรรมแล้ว ขอให้ชีวิตดีขึ้นบ้าง จุดธูปจุดเทียนบอกหลวงปู่เสร็จไปนั่งร้านก๋วยเตี๋ยวที่กินประจำตัดสินในตัดเฝือกออกเอง ไม่รอตามหมอกำหนดแล้ว เริ่มออกกำลังขา ขี่มอเตอร์ไซค์ใหม่ให้เมียที่จบมหาวิทยาลัยรามคำแหงจดวิน ส่วนตัวเองเป็นเจ้าพ่อคุมวินมอเตอร์ไซค์แข็งเมืองออกแนวโจรเต็มตัว ไม่มีจ่ายส่วยตำรวจ ใครจะมายึดก็ไม่ยอม ไม่ว่าจะใหญ่แค่ไหนถึงขั้นปะทะลูกน้องเจ้าพ่อเบอร์  1 เมืองนนทบุรีขณะนั้น ประกาศสู้แหลก “ถ้ามายึดมึงตาย” บางครั้งผู้ใหญ่ต้องมาเป็นกาวใจไม่ให้เรื่องบานปลาย

“ตำรวจมาไม่จ่าย นักเลงมาสู้ ดำเนินชีวิตแบบโจรแล้ว ไม่มีอะไรจะเสีย ใครจะคิดว่าอนาคตจะเป็นนักการเมืองตามที่ป้าดูลายมือทำนายไว้” ฉลองหัวเราะกับฉากนักบู๊ในวัยหนุ่ม กระทั่งวันหนึ่ง ลักษณา เพียรเจริญทรัพย์ นักการเมืองดังของจังหวัดที่ลงสมัครผู้แทนคู่กับประกอบ สังข์โต นักเรียนการช่างนนทบุรีรุ่นพี่เข้ามาทาบทามให้ไปทำงาน “เราก็เป็นเด็กเกเรแถวนี้ ผู้คุมนี้ชี้ลูกบ้านทุกคนให้ลงได้ คนแถวนี้ก็รักผม ถึงผมเกเร ชนิดที่วัดบางแพรกใต้ มีงานมีหนัง มีลิเก ไม่มีคนมาดูเลย ถ้ามีเรื่องกันต้องมีผมอยู่ด้วยจนแบบว่ายิงกัน ตีกันจนไม่มีคนมาเที่ยว ไม่มีใครกล้ามางานวัด พอผมเป็นผู้คุม พวกเกเร พวกนักเลงก็กลัวเรา”

จากบทเจ้าพ่อคุมวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างภูธรเขาถูกส่งไปทำหน้าที่พนักงานรับส่งเอกสารบริษัทมิตซูบิชิ (รอเช็กชื่อให้ชัดอีกที)อยู่ในเมืองหลวง เดือนเดียวถูกลองใจให้เบิกเงินล้านไปจนถึงสิบล้านขี่มอเตอร์ไซค์สะพายกระเป๋ากระทั่งได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากเจ้านายกลายเป็นช่องทางให้เขาได้เรียนต่อปริญญาตรีคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต พอกลับมาได้ปรับเงินเดือนขึ้นและทำหน้าที่ดูแลเรื่องเงินอย่างเดียวพร้อมปืน 11 มิลลิเมตรอีกกระบอก

“ผมบอกว่า กลัวคนมาปล้นเงินผมไป เพราะผมถือเงินวันละ 20 ล้าน นายเลยเอาปืนมาให้ผมเลือก ผมก็เลือก 11 เป็นปืนเถื่อน ไม่มีทะเบียน เวลามีเรื่องจะได้ไม่เดือดร้อนใคร บอกนายว่า ถ้าตัวตายเงินหาย แต่ถ้าตัวไม่ตายเงินอยู่ บอกแบบนี้ทุกวันจนกระทั่งบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์  ชีวิตก็เปลี่ยนแปลง เป็นคนที่นายไว้ใจที่สุดในบริษัท เปิดเซฟได้เวลานายไปต่างประเทศ ผมจะจัดการเรื่องเช็คได้ เขียนเบิก บัญชีทุกบัญชีอยู่ในมือผม เขาไม่รู้เรื่อง แต่ผมก็ไม่เคยโกงเขาแม้แต่บาทเดียว ถอนเงินตรงนี้ไปไว้ตรงโน้น ก็บอกเขาหมด”

ชีวิตเริ่มดีเป็นลำดับเมื่อเจ้านายให้ช่วยเป็นหัวคะแนนและลงเล่นการเมืองท้องถิ่นเป็นสมาชิกสภาเทศบาล และคอยดูแลการเงินบริษัท แถมคุมผับ รับทำหวยเถื่อน มาจับงานซื้อขายที่ดินให้เจ้านาย ทำเงินมากมายมหาศาล นำเงินบางส่วนไปเล่นหุ้นอาศัยดูความเคลื่อนไหวตลาดหลักทรัพย์จากผู้บริหารบริษัทมีเงินเป็นร้อยล้านบาทตามที่หมอดูทำนายไว้ก่อนหน้าหลายสิบปีก่อน จากนั้นสวมเสื้อพรรคประชากรไทยลงสนามเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนนทบุรี เขต 6

ฉลองยอมรับว่า ทำอะไรไม่ถูกลงสมัครผู้แทนสมัยแรกล้มช้างชนะถวิล จันทร์ประสงค์ แชมป์เก่าหลายสมัย เมียไปห้างเดอะมอลล์ งามวงศ์วานที่เพิ่งเปิดใหม่ซื้อเนคไทผูก เราคนบ้านนอก ผูกก็ไม่เป็นต้องเลือกแบบสำเร็จรูปมา สูทไม่เคยใส่ก็ต้องใส่ เมียยังซื้อพระ สร้อยคอ แหวนทอง เลทขอมือเพื่อให้เราดูดี แต่พอเข้าสังคมกลับโดนแซวให้ถอดเลทออก ห้างทอง ธรรมวัฒนะ ยังให้เนคไทยี่ห้อดีมาใช้ “ชีวิตมันเปลี่ยน มันก็ไปของมันเรื่อยๆ ตอนนั้นมีเท่าไหร่ก็ใช้ไป มีร้อยล้านก็ใช้ มีอยู่วันทะเลาะกับนาย เสียหุ้นไป 36 ล้าน แป๊บเดียวเป็นกระดาษ เป็นช่วงเศรษฐกิจฟองสบู่แตกพอดี”

แม้จะได้เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยยุค พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์นั่งรัฐมนตรี ทว่ามรสุมยังเล่นงานไม่เลิกถูกข้อหาพัวพันทำซีดีเถื่อนเป็นข่าวกระฉ่อนทั่วประเทศ เขาแจงว่า ทุกธุรกิจตอนนั้น มีชื่อโดนเอาไปอ้างหมด สุดท้ายเรื่องซีดีเถื่อนก็ไม่เคยถูกดำเนินคดีแม้แต่ครั้งเดียว แต่พอมีการจับจากที่อื่น ตอนที่เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรี การเมืองก็โยงมาที่เรา มาถล่มบ้าน มาค้นโรงงานที่ระบุว่าผลิตซีดีเถื่อน

“ไอ้ซีดีเถื่อน มันไม่มีหรอก แต่พอภาพมันออกไปมันก็เสียหายไง ผมไม่คิดว่าจะไมได้รับความไม่ไว้วางใจ เพราะผมไม่ได้เป็นรัฐบาล รัฐมนตรีจะมาพาดพิงถึงผม ผมก็ไม่สน เพราะผมเอาความจริงมาพูด ผมเป็นนักการเมืองตอนนั้นยังแค่ปีกว่าๆ ยังไม่ถึงสมัยหนึ่งเลย บอกว่า ถ้าผมทำผิดจริงนะ ผมลาออกเลย ผมไม่หน้าด้านนั่งอยู่ตรงนี้หรอก แต่ถ้าไม่จริงตามที่ผมพูด ให้ตั้งกรรมาธิการมาสอบได้เลย” ฉลองว่า

“การเมืองมันสอนว่า นี่มันไม่ใช่สังคมของเรา การเมืองมันต้องเป็นคนที่เล่นละคร ต้องกล้าที่จะโกหก กล้าที่จะต้องตามน้ำ กล้าที่จะพูดดำเป็นขาว พูดขาวเป็นดำ  ผมเคยโดนทหารอุ้ม เพราะผมไม่ไปฝั่งตรงข้ามจะให้ผมไปประชาธิปัตย์ ผมไม่ไป เลือกซ่อมคนก็เลือกผม ผมก็ชนะ ถ้าผมไม่ถอย ไม่มีทางชนะผมได้หรอก ผมลงทีไรผมคิดถึงแต่จังหวัดผม คนแถวนี้เลือกผมหมดแหละ ผมไม่กลัวหรอกมาเหอะ ใครก็ได้ ผมไปทุกวงการ ลิเก วงการพระเครื่อง เตะฟุตบอล ผมก็ไป”

ผู้แทนคนจังหวัดนนทบุรียังมองว่า แต่ก็ยังดีกว่ายุคนี้ ที่ปัจจุบันเลวร้ายที่สุดในชีวิตแล้ว ถึงกระนั้นก็ตาม หากมีเลือกตั้งก็ลงอีก ถามว่า ทำไม เพราะมันมีอะไรที่เราต้องสะสาง รอดูว่า ฉีกรัฐธรรมนูญแล้ว จะเอายังไง ที่ว่า รัฐธรรมนูญฉบับต่อไปต้องปฏิวัติไม่ได้ เชื่อว่าจะเขียนยังไงก็ฉีก เพราะพอปฏิวัติก็ฉีกแล้ว ขออภัยโทษให้ตัวเอง

อดีตนักการเมืองใจนักเลงลั่นคำว่า  เหมือนการนำเอากฎหมายย้อนหลังมาใช้ ไม่ว่า แต่ถ้าเขาเข้าไปบ้างจะออกพระราชกำหนดย้อนหลังบ้าง เพราะทุกวันนี้มีขอมูลแต่ละกระทรวงหมดแล้ว เรียกมากกว่ามีสมาชิกสภาอีก ถึงบอกว่าต้องเข้าไปสะสาง บางคนเงินไม่เอา แต่เมียเอาหรือเปล่า ลูกน้องเอาหรือเปล่า “ผมทำงานมหาดไทยผมรู้หมด คนที่รวยมากที่สุด ใครคนโกง นักการเมืองหมายถึงรัฐมนตรีย้ายไปก็มีคนใหม่มา แต่ข้าราชการประจำอยู่กันยาว พ่อค้า นักธุรกิจ วังวนอยู่กันตรงนี้รวยกว่านักการเมืองอีก”

ฉลองทิ้งท้ายว่า ตัวเองเป็นคนไปได้ทุกวงการ คนรวย คนจน คนระดับไหน ผ่านมาหมดแล้วชีวิตนี้ อยากบอกว่า ผู้ใหญ่ในการเมืองคนที่เป็นคนจริงทางการเมืองสัมผัสมา คือ ท่านเสนาะ เทียนทอง และป้าอุไรวรรณ เทียนทอง ที่พูดจริงทำจริง คนอื่นตนไม่เชื่อ ในพรรคเพื่อไทยก็ไม่เชื่อถือใคร แต่จะไม่ว่าใคร เพราะไม่มีใครมาว่าตน  ตนไม่เคยได้ดิบได้ดีเพราะนายของพรรคนี้ คนที่รู้คุณค่าตน คือ ท่านอุดมเดช รัตนเสถียร

 

RELATED ARTICLES