“การตายของท่านจะถูกยกย่อง ขอสรรเสริญผู้ที่จะต้องเสียชีวิตไว้ล่วงหน้า”
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพิ่งยกตัวอย่างเรื่องเล่าในสมรภูมิสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อประเทศสหรัฐอเมริกากำลังจะชนะสงครามจำเป็นต้องรักษาระเบียบวินัยของเหล่าทหาร
ต้องเลือกประหารผู้ไร้ระเบียบวินัย หย่อนยานที่อาจทำให้ “แพ้กลศึก” ต่อศัตรู
“ถ้ามีผู้กำกับการคนไหนทำผิด ถูกประหารชีวิตก็ต้องทำ” แม่ทัพสีกากีลั่นคำประกาศิตในวันมอบนโยบายตำรวจระดับ รองผู้บังคับการ-ผู้กำกับการ ที่ได้รับการแต่งตั้งโยกย้ายเข้ารับตำแหน่งใหม่ เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2563
ก่อนประเดิม “เชือด” หัวหน้าหน่วยเป็นตัวอย่าง
พล.ต.ต.ปภัชเดช เกตุพันธ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระยอง ต้องถูกบันทึกเป็น “นายพลคนแรก” ที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข สะบัดปากกา “เสียน้ำหมึก”ลงนามคำสั่งย้ายไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยขาดจากตำแหน่งเดิม
หลังจากมานั่งเก้าอี้ผู้นำเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2563
ถึงเวลาที่ “แม่ทัพปทุมวัน” ต้องกลับมาเลือกใช้บทแข็งกร้าว “ลงแส้” ผู้ใต้บังคับบัญชา
พิษเชื้อวายร้ายไวรัส “สายพันธุ์โคโรน่า” แพร่ระบาดบ่อนใหญ่กลางเมืองระยอง ชนวนบานปลายกระจายไปหลายจังหวัดทั่วประเทศ
แถมขยายวงรุกล้ำเข้าไปในที่ประชุมกรรมาธิการของรัฐสภา
ว่ากันว่า “เชื้อคนบ่อน” น่าจะแรงกว่า “เชื้อโรคโควิด”
บ่อนพนันอิทธิพลภาคตะวันออกชั่วโมงนี้ไม่มีใครดังเท่า “หลงจู๊ชาย” ที่กล้าท้าทายกฎหมายและนโยบายของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้ที่เคยไปนั่งรักษาราชการแทนตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ประกาศ “คลีน” บ่อนการพนัน ตู้ม้า และแหล่งอบายมุข “ธุรกิจสีเทาดำ” ในพื้นที่ชายฝั่งทะเลทำเลทองของประเทศ
เจ้าตัวถึงรู้ดีว่า ใครเป็นใคร และใครอยู่เบื้องหลังใคร
บางทีต้อง “กลืนเลือดเชือด” ไม่ให้หลุดกรอบจนเกินพอดี
เงินหมุนเวียนจาก “บ่อนการพนัน” หลายร้อยล้านบาททั่วประเทศอาจเสมือน “ท่อน้ำเลี้ยง” ของเหล่าตำรวจได้ทั่วทั้งสำนัก
แต่ได้เวลาต้องตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสังคม
อย่าเอาเรื่อง “วิกฤติเงินขาดมือ” มาเป็นข้ออ้างเปิด “ไฟเขียว”
บ่อนพนันเมืองระยองของ “หลงจู๊ชาย” ไม่ใช่ความท้าทายกฎหมายบ้านเมือง แต่เป็นเรื่องความรับผิดชอบชีวิตความเป็นไปของคนไทยทั้งประเทศ
เหมือนที่ พ.ต.อ.รศ.พณาเจือเพ็ชร์ กฤษณะราช อดีตนายตำรวจคนดัง ที่เคยเป็นอดีตสมาชิกวุฒิสภาระยอง ระบายไว้ในเฟซบุ๊กส่วนตัว เรื่องโควิดเมืองระยอง ณ ปัจจุบัน
ระบุว่า ระยองนับได้ว่าเป็นเมืองที่ติดเชื้อโควิด แบบแปลกประหลาดที่สุดในประเทศไทย
โควิดที่ระบาดอยู่หลายๆจังหวัดทั่วประเทศเวลานี้ ล้วนมีความเชื่อมโยงกับตลาดอาหารทะเลที่สมุทรสาคร มีสมมติฐานกันว่ามาจากแรงงานต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองมาทำงานอยู่กันเป็นชุมชนใหญ่ที่นั่น
แม้กระทั่งการระบาดใหญ่จากปาร์ตี้บิ๊กไบค์จากแหล่งที่อันดามันกระบี่ก็เชื่อมโยงกับตลาดที่สมุทรสาคร
ที่ว่าแปลกคือ โควิดที่ระยองไม่เกี่ยว ไม่มีความเชื่อมโยงกับตลาดสมุทรสาครเลย
ตามที่ผู้ว่าราชการจังหวัดระยองแถลงข่าวเป็นทางการล่าสุดว่า ระยองมีการติดเชื้อทั้งหมด37ราย
มี 1 รายตรวจพบที่ กทม. นับเป็นการติดเชื้อที่ กทม.ไม่ใช่ระยอง
1รายนี้ยกไว้ ขอไม่กล่าวถึง
แต่อีก36รายที่ผู้ว่าฯเองรับว่าติดมาจากบ่อนการพนันผิดกฎหมายในเมืองระยองนี่แหละ (มันไม่ถูกอยู่แล้วเพราะ กม.ห้าม)
เรื่องมันเป็นอย่างนี้
บ่อนใหญ่ที่เคลียร์หน้าเสื่อได้เรียบร้อยจะมีอยู่ 2 บ่อน ในเมือง(บขส.เก่า) กับมาบตาพุด โดยมีเจ้าของใหญ่คนเดียวกัน
หุ้นส่วนบ่อนที่มาบตาพุดนั้นกระเจิดกระเจิงแพแตกมาจากบ่อนพัทยา(นาย พ.กับ ม.) มาอาศัยบารมีเจ้าของบ่อนใหญ่ในเมืองระยอง ประกอบกิจการต่อ ในลักษณะหุ้นส่วนกัน ด้วยการเคลียร์เบ็ดเสร็จทุกฝ่ายทุกระดับ
กิจการดำเนินตลอดมาด้วยความราบรื่น ลูกค้าอุ่นหนาฝาคั่ง
บ่อนนี้เน้นบ่อนไพ่ มีไฮโลเต๋าปั่นแค่ตัวประกอบ ทีนี้บ่อนไพ่มีความจำเป็นต้องใช้ดีลเลอร์ (เจ้ามือคนแจกไพ่คนคอยคิดตังค์จ่ายตังค์) ดีลเลอร์พวกนี้คนไทยไม่มีความชำนาญจึงมีความจำเป็นต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญนำเข้าจากต่างประเทศคือเขมร (บ่อนเขมรมีมาก ดีลเลอร์เก่งประสบการณ์สูงเป็นที่ต้องการอย่างยิ่งของตลาดบ่อนทั่วไทยที่สารวัตรและดีลเลอร์โดนยิงตายเป็นข่าวดังในบ่อน กทม.เมื่อไม่นานมานี้ ดีลเลอร์ก็สาวเขมรนั่นแหละ)
การนำเข้ามาเป็นการลักลอบเข้าทางพรมแดนธรรมชาติ โดยเคลียร์ทุกระดับประทับใจ (เข้าถูก กม.ไม่ได้ สมัยก่อนโควิดยังมั่วๆ ถือพาสปอร์ตนักท่องเที่ยวบ้างแรงงานด้านอื่นบ้าง)
เข้าแบบนี้ไม่ต้องกักตัวไม่ต้องตีตราประทับ
ไม่ต้องตรวจหาเชื้อห.เหวอะไรทั้งสิ้น
เมื่อเข้ามาแล้วก็จะจัดที่พักอาศัยกินอยู่หลับนอนรวมกันตามรีสอร์ตคอนโดบ้านเช่าในเมืองระยองนั่นแหละ ถึงเวลาทำงานก็ออกไปทำกันเป็นกะหมุนเวียนกันไปตลอด24 ชม.
ทีนี้บ่อนไพ่
การเล่นไพ่คนเล่นจะสัมผัสกันใกล้ชิด จามไอใส่กัน หายใจรดกัน ทำนองนั้น ไหนจะสัมผัสไพ่ สัมผัสเงินที่รับมาจ่ายไป ป้ายหน้าป้ายตาตัวเอง
ถามว่ามันติดเชื้อโควิดกันได้อย่างไร ถึง 36 คนในวันเดียว อ่านดูจะรู้ว่าเหตุผลมันเกินพอ
แล้วมันจะมากขึ้นไปเรื่อยๆทับเท่าทวีคูณ(อัตราส่วนโดยเฉลี่ย1จะพาติด2.2)
เพราะอะไร
เพราะเชื่อว่าหลายๆคนยอมติดโควิดเงียบๆ ปกปิดตัวตนของตัวเอง คนมีหน้ามีตาไม่น้อยที่เข้าบ่อนที่ว่านี้ (ครู ข้าราชการ พ่อค้าแม่ค้า นักการเมือง) หรืออาจจะแอบไปตรวจรักษาที่อื่น
โกหกเรื่องไทม์ไลน์
เรื่องมันเป็นแบบนี้ มันจะควบคุมได้อย่างไร
หนูเทวดาที่ไหนจะควบคุมได้
มันไม่ควรจะมีบ่อนการพนันในระยองตั้งแต่แรก จะยุคโควิดหรือไม่โควิดก็ตามเถอะ ยิ่งยุคโควิดระบาดยุคนี้ด้วยแล้ว เพราะมีบ่อนการพนัน ผลกรรมถึงต้องมาตกกับคนระยองแบบนี้
ตู้ม้าทั่วระยองก็เหมือนกัน เครือข่ายเดียวกัน
ผบ.ตร.คนใหม่ขึ้นมาบอกจะปราบบ่อน ปราบตู้ม้าให้หมด
ไม่เห็นทั้งบ่อนและตู้ม้าเดือดร้อนยังอยู่สุขสบายเหมือนเดิม เบิกบานกว่าเดิม สร้างความร่ำรวยให้กับเจ้าของ และผู้รับส่วยทั้งหลายยิ่งกว่าเดิม
แทนที่กรรมติดโควิดจะตกกับไอ้คนระยำพวกนี้กลุ่มนี้ พระสงฆ์องค์เจ้าลูกเล็กเด็กแดงคนบริสุทธิ์ในระยองที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เป็นส่วนรวม ต้องมารับกรรมไปด้วย
ใช้ไฟจากนรกเผาคงแรงไม่พอ
“ระยองเมืองแห่งความสุข” พ.ต.อ.พณาเจือเพ็ชรว่า