“โบแดง”ที่กำลังแปดเปื้อน “เขม่าสีดำ”

องค์การตำรวจย่อมหนีไม่พ้นเปื้อนคราบความสกปรกของสังคม

อยู่ที่ “เครื่องแบบสีกากี” ของใครจะเลอะคราบ “เขม่าสีเทา” ไปถึง “ดำสนิท” มากกว่ากัน

เหตุใด “หลงจู๊ชาย” นายบ่อนติดยาถึงมีอิทธิพลกว้างขวางแถบภาคตะวันออกในยุคหลัง

คำตอบคงเป็นเพราะ “ผู้มีอำนาจ” หนุนหลังผลักดันให้ธุรกิจบ่อนการพนัน ตู้ม้า ตู้เกมไฟฟ้า เติบโตเฟื่องฟูไปเป็น “น้ำหล่อเลี้ยง” ยุทธจักรตำรวจหลากหลายหน่วย

“ชนวนจากระบบห่วยหรือเจ้านายเฮงซวย”  คนนอกรั้วเปรียบเทียบไม่ยาก

ทว่าคนในสำนักปทุมวันรู้ตื้นลึกหนาบางกันดี

“หัวไม่ส่าย หางไม่กระดิก” ประโยคทองยอดฮิตเกินกว่าทศวรรษ

“หลงจู๊ชาย” นายบ่อนใจถึง “พึ่งได้” กับทุกคนที่เข้าไป “แบบมือขอ” ทำให้เขาไต่เต้าขึ้นบันไดระดับ “ผู้กว้างขวาง” ไม่ต่างจากบรรดานายบ่อนใหญ่ใจกลางเมืองหลวง

ผลพิษจากการแต่งตั้งโยกย้ายกำลังทำลายทุกอย่างใน “วงจรผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” ลุกลามระบาดไปถึงสังคมภายนอก

ถามว่า ตำรวจเป็นหน่วยเดียวที่ “รับส่วย” บ่อนการพนันอย่างนั้นใช่หรือไม่

สังคม “โลกสวย” มักทึกทักประจักษ์จากสายตาที่มองเห็น ขณะที่ หน่วยอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องต่อแถวมากมายกลายเป็น “ฮีโร่” ในสายตาคนดู

เฉพาะกิจ-เฉพาะเก็บ ปกครองท้องถิ่น ทหาร อำเภอ ตำบล ชุมชนร่วมรู้เห็นด้วยไหม

ถึงเวลาบุ้ยใบ้ “โยนไฟใส่ตำรวจ” ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการบังคับใช้กฎหมาย

การแพร่ระบาดของวายร้ายไวรัสไข้หวัดอุบัติใหม่ “โควิด-19” ถึงกำลังก้าวเข้าสู่เกมเขย่าบัลลังก์ “แม่ทัพสีกากี” อย่าง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข

นายพลมาดสุขุม  นุ่มลึกเต็มไปด้วยประสบการณ์ทำงาน “รับไม้ผลัด” ถัดจาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา เพื่อนรักร่วมรุ่นนักเรียนนายร้อยตำรวจ ยังไม่มีโอกาสทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันก็ต้องเผชิญปัญหาสารพันให้ตามแก้ปม

“มันเหมือนทุกขลาภ” เดอะปั๊ดยอมรับตั้งแต่ได้รับการคัดเลือกนั่งตำแหน่ง พิทักษ์ 1 คนใหม่

“ผมทำอะไรคนเดียวไม่ได้ ทุกคนต้องช่วยกัน” เจ้าตัวรู้อุณหภูมิร้อนหนาวเป็นอย่างดี

ประเดิมด้วยสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มนักเรียน นิสิต นักศึกษา ที่รุนแรงทางความคิดอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ชาติ กระทั่ง “ไข้หวัดอุบัติใหม่” กลับมาระบาดซ้ำอีกระลอกจากคนกลุ่มเห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตัว

กระพือใส่ “ทุ่งปทุมวัน” เป็นไฟเผาไหม้ลามเก้าอี้ “แม่ทัพ-นายกอง” ล้มระเนนระนาด

เหล่ากองเชียร์ให้กำลังใจจุดยืน พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ที่พยายามปลูกจิตสำนึกในทัพตำรวจให้หันมาเปลี่ยนแปลงตัวเอง

มองภาพไปถึงอนาคต

“ตำรวจไทยจะเป็นอย่างไรในอีก 5 ปีข้างหน้า”

หลังจากสามารถขับเคลื่อน “ไทม์ไลน์” ในการแต่งตั้งโยกย้ายระดับ “รองผู้บังคับการ-สารวัตร” เสร็จสิ้นตามเงื่อนเวลาตามที่ลั่นวาจาไว้

ทว่ากลับมีแรงกระเพื่อมจาก “กองแช่ง” ใส่เกียร์ว่าง ปล่อยวางหน้างานไม่ทำตามสั่ง ซ้ำร้ายยังดึงดัน “ดื้อแพ่ง” ฝืนคำประกาศิต

เมื่อได้จังหวะโอกาสภาพลักษณ์ “เพลี่ยงพล้ำ” ถึง “ตกย้ำ” คันเร่งมิด ตะบันเครื่องอัดแหลก

เป็นห้วง 3 เดือนเศษที่ “เดอะปั๊ด” อึดอัด

เขาไม่ใช่ “นายพลหลบฉาก” แต่ชอบอยู่ “เบื้องหลังฉากสำคัญ” เพื่อให้เครดิตคนทำงาน

งานสืบสวนสอบสวนที่ถนัดและกำลังจะรูดม่านปิดเวทีคดีที่สังคมค้างคางใจ

“ใครฆ่าน้องชมพู่” ???

“โบแดง”ที่กำลังแปดเปื้อน “เขม่าสีดำ” กำหนดชะตากรรมแม่ทัพตำรวจ

 

 

RELATED ARTICLES